Home
ภาษาอังกฤษ: (ฟัง+อ่าน) → (พูด+เขียน)
สวัสดีครับ
ถ้ามีการทำโพลถามคนไทยว่า ในทักษะภาษาอังกฤษ 4 อย่างนี้ต้องการทำอะไรเป็นอันดับแรก คือ อ่านรู้เรื่อง, ฟังรู้เรื่อง, พูดได้, เขียนได้ ผมเชื่อว่า จำนวนมากที่สุดจะตอบว่า ต้องการพูดภาษาอังกฤษได้เป็นอันดับแรก
สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ ถ้าต้องการพูดได้ก็ต้องฝึกพูด แต่ไม่ใช่ฝึกพูดอย่างเดียว ถ้าต้องการพูดได้จะต้องฝึกอีก 2 อย่างไปพร้อม ๆ กัน คือฝึกฟังและฝึกอ่าน หรือจะพูดให้ถูกต้องที่สุดก็ต้องพูดว่า 4 ทักษะนี้ต้องฝึกไปพร้อม ๆ กัน ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้เลย เพราะมันเหมือนโต๊ะที่มี 4 ขา ขาดขาใดขาหนึ่งไม่ได้ ตอนที่เรานั่งทำงานอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของโต๊ะ ก็ใช่ว่าโต๊ะตัวนั้นมีเพียงขาเดียวตรงมุมที่เรานั่งทำงานก็จะเป็นโต๊ะให้เราทำงานได้ แม้เราจะไม่ได้ไปนั่งทำงานอยู่ที่อีก 3 มุมก็ตาม
ถ้า 4 ทักษะนี้เราชอบเรื่อง speaking มากเป็นพิเศษ แต่ไม่ชอบฟัง-ไม่ชอบอ่าน-ไม่ชอบเขียน เราก็ควรหาให้พบว่า มีเนื้อหาหรือเรื่องอะไรที่เราชอบฟัง-ชอบอ่าน-ชอบเขียน ก็ให้พยายามหาเรื่องพวกนั้นมา ฝึกฟัง-ฝึกอ่าน-ฝึกเขียน และนี่เป็นเรื่องที่ต้องลงทุนหาเองให้เจอ เพราะคงยากที่จะมีใครหาอะไรที่ถูกใจมาให้เราฝึก
อย่างผมเองชอบฟังข่าวและสารคดี และชอบอ่านข่าวและ story ก็ต้องหาพวกนี้มาฟังและอ่าน
เช้าวันนี้ผมหาเรื่อง "แม่นาคพระโขนง" มาอ่าน รู้สึกสนุกดี ถ้าท่านชอบจะอ่านด้วยก็ได้ครับ ข้างล่างนี้ แต่ถ้าไม่ชอบก็ต้องหาให้เจอเรื่องที่ชอบให้ได้
อันที่จริงเรื่องการฝึกภาษาอังกฤษนี่ก็ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไรเลย มันก็แค่ "รักจะฝึก-ฝึกตามที่รัก" เท่านี้เองครับ
แม่นาคพระโขนง
- http://ressources.learn2speakthai.net/thai-way-of-life/thai-ghosts-and-spirits/
- http://siamandbeyond.com/mae-nak-shrine-home-thailands-famous-ghost/
- https://en.wikipedia.org/wiki/Mae_Nak_Phra_Khanong
- http://www.sarakadee.com/feature/1999/09/nang-nak.htm
- http://www.expatforum.com/expats/basement-lounge/80975-ghost-stories-thailand.html
เรียนภาษาอังกฤษกับเรื่องที่ชอบหรือสนใจ ผ่าน Facebook
สวัสดีครับ
การฝึกเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ แบบมั่นคงยั่งยืน ต้องฝึกกับเนื้อหาที่ตนเองชอบหรือสนใจ ซึ่งแต่ละคนอาจจะชอบไม่เหมือนกัน
เว็บไซต์สอนภาษาอังกฤษก็พยายามหาเนื้อหาต่าง ๆ ที่คิดว่าผู้คนสนใจมาให้เรียน ไม่ว่าจะเป็นการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน-ศัพท์-แกรมมาร์ โดยบางเว็บแยกระดับให้ด้วย เช่น แบ่งเป็นเกรด 1 – 12 หรือแบ่งเป็น level เช่น beginner, Intermediate, advanced หรือแบ่งตามวัย เช่น kid, teen, adult เป็นต้น
แต่แม้จะมีให้เลือกอย่างหลากหลายเช่นนี้ ผมก็ยังรู้สึกว่า สิ่งที่หลายเว็บเสนออาจจะยังไม่สามารถสนองความสนใจจริง ๆ ของคนเรียน มันเหมือนมีอาหารเสิร์ฟเต็มโต๊ะ แต่ไม่ชอบกินสักอย่าง อาหารมากมายก็ไม่มีความหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนกินไม่หิว ก็ไม่อยากกินของที่ไม่ชอบกิน ซึ่งก็คือไม่ชอบเรียนของที่ไม่อยากเรียน ไม่หิวเรียน
และจะแก้ปัญหานี้ยังไง? ตอบได้ง่ายนิดเดียวครับ คือคนที่เรียนต้องหาให้เจอสิ่งที่ตนเองอยากเรียน เพราะการเรียนภาษาอังกฤษก็เหมือนกินอาหาร ถ้าไม่หิวมักไม่ค่อยอยากกิน แต่ถ้าอยากกินต่อให้ไม่หิวก็กินได้ การอยากกินหรืออยากเรียนจึงเป็นเรื่องแรกที่ต้องมี และการหาให้เจอสิ่งที่อยากกิน คือสิ่งที่รักหรือสนใจจะเรียน แต่ละคนต้องหาเอง
จะหาจากที่ไหนล่ะ?
ผมมาพิจารณาดูแล้วก็เห็นว่า เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ทั้งโลกก็มี Facebook ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น นาย ก นางสาว ข ฯพณฯ (พะนะท่าน) A.. B.. C.. D... องค์กร บริษัท โรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงแรม นักร้อง นักแสดง ศิลปิน นักกีฬา สถานที่ท่องเที่ยว ร้านขายของ สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ อุทยาน ห้างสรรพสินค้า แผงหนังสือพิมพ์ สำนักข่าว สถานีโทรทัศน์ ฯลฯ
และทุกคนทุกแห่งเหล่านี้ ที่อาศัยอยู่ทั่วทุกมุมโลก ก็ใช้ Facebook เป็นหน้าร้านโชว์สิ่งที่เขาต้องการบอก อวด เผยแพร่ โฆษณา สั่งสอน แนะนำ ประชาสัมพันธ์ ติดต่อ สื่อสาร ฯลฯ ผ่านตัวหนังสือ รูปภาพ เสียง คลิป บนหน้า Facebook ของเขา โดยแต่ละโพสต์นั้น อาจจะมีครบทั้งตัวหนังสือ+ภาพ+คลิป และถ้าเขาไม่หวงหรืออยากเผยแพร่ เราก็เพียงแค่กด Like ในหน้า Fanpage ของเขา ก็เข้าไปดูได้
คราวนี้ก็มาถึงเราแหละครับ ถ้าเนื้อหาใน Fanpage นั้นเราชอบหรือสนใจ (ซึ่งอาจจะเหมือนหรือต่างจากสิ่งที่คุณครูสอน) เราก็เรียนภาษาอังกฤษโดยการอ่าน ดูภาพ ดูคลิป ที่เป็นภาษาอังกฤษที่ Facebook นั้นเลย
และการจัดหน้าของ Facebook ก็อำนวยความสะดวกในเรื่องนี้ คือที่คอลัมน์ซ้ายมือ(หรือบาง FB ก็เป็นแถบด้านบน) โดยพื้นฐานจะมีปุ่มต่อไปนี้ให้คลิก
•คลิก ปุ่ม Posts- ทุกโพสต์ที่เขาลงก็จะเรียงอยู่กลางหน้าให้เราดู ของใหม่อยู่บน ของเก่าอยู่ล่าง แต่ละโพสต์อาจจะมีทั้งข้อความ+ภาพ+คลิป+ลิงก์ แต่บางโพสต์ก็มีแค่ข้อความกับภาพ
•คลิกปุ่ม Photos – เมื่อคลิกปุ่มนี้ ทุกภาพใน FB นั้น ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายหรือภาพประเภทอื่น (เช่น infographic คือภาพพร้อมข้อความสั้น ๆ) ก็จะมาเรียงให้เราดูที่กลางหน้า บาง FB มีแยกเป็นหลาย Albums ให้เราเลือกคลิกเข้าไปดู
•คลิกปุ่ม Videos – ก็เหมือนกับปุ่ม Photos นั่นแหละครับ เมื่อคลิกแล้ว คลิปทั้งหมดก็จะมาเรียงอยู่กลางหน้าให้เราคลิกดู บาง FB มีแยกเป็นหลาย Playlists
ขอเรียนว่า ทั้งภาพและคลิปนี้ มันก็รวมอยู่ในแต่ละโพสต์นั่นแหละครับ แต่เมื่อคลิก Photos เราก็ดึงเฉพาะภาพมาดู หรือคลิก Videos เราก็ดึงเฉพาะคลิปมาดู ... ดูเพื่อฝึกภาษาอังกฤษ
เราอาจจะอ่าน-ดู-ฟัง ไม่รู้เรื่อง 100 % ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะถ้าหากว่ามันเป็นเรื่องที่เราชอบหรือสนใจเป็นพิเศษ โอกาสที่เราจะรู้เรื่อง --- และเป็นการรู้เรื่องผ่านภาษาอังกฤษ --- โอกาสเช่นนี้ก็มีมาก เพราะเราใส่ใจมันอยู่แล้ว เมื่อเรียนด้วยใจโอกาสจะเข้าใจก็มีเยอะ แต่ถึงแม้บางเรื่องจะไม่ค่อยเข้าใจ ก็ไม่ค่อยรู้สึกหงุดหงิดใจ เพราะเป็นเรื่องที่เราเลือกเรียนเองด้วยใจ
เอาละครับ คราวนี้มาถึงเรื่องที่สำคัญที่สุด คือ เรารู้หรือยังว่าเรารักหรือสนใจจะรู้เรื่องอะไรมากที่สุด ก็ลงมือเข้าไปหาเรื่องนั้น ๆ ที่หน้า Facebook ตอนนี้เลย วิธีหาก็ง่าย ๆ โดย
❶ เข้าไปที่หน้า Google
❷ พิมพ์คำว่า site:facebook.com และต่อด้วยคำค้น, Enter
❸ ดูผลการ Search ของ Google โดยทั่วไป Facebook ที่เราหาจะอยู่ในลิงก์แรก ๆ โดยมีชื่อของคำค้นอยู่ใน URL ของ Facebook ด้วย เราก็ลองคลิกที่ลิงก์นั้น
ในกรณีที่เรารู้จักชื่อที่จะค้นอย่างเจาะจง ก็จะค้นเจอง่าย แต่ถ้าค้นอย่างรวม ๆ กว้าง ๆ ก็อาจจะต้องคลิกหลายครั้งหน่อย กว่าจะเจอหน้า Facebook ที่รู้สึกว่า "ใช่เลย! อันนี้แหละ!" และถ้าเจอแล้วก็ทำ Favorites หรือ Bookmarks ไว้เลยครับ แล้วก็ศึกษาตามวิธีคลิกที่ผมแนะนำข้างต้น อันไหนชอบก็ ดู/อ่าน/ฟัง ให้จบ อันไหนไม่ชอบก็ข้ามไปก็ได้
ขออวยพรให้ทุกท่านได้เจอเนื้อหาที่ท่านรักและสนใจในการเรียนภาษาอังกฤษ เมื่อเริ่มต้นด้วยฉันทะก็ขอให้มีวิริยะที่มั่นคง นำไปสู่ความก้าวหน้าในการศึกษาภาษาอังกฤษตามที่มุ่งหวัง อย่างมีความสุข
ตัวอย่างข้างล่างนี้เป็นแค่เพียงตัวอย่างเท่านั้นนะครับ เพราะผมไม่รู้ว่าท่านผู้อ่านแต่ละท่านชอบเรียนรู้เรื่องอะไรจริง ๆ จัง ๆ บ้าง ถ้าตัวอย่างเหล่านี้ยังไม่กระทบเรื่องที่ท่านรักหรือสนใจ ก็ต้องหาเอาเองแหละครับ วิธีหาก็พิมพ์ลงไปใน Google ตามตัวอย่างนี่แหละครับ ขอให้เจอนะครับ
พิพัฒน์
นักการเมือง
Donald Trump site:facebook.com Donald Trump
Barack Obama site:facebook.com Barack Obama
Vladimir Putin site:facebook.com Vladimir Putin
Rodrigo Duterte site:facebook.com Rodrigo Duterte
Kim Jong Un site:facebook.com Kim Jong Un
นักฟุตบอล
Lionel Messi site:facebook.com Lionel Messi [Barcelona, Argentina]
Paul Pogba site:facebook.com Paul Pogba [Juventus, France]
Cristiano Ronaldo site:facebook.com Cristiano Ronaldo [Real Madrid, Portugal]
นักแสดง
Dwayne Johnson site:facebook.com Dwayne Johnson
Jackie Chan site:facebook.com Jackie Chan
Matt Damon site:facebook.com Matt Damon
Jennifer Lawrence site:facebook.com Jennifer Lawrence
Angelina Jolie site:facebook.com Angelina Jolie
Scarlett Johansson site:facebook.com Scarlett Johansson
ท่องเที่ยวประเทศต่าง ๆ
เที่ยวเมืองไทย site:facebook.com Tour Thailand
เที่ยวญี่ปุ่น site:facebook.com Tour Japan
เที่ยวเกาหลี site:facebook.com Tour South Korea
เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ site:facebook.com Tour Switzerland
เที่ยวนิวซีแลนด์ site:facebook.com Tour New Zealand
เที่ยวเมืองจีน site:facebook.com Tour China
เที่ยวทั่วโลก site:facebook.com world travel
สำนักข่าว
Bangkok Post site:facebook.com Bangkok Post
The Nation site:facebook.com nationmultimedia.com
BBC site:facebook.com BBC news
CNN site:facebook.com CNN news
Al Jazeera site:facebook.com Al Jazeera news
Channel News Asia site:facebook.com Channel News Asia
Time Magazine site:facebook.com Time.com
The Economist site:facebook.com The Economist
ช่างฝีมือประเภทต่าง ๆ
การจัดดอกไม้ site:facebook.com floral arrangement
การถักทอ site:facebook.com embroidery
การถักโครเชต์ site:facebook.com crochet work
การทำผลิตภัณฑ์จากหนังสัตว์ site:facebook.com leather goods making
การทำเครื่องเฟอนิเจอร์ (งานไม้) site:facebook.com cabinet making
การจัดสวน site:facebook.com landscape gardening
การวาดภาพ site:facebook.com painting
จิตรกรรมบนผ้าไหม site:facebook.com silk painting
การทำเครื่องปั้นดินเผา site:facebook.com pottery
การประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุเหลือใช้ site:facebook.com waste reuse
การแกะสลักไม้ site:facebook.com wood carving
การถักนิตติ้ง site:facebook.com hand knitting
การสานตระกร้า site:facebook.com basket making
การแต่งผม site:facebook.com hairdressing
การตัดเย็บเสื้อผ้า (สตรี) site:facebook.com dressmaking
การตัดเย็บเสื้อผ้า (บุรุษ) site:facebook.com tailoring
การประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ site:facebook.com computer assembly
การถ่ายภาพนอกสถานที่ site:facebook.com photography outdoor
การถ่ายภาพในสตูดิโอ site:facebook.com photography studio
การสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ site:facebook.com computer programming
การทำงานของ WORD site:facebook.com word processing
การสร้างหน้าเว็บ site:facebook.com creating web pages
การเดินสายไฟฟ้าในอาคาร site:facebook.com electrical installation
การประกอบรถจักรยาน 2 ล้อ site:facebook.com bicycle assembly
การซ่อมรถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) site:facebook.com motorcycle repair
การเชื่อมโลหะ (ช่างเชื่อมโลหะ) site:facebook.com welding
การทำขนมอบ หรือเบเกอรี่ site:facebook.com bakery
การทำขนมปัง site:facebook.com make bread
การทำตุ๊กตา site:facebook.com doll making
เรียนภาษาอังกฤษ
English test site:facebook.com english test
grammar test site:facebook.com grammar test
vocabulart test site:facebook.com vocabulart test
English idioms site:facebook.com English idioms
English phrasal verbs site:facebook.com English phrasal verbs
English conversation site:facebook.com English conversation
easy English story site:facebook.com easy English story
learn English from songs site:facebook.com learn english from songs
learn English from movies site:facebook.com learn english from movies
ตัวอย่างการสังเกตแกรมมาร์และศัพท์เมื่ออ่านภาษาอังกฤษ
สวัสดีครับ
ผมเคยแนะนำบ่อย ๆ ว่า ท่านจะศึกษาแกรมมาร์จาก textbook หรือท่องศัพท์จาก wordlist ก็ได้ แต่ที่มีประโยชน์มากกว่า, จำเป็นมากกว่า, และควรให้เวลามากกว่า ก็คือการสังเกตและศึกษาจากการอ่านภาษาอังกฤษโดยตรง เพราะมันเป็นแกรมมาร์และคำศัพท์ที่มีชีวิต, ที่อยู่ในการใช้จริง ๆ ไม่ใช่แกรมมาร์หรือศัพท์ที่เก็บตัวเงียบอย่างโดดเดี่ยว
การสังเกตและศึกษาที่ว่านี้ ทำได้ไม่รู้จักจบสิ้น ไม่ว่าจะโดยเทียบเคียงกับหลักแกรมมาร์จากตำรา หรือสังเกตคำศัพท์ในแง่การใช้, ความหมาย, การเดา, การเปรียบเทียบ, การตั้งคำถาม ฯลฯ มันเป็นการศึกษาที่ไม่รู้จบครับ
อย่างวันนี้ผมนำข่าวชิ้นหนึ่ง เรื่อง Counterfeit dollars seized, major gang busted มาจากหนังสือพิมพ์ Bangkok Post และก็ลองอ่านไป - สังเกตไป ให้ท่านดูเป็นตัวอย่าง ใช่ครับ เป็นตัวอย่างเท่านั้น เพราะว่า แง่มุมในการศึกษาจากของจริงนั้น มันไม่ตายตัวและทำได้ไม่จำกัด ผมเชื่อว่าการศึกษาภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ หรือภาษาใดก็ตาม เป็นจินตนาการสร้างสรรค์และเติบโตงอกงามได้ไม่รู้จบ
ตัวอย่างข้างล่างนี้ เป็นเพียงพื้นฐานนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ผมเชื่อว่า ถ้าท่านหมั่นสังเกตและศึกษา ท่านจะพัฒนาได้ไม่สิ้นสุด
▬► คลิก
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th
ฝึกพูดเรื่องยาก ๆ ด้วยภาษาอังกฤษง่าย ๆ
สวัสดีครับ
ในเว็บไทยสอนภาษาอังกฤษทุกวันนี้ จากคำถามและความเห็นมากมายในนั้น ถ้าให้ผมตีความก็ต้องบอกว่า คนไทยสนใจเรื่องการพูดภาษาอังกฤษมากที่สุด สังเกตได้จากคำถาม 2 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1: "ช่วยแปลประโยคนี้..... เป็นภาษาอังกฤษให้หน่อย" สังเกตได้ว่า ผู้ถามต้องการนำคำแปลไปใช้ในการพูดหรือเขียน
กลุ่มที่ 2: เป็นกลุ่มที่ใหญ่กว่ากลุ่มที่ 1 โดยมักจะถามว่า "(ประโยคนี้)..... ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร?" โดยข้อความที่ถาม มีทั้งคำศัพท์เป็นคำ ๆ, วลีสั้น ๆ หรือทั้งประโยคที่ยาวหน่อย แต่เห็นชัดว่าผู้ถามจะนำคำตอบที่เป็นคำศัพท์-วลี-ประโยค ภาษาอังกฤษ ไปใช้ในการพูดสนทนา
ผมเห็นว่าเว็บไซต์ของ อ.อดัม ให้คำตอบเกี่ยวกับคำถามทำนองนี้มากที่สุด (→คลิก ) แต่เว็บอื่น ๆ ก็มีอยู่เหมือนกันครับ (→คลิก )
ถามว่า ทำไมคำถามพวกนี้ถึงมีเยอะ ? ตอบได้ง่ายนิดเดียว เพราะจะเอาคำตอบไปใช้พูด แต่นึกไม่ออก จึงนำมาถามอาจารย์
ต้องขอชื่นชมด้วยความจริงใจอาจารย์ทุกท่านที่ให้คำตอบ เพราะช่วยให้คนไทยจำนวนไม่น้อยสามารถสื่อสารได้ดีขึ้น และพูดภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจมากขึ้นเยอะ
และที่ผมจะพูดคุยในวันนี้เป็นการเพิ่มเติมอะไรนิดหน่อย ผมเชื่อว่าจะช่วยให้ท่านเห็นภาพอะไรได้กว้างขึ้น และจะช่วยให้ท่านพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น
คือว่า สมมุติว่า ณ นาทีนี้ ท่านกำลังพูดกับคนต่างชาติ แต่นึกไม่ออกว่า คำนั้น วลีนั้น หรือประโยคนั้น ต้องพูดยังไงเป็นภาษาอังกฤษ ผมขอยกตัวอย่างง่าย ๆ ข้างล่างนี้ ท่านค่อย ๆ อ่านไปทีละบรรทัดนะครับ และก็คิดไปพลาง ๆ ด้วยว่า ถ้าต้องพูดกับคู่สนทนาเป็นภาษาอังกฤษ จะพูดยังไง? โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำที่เป็นตัวดำ
"สมมุติว่าถ้าตอนนั้นคุณเป็นฉัน คุณจะตอบเขาว่ายังไง?"
"ไม่ต้องเกรงใจ เชิญทานได้ตามสบาย"
"ฉันเป็นนักเที่ยว ไปมาแล้วเกือบ 30 ประเทศ"
"อย่าไปกังวลเลย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด"
"น้ำตกนี้คนท้องที่มาเที่ยวเยอะ แต่คนต่างชาติมาเที่ยวน้อย เพราะถนนเข้ายาก"
"อาหารญี่ปุ่นในร้านเมืองไทย มักปรับรสให้เข้ากับลิ้นคนไทย หาร้านที่มีรสดั้งเดิมยาก"
"พยากรณ์อากาศทำง่าย พยากรณ์การเมืองทำยาก"
"หล่อนเป็นลูกคนเล็กในบ้าน ชอบอ้อนพ่อแม่และพี่ ๆ มาตั้งแต่เด็กแล้ว"
"รัฐบาลจะปราบข้าราชการกินบ้านโกงเมืองอย่างจริงจัง ไม่สนใจว่าจะเส้นใหญ่แค่ไหน"
"เขาของขื้นง่าย เวลาถูกคนจี้จุดอ่อน"
"ให้โดยหวังคำชม ก็ยังดีกว่าเอาเปรียบโดยไม่สนใจคำด่า"
"พระพิธีธรรม ไม่ได้แปลว่าพระทำพิธี"
"อย่าเหมารวมว่าคนสุรินทร์ชอบกินสุราทุกคน"
"ว่าจะหักใจ ไม่คิดเยื่อใยใฝ่ถึง แล้วไปไม่ขอคนึง เลิกคิดถึง..อีกต่อไป แต่ความหลัง เมื่อครั้ง รักกันใหม่ๆ หวลคิดคราใด หักใจไม่ได้อกเอ๋ย" - เพลงหักใจไม่คิด
"เดี๋ยวนี้คนไทยจำนวนไม่น้อย โสดถาวร แต่งช้า หย่าเร็ว"
"เนื้อคู่ไม่จำเป็นต้องหา ถึงเวลาก็มาเอง"
ท่านผู้อ่านครับ ผมเชื่อว่า ภาษาไทยแทบทุกประโยคข้างบนนี้ ถ้าพยายาม Search ในเน็ตก็น่าจะเจอว่า มีผู้ถามว่าพูดเป็นภาษาอังกฤษว่ายังไง – และส่วนใหญ่ก็คงมีผู้รู้ตอบเรียบร้อยแล้ว และถ้าท่านพยายามจดจำคำตอบของผู้รู้ที่เป็นคำแปลของศัพท์-วลี-ประโยคเหล่านั้น มันก็ช่วยให้ท่านเอาไปใช้พูดได้ ทำให้ท่านพูดภาษาอังกฤษได้คล่องขึ้น มั่นใจมากขึ้น ถ้าท่านต้องใช้ในการพูด
คำถามของผม ก็คือ แต่ถ้าท่านจำไม่ได้ล่ะ และก็ไม่แน่ใจนักว่าจะพูดยังไงดีเป็นภาษาอังกฤษ ก็จบเกมใช่มั้ยครับ?
ไม่ใช่ครับ แม้จำหรือแต่งเองไม่ได้ก็ยังไม่จบเกม และวันนี้ผมจะพูดเรื่องนี้แหละครับ
ภาษาทุกภาษา มีคำ – วลี – และประโยค และสิ่งพวกนี้มีความหมาย อารมณ์ และรายละเอียด ผมขอยกตัวอย่าง กลุ่มคำข้างล่างนี้ในภาษาไทย ที่เกี่ยวข้องกับการกิน
กิน ก.ทำให้ล่วงลำคอลงไปสู่กระเพาะ
กินข้าวลิง (สำ) ก. กินสิ่งที่พอจะหาได้ เพราะไปตกอยู่ในที่ที่ไม่มีอาหารจะกิน เช่น ไปเที่ยวป่าคราวก่อน หลงทางอยู่นาน เกือบจะต้องกินข้าวลิงเสียแล้ว.
กินล้างกินผลาญ ก. กินครึ่งทิ้งครึ่ง, กินทิ้งกินขว้าง, กินอย่างสุรุ่ยสุร่าย.
จุบจิบ ว. อาการที่กินพร่ำเพรื่อทีละเล็กทีละน้อย, บางทีใช้เข้าคู่กับคำ กิน เป็น กินจุบกินจิบ
ฉัน ๒ ก. กิน (ใช้แก่ภิกษุสามเณร).
ดื่ม ก. กินของเหลวเช่นนํ้า.
แดก ๑ ก. (ปาก) กิน, กินอย่างเกินขนาด, (ใช้ในลักษณะที่ถือว่าไม่สุภาพ),
ถุน (ปาก) ก. กินหรือเสพพอแก้ขัด เช่น ถุนขี้ยา.
บริโภค [บอริโพก] ก. กิน (ใช้เฉพาะอาการที่ทําให้ล่วงลําคอลงไปสู่กระเพาะ) เช่น บริโภคอาหาร,
ผิดสําแดง, ผิดสำแลง ก. กินอาหารแสลงไข้ ทําให้โรคกําเริบ.
ฟาด ก. (ปาก) กินอย่างเต็มที่เช่น ฟาดข้าวเสีย ๓ ชาม.
รับประทาน ก. กิน เช่น รับประทานอาหาร
ทาน ก.= กิน, รับประทาน (คำนี้ ในความหมายนี้ ไม่มีอยู่ในพจนานุกรม)
ยัด ก. (ปาก) ใช้แทนคําว่า กิน (ใช้ในลักษณะกินอย่างตะกรุมตะกราม ถือว่าเป็นคำหยาบ).
รองท้อง ก. กินพอกันหิวไปก่อน.
ล้มโต๊ะ ก. กินแล้วหาเรื่องไม่จ่ายทรัพย์.
ละเลียด ก. กินทีละน้อย ๆ เช่น มัวละเลียดอยู่นั่นแหละ.
เสวย ๑ [สะเหฺวย] (ราชา) ก. กิน, เสพ, เช่น เสวยพระกระยาหาร เสวยพระสุธารส
เสพ ก. กิน, บริโภค, เช่น เสพสุรา
หม่ำ (ปาก) ก. กิน (มักใช้แก่เด็กทารก).
อด ๆ อยาก ๆ ก. กินอยู่อย่างฝืดเคือง, มีกินบ้างไม่มีกินบ้าง.
ท่านจะเห็นว่า ความหมายพื้นฐานของแต่ละ กิน นั้นเหมือนกัน ซึ่งก็คือ ส่งอาหารเข้าปากล่วงลำคอลงสู่กระเพาะ แต่ว่า อารมณ์และรายละเอียดของแต่ละกินนั้นก็ต่างกันไปบ้าง เช่น เป็นคำราชาศัพท์, เป็นคำสุภาพ, เป็นคำหยาบ, คำโบราณ, คำในวรรณคดี, คำที่ใช้พูดกับเด็ก ๆ หรือคำที่แสดงลักษณะเฉพาะของการกิน เช่น กินจุบจิบ, กินรองท้อง, ละเลียดกิน, กินล้มโต๊ะ เป็นต้น
แต่เรื่องของเรื่องก็คือว่า เมื่อเราจะพูดสื่อจากภาษาไทยไปสู่ภาษาอังกฤษ ถ้าไปดูในพจนานุกรม ไทย-อังกฤษ ในคำหนึ่ง ๆ เขาก็จะพยายามจับคู่คำที่มันมีอยู่แล้วในทั้ง 2 ภาษา ที่ match กันทั้งความหมาย อารมณ์ และรายละเอียด แต่ถ้าไม่มีที่มัน match กันโดยตรง (หรือมีแต่ผู้เรียบเรียงดิก ไทย-อังกฤษ เล่มนั้นไม่ทราบ) เขาก็ต้องพยายามหาคำหรือกลุ่มคำที่ใกล้เคียงที่สุดที่มีใช้กันอยู่มาเทียบให้เราดู แต่ถ้ายังไม่มี ก็อาจจะต้องแต่งกลุ่มคำขึ้นมาให้สอดคล้องมากที่สุด เช่น
กิน – eat
กินทิ้งกินขว้าง – waste (one's) food
จุบจิบ – to be eating snacks all the time
รองท้อง – เช่น eat enough to keep himself going
ลองดูตัวอย่างอื่นเกี่ยวกับ กิน ที่ไม่ใช่การนำอาหารเข้าปากล่วงลำคอลงสู่กระเพาะ เช่น
กินกำไร – to make easy profit
กินตำแหน่ง – to hold the position of
กินไฟน้อย – It doesn't use much power/electricity.
(จาก พจนานุกรม ไทย – อังกฤษ, ดำเนิน – เสฐียรพงษ์)
จากตัวอย่างที่ยกมานี้ ผมมีข้อสรุป 4 ข้อ เป็นคำแนะนำสำหรับท่านที่จะพูดสนทนาภาษาอังกฤษกับคนต่างชาติ
[1] ถ้าคำศัพท์หรือสำนวนที่ท่านจะพูดเป็นภาษาอังกฤษ ท่านจำได้จากที่ผู้รู้สอนไว้ ก็โชคดีครับ นำมาใช้พูดได้เลยครับ
[2] แต่ถ้านึกไม่ออก ก็ให้พยายามนึกและพูดเฉพาะความหมายพื้นฐานก็พอ เช่น กินรองท้อง, กินจุบจิบ, กินละเลียด, กินข้าวลิง , กินล้างกินผลาญ, กินอย่างอด ๆ อยาก ๆ ถ้าท่านนึกภาษาอังกฤษไม่ออก ก็พูดเฉพาะคำพื้นฐานว่า eat ออกไปก่อนก็ได้ครับ ส่วนในหน้างานจริง ๆ ค่อยไปพูดเติมเอาทีหลังในประโยคถัดไปก็ได้ ให้มันได้อารมณ์หรือรายละเอียดเพิ่มเติม
[3] คำบางคำที่มันเป็นสำนวนมาก ๆ เช่น มีคำว่า กิน ทั้ง ๆ เมื่อพูดคำนี้เราอาจจะไม่ได้นึกถึงโต๊ะอาหารเลย เช่น กินเลือดกินเนื้อ, กินตามน้ำ, กินอยู่อย่างพอเพียง, กินดีอยู่ดี, เป็นต้น
ถ้าเป็นอย่างนี้ ท่านต้องกระตุกความคิดให้ไวสักนิด และนึกถึงความหมายที่กระชับของคำ ๆ นั้น ในสถานการณ์ที่กำลังพูดกับคนต่างชาติ พูดง่าย ๆ ก็คือ เรื่องราวที่ท่านกำลังจะเล่าเป็นภาษาอังกฤษมันอาจจะซับซ้อน และรายละเอียดเยอะ แต่ท่านขอเล่าอย่างตรงประเด็น และขอใช้คำที่ง่าย ๆ สั้น ๆ ซึ่งท่านไม่ต้องกังวลว่าจะพูดผิด เพราะบริบทของประโยคและการพูดคุย มันจะเป็น hint หรือ clue ให้คู่สนทนารู้ได้เองว่า ท่านต้องการจะสื่ออะไร เช่น
"นักการเมือง 2 คนนี้กินเลือดกินเนื้อกันมาแต่ไหนแน่ไรแล้ว"
"Mr A and Mr B hate each other for long, long time."
"เขาอ้างว่าเขาไม่ได้โกงมาก เขาแค่กินตามน้ำนิด ๆ หน่อย ๆ "
"He said he was not corrupt much. He just took little money that businessmen gave him."
"เขาใช้ชีวิตกินอยู่อย่างพอเพียง ไม่ซื้อมากเกินจำเป็น"
He doesn't eat much. He doesn't buy what isn't necessary."
"กินดีอยู่ดีเกินไป ทำให้ตายเร็ว"
"Eat a lot, and never exercise, you die fast."
[4] ผมขอสรุปสั้น ๆ อย่างนี้ครับ ถ้ามันเป็นเรื่องยากที่จะสื่อความให้ครบถ้วนทั้งความหมาย อารมณ์ และรายละเอียด ท่านก็จับประเด็นพูดสื่อความหมายคร่าว ๆ ออกไปก่อน แต่การทำประโยคยากให้เป็นประโยคง่ายเพื่อจะแปลเป็นภาษาอังกฤษง่าย ๆ นี้ ต้องมีความกล้า คือเมื่อนึกสื่อความอะไรได้ก็พูดออกไปก่อน และจึงค่อยพูดแต่งแต้มขัดเกลาเพื่อเพิ่มอารมณ์หรือรายละเอียด(ถ้าพอจะทำได้) ท่านอาจจะบอกว่าถ้าคนเก่งก็ทำอย่างนี้ได้ แต่คนไม่เก่งคงทำยาก แต่ผมขอยืนยันว่าแม้ไม่เก่งแต่กล้าก็ทำได้ เก่งแต่ไม่กล้านั่นแย่กว่าเสียอีก เพราะถ้าได้พูดก็จะพูดได้ แต่ถ้าไม่พูดก็จะพูดไม่ได้ ไม่ว่าจะเก่งหรือไม่เก่ง
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th
More Articles...
- ฝึกพูดเรื่องยาก ๆ ด้วยภาษาอังกฤษง่าย ๆ
- แนะนำแกรมมาร์เล่มหนา ๆ 5 เล่ม และวิธีใช้เพื่อไม่ต้องเป็น "คุณโนม"
- Top 10 เว็บไซต์ที่ผมชอบ
- ถามตรงๆกับจอมขวัญ : วิจารณ์ยับ! สอนภาษาอังกฤษผิด |
- เห็นด้วยหรือไม่ ?
- 7 วิธีพัฒนาภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะ 'การสปีคอิงลิช' จากคนภาษาอังกฤษดีย์
- เข้าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ free online – มีประโยชน์มาก
- ฝึกฟังภาษาอังกฤษให้รู้เรื่อง ฝึกยาก แต่ก็มีทางฝึก
- ภาษาอังกฤษคนไทยแย่ "เรา" จะแก้ไขยังไงดี?
- คลิปชี้ปัญหาและโฆษณา หลักสูตรภาษาอังกฤษ ดูสักหน่อยก็ดีครับ
- เรียนภาษาอังกฤษกับเว็บ BBC Learning English – ท่านเข้าไปดูทั่วเว็บแล้วหรือยังครับ
- อันดับความนิยมของเว็บ e4thai.com ในเมืองไทย
- ภาษาอังกฤษไทยแย่ ... เราไม่เดือดร้อนจริงหรือ ?
- “บุญประจำ” เรื่องที่ต้องเตรียมทำก่อนเกษียณ
- ผิดเป็นครู เรียนรู้จากความผิด และไม่หยุดเรียน
- ฝึกภาษาอังกฤษทีละคำ-ทีละประโยค กับเว็บ Longman Dictionary ทั้งตอนที่ “หมดแรง” และ “มีแรง”
- สร้างพื้นฐานคำศัพท์ที่แข็งแกร่งด้วย Longman Communication 9000 พร้อมคำแนะนำวิธีฝึก
- หาให้พบหลากหลายเรื่องภาษาอังกฤษที่รักจะเรียน
- แนะนำ Facebook “เรียนศัพท์จากคำคม” และคำแนะนำในการเรียนภาษาอังกฤษกับคำคม
- เรียนภาษาอังกฤษต้องคิดอย่างนี้