e4thai.com

สวัสดีครับ
    ผมเจอคำถามทำนองนี้บ่อย "อยากพูดภาษาอังกฤษค่ะ ช่วยแนะนำตั้งแต่เริ่มเลย จะฝึกยังไง?"
    มันเป็นคำถามง่าย ๆ แต่ตอบยาก
    แต่วันนี้ผมมาคิดอีกที ไอ้ที่ผมตอบยากเพราะผมคิดมากเกินไป เอาเป็นว่าผมไม่คิดมากดีกว่า ขอตอบตรง ๆ และไม่คิดมาก จะได้ไม่ต้องตอบยาว ๆ ซึ่งอาจจะทำให้ท่านผู้อ่านรู้สึกรำคาญด้วยซ้ำ
ฝึกขั้นตอนที่ 1:
ศึกษาโครงสร้างพื้นฐานประโยคภาษาอังกฤษ ที่ 2 ลิงก์นี้ และฝึกให้คล่อง

• ลิงก์ 1  
• ลิงก์ 2  

ฝึกขั้นตอนที่ 2:
2.1 ดูคำศัพท์เป็นหมวด ๆ ที่ 2 ลิงก์นี้ คำไหนคิดว่ามีโอกาสใช้พูดตอนนี้หรือพูดในอนาคต ก็ดึงออกมา และจด-จำ-ฝึกฟัง-ฝึกพูด ให้ชินหู-ชินปาก

• ลิงก์ 1  
• ลิงก์ 2  

2.2 ดูวลีเป็นหมวด ๆ ที่ 2 ลิงก์นี้ วลีไหนคิดว่ามีโอกาสใช้พูดตอนนี้หรือพูดในอนาคต ก็ดึงออกมา และจด-จำ-ฝึกฟัง-ฝึกพูด ให้ชินหู-ชินปาก

• ลิงก์ 1  
• ลิงก์ 2  

ฝึกขั้นตอนที่ 3:
ดูหมวดบทเรียนที่ลิงก์นี้ มีทั้งสิ้น 100 บท แต่ละบทให้เลือกประโยคที่คิดว่ามีโอกาสใช้พูดตอนนี้หรือพูดในอนาคต เมื่อคัดมาได้แล้วก็จด-จำ-ฝึกฟัง-ฝึกพูด ให้ชินหู-ชินปาก

• ที่นี่  

และก็ทำวิธีเดียวกันกับบทความข้างล่างนี้ แต่ต้องเลือกเอาหน่อย เพราะมีเยอะ

• ที่นี่  

     ผมสบายใจแล้วครับ ได้พูดตรง ๆ สั้น ๆ และไม่ต้องคิดมากด้วย
     นี่เป็นการฝึกเบื้องต้นครับ ผมเชื่อว่าถ้าท่านฝึกได้ ขั้นสูงกว่านี้ท่านก็จะค่อย ๆ เห็นเองว่าจะฝึกยังไง

พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th 

 
       ♦ บรรดากระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานในสังกัด ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดทุกวันนี้ มีงานเกี่ยวกับภาษาอังกฤษมากกว่าสมัยก่อน เพราะ (1)ต้องติดต่อกับหน่วยงานในต่างประเทศมากขึ้น (2)ต้องติดต่อกับชาวต่างประเทศที่เดินทางมาเมืองไทยมากขึ้น (3)ต้องอบรมคนไทยที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศมากขึ้น (4)ต้องอบรมคนไทยที่ทำงานในเมืองไทยซึ่งติดต่อกับลูกค้าต่างประเทศ ภารกิจต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ราชการไทยทุกวันนี้ต้อง (1)ฟิตภาษาอังกฤษข้าราชการในสังกัด และ(2)ฟิตภาษาอังกฤษคนไทยที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของหน่วยงาน และเอกสารภาษาอังกฤษที่ผลิตออกมาเพื่อใช้ในการทำงานหรือฝึกอบรมก็มากมาย จริงอยู่เอกสารพวกนี้แม้จะมีเนื้อหาในการฝึกภาษาอังกฤษและกลุ่มเป้าหมายที่เจาะจง แต่บางเล่ม- บางบท - บางหน้า ชาวบ้านโดยทั่วไปก็ใช้ประโยชน์ได้ โดยทั่วไปมีการพิมพ์เป็นเล่มแจกคนที่เกี่ยวข้อง และบางแห่งก็ upload ลงเว็บไซต์ของหน่วยงานแต่ไม่ได้เผยแพร่ บางแห่งก็ใจดีถ้าใครที่ขวนขวายไปหาเจอก็ดาวน์โหลดได้ไม่ห้าม แต่บางแห่งก็ขี้เหนียวถ้าไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องห้ามเข้าเขตหวงห้าม
       ♦ ในฐานะ webmaster ของ e4thai.com ผมเองมีนิสัยซอกแซกหา เมื่อเจอแล้วจะได้นำมาเป็นบรรณาการบำเรอท่านผู้อ่านที่รัก วิธีหาที่ basic ที่สุดก็คือ Search ❝ภาษาอังกฤษสำหรับ* ❞ที่เว็บพวกนี้
【1】เว็บหน่วยราชการไทย
→ http://tinyurl.com/lxnedw8 
หรือ → http://tinyurl.com/k6xvnt2 
【2】เว็บมหาวิทยาลัยเมืองไทย
→ http://tinyurl.com/kxyfykm 
หรือ → http://tinyurl.com/kyha4o3 
【3】เว็บหน่วยงานที่เกี่ยวกับการศึกษาในเมืองไทย
→ http://tinyurl.com/ktytetl 
หรือ → http://tinyurl.com/l23948w 
       ♦ ผมเคยพูดในเว็บ e4thai.com ว่า เสียดายที่ไม่มีหน่วยงานไหนจัดการข้อมูลเหล่านี้ที่เป็นประโยชน์อย่างมากต่อการศึกษาภาษาอังกฤษในบ้านเรา ทำให้เมื่อเสียเงินมากมายผลิตขึ้นมาแล้ว ประโยชน์กลับจำกัดอยู่กับคนกระจุกเดียว และเนื่องจากมันกระจัดกระจาย ก็ยากที่ชาวบ้านโดยทั่วไปจะต้อนเจอเมื่อจำเป็นต้องใช้ ผมเองก็หาเจอบ้างไม่เจอบ้าง บางทีก็บ่นออกมาดัง ๆ อย่างตอนนี้แหละครับ
       ♦ ตอนเขียนเรื่องนี้ เจอลิงก์ข้างล่างนี้ ขอเอามาฝากครับเผื่อบางท่านจะใช้ได้ แต่ถ้าต้องการเนื้อหาอื่น ๆ ที่ใช้ประโยชน์ได้มากกว่านี้ ก็ต้องเข้าไปหาเองที่ 【1】 【2】 【3】ข้างบนนั่นแหละครับ
       •-•-•-•-•-•
❶ คู่มือการใช้ภาษาไทย-อังกฤษ-พม่า-เขมร สำหรับบุคลากรสาธารณสุข ในการให้บริการสุขภาพแก่ประชากรต่างด้าว
→ http://www.nkh.go.th/nk/Doc_PDF/mail/manual_language57.pdf 
❷ คู่มือภาษาอังกฤษระดับพื้นฐานสำหรับตำรวจไทย
→ http://www.e4thai.com/e4e/images/pdf2/basicenglishmanualforthaipolice.pdf 
❸ ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐานในการโทรออกและรับสายโทรศัพท์ - กระทรวงศึกษาธิการ
→ http://www.e4thai.com/e4e/images/pdf2/moephoneenglish.htm 

สวัสดีครับ
     ข้อความข้างล่างนี้ คุณน่อย เขียนมาแชร์ประสบการณ์การฝึกลูกเรียนภาษาอังกฤษ ผมเห็นว่า เป็นประสบการณ์ที่ practical และทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับนิสัยหรือจริตการเรียนของตนเองหรือลูกหลานได้ จึงขอนำลงเล่าสู่กันฟัง แต่ผมขออนุญาตพูดจั่วหัวสักนิดนะครับ คือผมเห็นว่า วิธีฝึกภาษาอังกฤษที่ได้ผลมากที่สุดนั้น ต้องเหมาะสมกับ (1)พื้นฐาน (2)นิสัย และ(3)ทรัพยากรของผู้ฝึกแต่ละคน แต่การได้ฟังประสบการณ์ที่ได้ผลของคนอื่น มีประโยชน์แน่ ๆ เพราะเป็นวิธีที่ test มาแล้ว ขอเพียงปรับให้เหมาะกับตนเองเท่านั้น 

เรียนพี่พิพัฒน์

     จากที่ได้ติดตามเพจของพี่พิพัฒน์มาโดยตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และได้นำหลักการของพี่มาปฏิบัติ ทำให้ภาษาอังกฤษของผมและลูกชายค่อยๆดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ มาวันนี้เจ้าลูกชายสอบได้ที่สาธิตประสานมิตร (SPIP) เพื่อเข้าเรียนต่อ Year 7 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก่อนหน้านี้ 1 เดือน ได้ไปลองสอบ Pre-Test ที่โรงเรียนเดียวกัน น้องสามารถทำคะแนนได้เป็นอันดับ 1 เลยครับ

     ผมขออนุญาตแชร์วิธีการเรียนภาษาอังกฤษของลูกในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันคือ ป 5 ดังนี้ครับ
1) เริ่มจาก Phonics: ใช้ของสำนักไหนก็ได้ครับ ที่ลูกใช้คือ Hooked on Phonics ตั้งแต่ระดับ Pre-K จนถึง 2nd Grade เนื้อหาจะเป็นการ์ตูน ทำให้เด็ก ๆ ชอบ หรือเข้า http://www.starfall.com/  
2) Dolch Sight Words: คำศัพท์ที่มักจะเจอบ่อย หาได้บน App Store ทั้งของ Windows - Android – ios ข้อดีคือจะมีเสียงให้ฟังด้วยครับ
3) ดูการ์ตูน: ผมให้อิสระลูกเลือกครับ มี 2 ทาง เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ " ดูการ์ตูนเสียงภาษาอังกฤษ " กับ " ไม่ให้ดูการ์ตูน " โชคดีครับที่ลูกผมเลือกอย่างแรก
4) การ์ตูนควรเป็นหนังประเภทซีรีส์: เลือกให้เหมาะกับวัย ให้ลูกดูได้ต่อเนื่อง (เพื่อให้ติดนั่นแหละครับ)
5) ฝึกพูด: ให้มากที่สุดเท่าที่โอกาสจะอำนวย โดยเลียนเสียงจากหนังที่ดูมา
6) อ่านหนังสือวรรณกรรม: ไม่แนะนำให้อ่านไปเปิดดิกชันนารีไป เพราะทำให้ไม่สนุก แต่ถ้าจำเป็นต้องการรู้ความหมายของคำให้เลือกใช้ En-En dictionary ก่อนเป็นลำดับแรก ให้เลือกแบบที่ออกเสียงให้เราด้วย ถ้ายังไม่เข้าใจอีกค่อยเปิด En-Thai Dictionary เป็นลำดับสุดท้ายครับ แนะนำหนังสือของ Jeff Brown ( Flat Stanley ), Roald Dahl ( Charlie and the Chocolate Factory ), Rick Riordan ( Percy Jackson ), Jeff Kinney ( Wimpy Kid ) และอื่น ๆ ได้หมดถ้าสดชื่น
7) หนังสือบางเล่มจะมีการทำเป็นภาพยนตร์ด้วย: ผมจูงใจลูกโดยเมื่อลูกอ่านหนังสือจบ จะหาภาพยนตร์เรื่องนั้นมาเปิดให้ดูต่อครับ (กรณีที่น้องชอบดูหนัง)
8) ฟัง Audiobook: เริ่มจากเรื่องสั้นๆก่อน ไปจนถึงความยาวสัก 20 ชั่วโมงต่อเรื่อง ผมมักหาเอาจากหนังสือที่แนะนำในข้อ 6
9) การเรียนรู้ศัพท์ใหม่: ให้แต่งประโยคที่มีคำศัพท์นั้นร่วมอยู่ด้วย พร้อมวาดรูปที่เกี่ยวข้องกับประโยคนั้น ทำเป็นสมุดไว้เลยครับ
10) ฝึกแต่งประโยค: ลูกใช้ Essential Grammar in Use ของ Cambridge และ English for Everyone ของ DK
     ทั้งหมดนั้นอยู่บนพื้นฐาน 3 ข้อคือ เรียนสนุก เรียนต่อเนื่อง และเรียนเนื้อหาที่เหมาะกับวัย และอย่างลืมแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นด้วย
     ขอให้สนุกกับการฝึกภาษาอังกฤษครับ
     น่อย

♠ Hooked on Phonics ไปที่นี่: → คลิก   แต่ต้อง Register ก่อน:→ คลิก  
♠ศูนย์หนังสือจุฬาฯ → คลิก  
♠เว็บหนังสือ Amazon → คลิก  
♠Essential Grammar in Use → คลิก  

▬► http://m.eduzones.com/content.php?id=180540 
หรือที่นี่ → http://www.e4thai.com/e4e/images/pdf2/19methods.htm 

 
     เราจะสนุกกับการฝึกอ่านภาษาอังกฤษได้ ต้อง [1]- เริ่มอ่านเรื่องที่ไม่ยากเกินกำลัง และ [2]- เริ่มอ่านเรื่องที่เราชอบ
     การจะหาเรื่องที่ง่าย-ยากพอดี ๆ นี่ไม่ยาก อย่างลิงก์นี้ก็มีเรื่องให้เลือกอ่าน ตั้งแต่เกรดอนุบาลจนถึงเกรด 7
▬► http://wordville.com/ReadingComp/index.html 
     แต่การหาเรื่องอ่านที่เราชอบนี่ซีครับออกจะยาก คนอื่นหาให้ไม่ได้ซะด้วย เพราะใครล่ะจะมารู้ใจเรา เราจึงต้องยอมลงทุนหาเอง

     แต่ถ้าเราฝึกหาบ่อย ๆ ในอนาคตเราก็จะค่อย ๆ เก่งขึ้นในการหาเรื่องที่ถูกใจตัวเอง ไม่ต้องรอให้ใครเอาของถูกใจมาป้อน
    อย่างเช่นลิงก์ข้างบน ผมคลิกไปคลิกมากวาดสายตาดูแป๊บนึง ก็เจอเรื่องอ่านเพลิน ๆ 3 - 4 เรื่อง
■เรื่องที่ 1: ❝ห้ามพูดกับนกแก้ว❞▬► http://worksheetsplus.com/Reading/AnimalParrot.html 
■เรื่องที่ 2: ❝หนูทรยศแมว❞ ทำให้แมวไม่ได้อยู่ในปีนักษัตร ▬► http://worksheetsplus.com/chinNY/chinNYzodiac.html 
■เรื่องที่ 3: ❝ดช.ชาลีกับกบพูดได้❞ ▬►  http://worksheetsplus.com/Reading/funnyCharlieFrog.html 
■และก็ยังเจอรวมหลายเรื่องสนุก ที่ลิงก์นี้
▬► http://worksheetsplus.com/Reading/FunnyStoryList.html 
       นี่เป็นเรื่องที่ผมชอบแต่ท่านอาจไม่ชอบ เหมือนคนละลิ้นจึงชอบอาหารคนละรส
       จึงอยากบอกว่าในการฝึกภาษาอังกฤษ ทุกท่านมีถึง 2 งานที่ต้องทำ คือ [1]- ยอมลงทุน ❝ฝึก Search ❞ ให้เจอเรื่องที่ถูกใจตัวเอง และ [2]- เมื่อเจอแล้วก็ ❝ฝึก Study ❞ เราอย่าโยนงานที่ [1] ไปให้คนอื่นทำเลยครับ

พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th