Home
ยิ่งพึ่งความเข้าใจจากคำแปลที่คนอื่น"จัดให้" มากเพียงใด ยิ่งไปไม่ถึงไหน
สวัสดีครับ
ทุกวันนี้มีเว็บไซต์และคลิปสอนภาษาอังกฤษที่อธิบายเป็นภาษาไทยมากมาย มากจริง ๆ อยากรู้อยากเรียนอะไรก็กูเกิ้ลคำนั้น แค่นี้ก็จะได้คำอธิบายและคำตอบ ทันทีและมากมาย แต่ทำไมทักษะภาษาอังกฤษของคนไทยจึงยังต่ำเตี้ย แม้แต่คนที่ขยันเรียนทุกวันก็ยังไปไม่ถึงไหน
ต่อไปนี้เป็นความเห็นของผม ท่านอาจเห็นด้วยหรือเห็นแย้งก็ได้ ผมจะพูดเฉพาะการฝึกอ่านและฝึกฟัง และพูดถึงคนที่เรียนจบมีงานทำแล้ว เรื่องที่ไม่ได้พูดถึงก็เป็นอันว่าทำนองเดียวกันนี้
คือคนเป็นจำนวนมากที่จบมาด้วยทักษะภาษาอังกฤษที่อ่อนยวบ (ไม่ต้องไปสืบสวนหรอกครับว่ามีสาเหตุมากจากอะไร) พอมาทำงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ เอาง่าย ๆ ว่าต้องอ่านและฟังรู้เรื่องให้ได้ก่อน (พูดและเขียน ถ้าได้ด้วยยิ่งดี) พอเริ่มฟิตหรือฝึก ก็อยากจะอ่านและฟังเข้าใจได้ทันที ไม่อยากรอ(เป็นนิสัยของคนยุคนี้ที่รอไม่เป็น)
ถ้าเรากูเกิ้ลด้วยคำว่า วิธีฝึกอ่านภาษาอังกฤษให้เข้าใจเร็ว ๆ ก็จะได้รับคำตอบดี ๆ มากมาย → คลิกดู แต่คำตอบมันก็เป็นแค่คำตอบ เป็นแค่แผนที่ การเดินทางตามแผนที่ไปให้ถึงที่หมาย เป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องทำเอง การไม่ออกแรงทำอย่างอื่น เอาแต่ถามหรือสะสมแผนที่ ก็คงได้แค่อยู่กับที่
คราวนี้มาพูดถึงคนที่เริ่มก้าวขาออกเดินทางบ้าง เท่าที่ผมดูเว็บไทยซึ่งมีเนื้อหาสอนเรื่องการอ่านภาษาอังกฤษให้คล่อง ฟังให้คล่อง ก็มีคำอธิบายมากมาย มีคำศัพท์ วลี สำนวน สแลง เป็นพัน ๆ พร้อมคำแปลไทยให้เสร็จสรรพ ข้อความหรือประโยคตัวอย่างที่ยกมาอธิบายก็แปลให้ด้วย สรุปก็คือ คำอธิบายและคำแปลที่มีให้ในเน็ต มันมากมายและช่วยให้คนเรียนเข้าใจได้ทันที โดยแทบไม่ต้องใช้สมองเลย
และผมขอสรุปว่า วิธีเรียนอย่างนี้แหละครับ ถ้าเอาแต่เรียนอย่างนี้อย่างเดียว หรือเรียนแบบนี้มากเกินไป จะยิ่งเรียนยิ่งไม่ได้ผล เพราะเราฟังคำอธิบายหรืออ่านคำแปลมากเกินไปจนไม่ต้องใช้สมอง ผลก็คือยิ่งเรียนยิ่งแย่ เสียเวลาเปล่า แม้จะเข้าใจสิ่งที่ครูอธิบาย แต่ก็ไม่ช่วยให้ reading skill หรือ listening skill ดีขึ้น
- reading skill จะดีขึ้นก็ต่อเมื่อ เราได้ฝึก read จริง ๆ
- listening skill จะดีขึ้นก็ต่อเมื่อ เราได้ฝึก listen จริง ๆ
ไม่ไช่เอาแต่อ่านหรือฟัง คำอธิบายหรือคำแปลที่เป็นภาษาไทย จนสมองไม่ได้ฝึกเจอของจริง เพราะมัวแต่พอใจที่ได้ "เข้าใจ" ในคำอธิบายหรือคำแปล แต่ไม่ได้ออกแรง read หรือ listen จริง ๆ จัง ๆ
ปัญหาก็คือ ถ้าไม่มีคำแปลหรือคำอธิบายเป็นไทย จะรู้เรื่องได้ยังไง อ่านไป-ฟังไป จะแน่ใจได้ยังไงว่าเราเข้าใจถูกต้อง?
ผมขอเปรียบเทียบอย่างนี้แล้วกันครับ คนที่เรียนจบแล้วแต่ภาษาอังกฤษอ่อนมาก ก็คงย้อนกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้อีกแล้ว มันเป็นกฎแห่งกรรม ใครทำกรรมใดไว้ก็ต้องรับผลอย่างนั้น แต่ว่าเราไม่จำเป็นต้องรับกรรมอย่างคนทนทุกข์หน้านิ่วคิ้วขมวด เราสามารถรับกรรมแบบยิ้มแย้มแจ่มใสก็ได้ แม้เป็นการเริ่มเดินทางใหม่ เพราะไม่มีใครแก่เกินเรียน
แล้วจะฝึกอ่าน - ฝึกฟังยังไง ให้เข้าใจเร็ว ๆ?
ท่านผิดแล้วครับ ผิดตั้งแต่เริ่มตั้งคำถาม - ยังไม่ได้เริ่มเรียน !!!
พอท่านตั้งเงื่อนไขว่าจะต้องเข้าใจได้เร็ว ๆ แต่พอได้ผลไม่เร็วอย่างที่หวัง ก็เป็นทุกข์ไปตลอดทาง และไม่กี่วันก็เลิกเรียน เพราะท้อ
ผมขอพูดซ้ำอย่างที่พูดมาแล้วบ่อย ๆ ถ้าจะฝึกอ่านให้เข้าใจก็ต้องอ่านจริง ๆ ถ้าจะฝึกฟังให้รู้เรื่องก็ต้องฝึกฟังจริง ๆ ไม่ใช่เอาแต่รอรับคำแปลหรือคำอธิบายที่เป็นภาษาไทย โดยประสาทตาและประสาทหูแทบไม่เคยเจอกับภาษาอังกฤษล้วน ๆ และก็ยังหวังว่าจะเก่ง มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ
วิธีฝึกชนิดเจอของจริง ก็คือ
[1] เลือกภาษาอังกฤษที่จะฝึกอ่าน - ฝึกฟัง ที่ไม่ยาก-ไม่ง่ายเกินไป ให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับตัวเอง ถ้าท่านจบปริญญาตรีแต่ทักษะการอ่าน-การฟัง อยู่แค่ระดับเด็กอนุบาล ก็ต้องยอมถ่อมใจ ลงไปอ่านหรือฟังเนื้อหาระดับนั้น และไต่เต้าขึ้นมาตามลำดับ นี่เป็นการ "แก้กรรม" ครับ
[2] หาเรื่องที่ชอบให้เจอ ถ้าหาไม่เจอก็ต้องพยายามหาให้เจอ จะได้ไม่ต้องทนฝึกกับเรื่องที่ไม่ชอบ
[3] ฝึกอ่าน-ฝึกฟัง ภาษาอังกฤษ ที่ตัวเองชอบ ที่ไม่ยาก-ไม่ง่ายเกินไป, ฝึกทุกวัน แม้ขณะที่ฝึกจะงง-จะไม่เข้าใจ ก็ฝึกเดา - ฝึกสังเกต ไปเรื่อย ๆ ผมขอพูดย้ำถ้อยคำนี้อีกครั้ง "การงงเมื่ออ่านหรือฟังเป็นภาษาอังกฤษ ดีกว่าความเข้าใจที่ได้จากคำแปลเป็นภาษาไทย" และเพราะมัวแต่พึ่งคำแปลเป็นภาษาไทย - เข้าใจเป็นภาษาไทย นี่แหละครับ คนไทยที่ฟิตภาษาอังกฤษจึงไปไม่ถึงไหนซะที
เพื่อกันการเข้าใจผิดผมขอบอกว่า ผมไม่ได้แอนตี้คำอธิบายหรือคำแปลเป็นภาษาไทย แต่อยากจะชี้ว่า ในวันหนึ่ง ๆ เรามีเวลาน้อยมาก และเวลาที่สามารถแบ่งมาฟิตภาษาอังกฤษก็ยิ่งน้อยลงไปอีก ถ้าให้เวลามากเกินไปกับการฟังหรืออ่านคำอธิบายหรือคำแปลเป็นภาษาไทย ก็จะเหลือเวลานิดเดียวในการฝึกอ่าน-ฝึกฟัง เป็นภาษาอังกฤษจริง ๆ
การฝึกภาษาอังกฤษให้ได้ผล ก็เหมือนนักมวยนั่นแหละครับ ต้องซ้อมจริง - ชกจริง ถ้ามัวแต่ซ้อมหลอก ๆ ฟังโค้ชอธิบายแต่ไม่ยอมเจอของจริง ไม่ยอมเหงื่อออก ไม่ยอมเหนื่อย ไม่ยอมถูลู่ถูกังกับการฝึก มันไม่เห็นผลหรอกครับ และการเห็นผลนั้น ไม่ใช่วัดที่อ่านแล้วเข้าใจ - ฟังแล้วเข้าใจ 100% แต่อยู่ที่ความงงที่ค่อย ๆ ลดน้อยลง ทีละหน่อย ๆ เพราะทนฝึกไม่หยุด
โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาโดยง่ายดายหรอกครับ และอะไรที่ได้มาง่ายเกินไปมักจะไม่ใช่ของจริง ของจริงจะได้มาเพราะพยายามจริง ๆ เท่านั้น
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th/
ขอแนะนำเว็บเรียนอังกฤษที่ "ไม่น่าสนใจ" - esl.about.com
ท่านผู้อ่านที่ติดตามเว็บ e4thai.com และลิงก์บทความที่นำมาแปะไว้ที่หน้า→ Facebook นี้ คงจะสังเกตอะไรได้อย่างหนึ่ง คือผมเองไม่ได้ทำหน้าที่สอน แต่ไปหาเว็บ, ลิงก์, ไฟล์, โปรแกรม ฯลฯ ทั้งจากเว็บไทยและเว็บต่างประเทศ มาบริการคนไทยที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ
และเพราะทำตรงนี้มานานก็พอเดาออกว่า อะไรที่ท่านผู้อ่านชอบมาก, ชอบน้อย, หรือไม่ชอบเอาซะเลย แต่บ่อยครั้งทีเดียวที่ผมไม่ค่อยได้ตามใจท่านผู้อ่าน เช่นเนื้อหาบางอย่างดูแล้วแทบไม่มีใครสนใจ แต่ถ้าผมเห็นว่ามันมีประโยชน์ต่อการฝึกภาษาอังกฤษ ผมก็เอามานำเสนอ ด้วยหวังว่า แม้วันนี้ท่านไม่ชอบแต่พรุ่งนี้อาจจะชอบ วันนี้ท่านอ่านหรือฟังแล้วรู้สึกยากไม่อยากยุ่งกับมัน แต่อาจจะมีบางท่านที่กัดฟันเรียน และไม่เร็วก็ช้า ก็ทำให้ของยากกลายเป็นของง่าย
พฤติกรรมเอาแต่ใจตัวเองเช่นนี้ในฐานะ Webmaster ถ้าเป็นเว็บไซต์ที่หวังทำกำไรคงล้มไปนานแล้ว แต่โดยสรุปก็คือ ผมพยายามทำให้ e4thai.com เป็นคล้าย ๆ ร้านโชห่วยที่มีสินค้าใช้สอยประจำวันทุกอย่างวางขาย ท่านเข้าร้านนี้แล้วได้ของถูกใจติดมือออกไปสัก 1 อย่างก็ถือว่าใช้ได้ ไม่รู้ว่าเป้าที่ผมตั้งไว้นี้ทำได้สำเร็จแค่ไหน
อย่างวันนี้ ผมขอแนะนำเว็บนี้ www.about.com ซึ่งเป็นเว็บที่มีเนื้อหาสาระสารพัดเรื่อง และได้เปลี่ยนชื่อแล้วเป็น → www.dotdash.com
เว็บ about.com เป็นเว็บเก่าตั้งมานานหลายปีแล้ว และก็มีเว็บสอนภาษาอังกฤษที่คู่กัน คือ www.esl.about.com ซึ่งตอนนี้ก็เปลี่ยนชื่อเช่นกัน เป็น → www.thoughtco.com/esl-4133095
ผมเดาเอาเองว่า เว็บ www.esl.about.com คงไม่ค่อยได้รับความนิยมจากคนไทยที่ฟิตภาษาอังกฤษสักเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลง่าย ๆ คือ
[1] คนที่จะใช้เว็บนี้ต้องขยันอ่านสักหน่อย เพราะส่วนใหญ่เป็นบทความที่เนื้อหาดีมีประโยชน์ แต่คนเรียนต้องขยันอ่านเนื้อหายาว ๆ เป็นภาษาอังกฤษ และ
[2] การจัดหน้า, การใช้สี หรือ layout ของบทความมันราบเรียบอย่างยิ่งไม่ดึงดูดใจเลย
โดนเข้าไป 2 ข้อนี้ลูกค้าคนไทยก็คงไม่ค่อยเข้าร้าน
แต่ถึงยังไงผมก็ยังอยากนำสินค้าชิ้นนี้มานำเสนอ เพราะดูแล้วคุณภาพมันดี แม้หน้าตาไม่สวยหรือใช้ยากสักหน่อย
ขอไตเติ้ลแค่นี้แล้วกันครับ และขอแนะนำ 3 หัวข้อของเว็บนี้ข้างล่างนี้ แต่ละหัวข้อมีหลายหัวข้อย่อยให้เลือกศึกษา
【1】English as a Second Language (ESL) for Teachers and Students
→ https://www.thoughtco.com/esl-4133095
เข้าไปแล้ว คลิกที่ลิงก์ → ตามภาพนี้ ในคอลัมน์ซ้ายมือ
【2】English Grammar
→ https://www.thoughtco.com/english-grammar-4133049
เข้าไปแล้ว คลิกที่ลิงก์ → ตามภาพนี้ ในคอลัมน์ซ้ายมือ
【3】Glossary of Usage: Index of Commonly Confused Words
→ https://www.thoughtco.com/commonly-confused-words-s2-1692693
แต่ถ้าหาเรื่องที่ต้องการไม่เจอ ก็พิมพ์คำค้นลงไปที่ช่อง Search ที่มุมบนขวาของหน้า ขอแนะว่าถ้าเว็บมันแสดงผลมากเกินไปหรือไม่ค่อยตรง ลองเติมคำว่า esl ต่อท้ายคำค้นของท่าน อาจจะช่วยได้บ้าง
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th/
แนะนำเว็บ agendaweb.org
สวัสดีครับ
เว็บฟรีฝึกภาษาอังกฤษมีมากมายนับไม่ถ้วน ที่ e4thai.com ก็คัดเลือกรวบรวมไว้กว่า 100 เว็บ ดี ๆ ทั้งนั้น
→ คลิก
ที่อื่นที่รวบรวมไว้ทำนองนี้ก็มีมากมาย เช่น
- http://www.agendaweb.org/links.html
- https://www.edu.xunta.es/espazo/axendaweb/links.htm
- http://www.esldesk.com/esl-links/
- http://iteslj.org/links/ • http://iteslj.org/links/ESL/
- http://homepage.usask.ca/helpfulesllinks.html
จนเราอาจจะรู้สึกว่ามันเยอะจัดจนเรียนไม่หวาดไม่ไหว เลือกไม่ถูกก็เลยไม่เข้าไปเรียนสักเว็บเดียว (ฮา !!!)
ผมอยากจะบอกว่า ถ้าเห็นว่าเว็บไหนเข้าท่าให้ประโยชน์ได้ ก็เข้าไปเรียนเลยครับ อย่าหมดเวลาไปกับการเลือกจนไม่ได้เรียน
วันนี้ผมขอเสนอเว็บนี้ ซึ่งเห็นว่า มีของคุณภาพดีและหลากหลายมาก มีหลายระดับยากง่ายให้เลือกเรียน ถ้าท่านใดยังไม่มีเว็บเจ้าประจำให้เรียน ลองเข้าไปดูที่เว็บนี้ได้เลยครับ
→ http://www.agendaweb.org/
【1】เมื่อเข้าไปแล้ว ให้ดูที่ลิงก์ในคอลัมน์ซ้ายมือ ทั้งส่วนบนและส่วนล่าง ตามภาพนี้ และคลิกเรื่องที่ท่านสนใจ และผลของมันจะปรากฏที่กลางหน้า
【2】และเลื่อนไปคลิกดูลิงก์ที่คอลัมน์ขวามือ ตามภาพนี้ ท่านจะเห็นว่า มีลิงก์ Dictionary และ Translator ให้ใช้งาน และก็มี daily podcast เป็นเนื้อหาให้ฝึกแต่ละวัน
【3】แต่ถ้าเมื่อดูที่เมนูทั้งซ้าย - ขวา ก็ยังไม่เจอเรื่องที่ต้องการ ก็เลื่อนลงไปส่วนล่างของหน้า และพิมก์คำค้นในช่อง Search on this site ซึ่งจะค้นเฉพาะเนื้อหาในเว็บ agendaweb.org นี้เท่านั้น
【4】เว็บนี้ยังมีบริการพิเศษอีก 1 เรื่อง คือในช่อง Search ซึ่งอยู่ด้านบนสุดด้านขวามือของหน้า เขามีช่อง Safe search for kids ตามภาพข้างล่างนี้ ช่องนี้พิเศษกว่า Google Search ที่ท่านใช้ตามปกติตรงที่ว่า เขาจะคัดมาเฉพาะเนื้อหาที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก และสำหรับเนื้อหาเพื่อการศึกษาภาษาอังกฤษ จะได้ผลการ Search ที่ตรงเป้าหมายและมีปริมาณมากกว่า
ผมขอแนะนำให้ท่านเห็นโครงสร้างของเว็บเพียงเท่านี้แล้วกันครับ และขอเน้นว่าเว็บ agendaweb.org นี้มีหลายเรื่องจริง ๆ ให้ศึกษา แต่การจะแนะนำโดยละเอียดคงไม่เหมาะ เพราะคนเรียนชอบไม่เหมือนกัน และมีพื้นฐานต่างกัน แต่ละคนที่จะฝึกอังกฤษต้องเข้าไปหาด้วยตัวเองครับ
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th/
ฝึกอังกฤษชนิดกินพอคำกับเว็บ Longman Dictionary
ท่านที่งานเยอะ ชีวิตยุ่ง เวลาว่างหายาก จะฝึกอังกฤษให้เป็นกิจจะลักษณะทำไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรครับ ถ้าตั้งใจเจียดเวลามาฝึกวันละนิดเดียวแต่ฝึกให้ได้ทุกวัน แค่นี้ก็ใช้ได้แล้วครับ และผมขอแนะนำเว็บ Longman Dictionary เพื่อให้ท่านเข้าไปฝึก ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน แบบกินข้าวคำเล็ก ๆ วันละคำสองคำ แต่ถ้าวันไหนอร่อยหรือมีเวลาว่างมาก จะกินเยอะ ก็เชิญได้ตามอัธยาศัย
♦ ท่านเข้าไปที่นี่ → http://tinyurl.com/n4erufe ,คลิกลิงก์คำศัพท์ที่ท่านสนใจ และศึกษา...
【1】 อ่าน คำศัพท์, ความหมาย, ประโยคตัวอย่าง, เนื้อหาอื่น ๆ เกี่ยวกับศัพท์คำนี้ที่อยู่ในหน้านั้น และอย่าลืมคลิกฟังการออกเสียงคำศัพท์และฝึกออกเสียงตามด้วย
【2】 คลิกไอคอนรูปลำโพงหน้าประโยคตัวอย่าง (ถ้ามี) เพื่อฝึกฟังและฝึกพูดตาม หรือคลิกฟังก่อน โดยอย่าเพิ่งไปอ่านประโยค ดูซิว่าฟังรู้เรื่องมั้ย
คำศัพท์ที่โชว์ในคำแรกของบรรทัดลิงก์นั้น ท่านอาจจะรู้คำแปลแล้ว แต่มันอาจจะยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่น่าฝึก เช่น
[1]ท่านออกเสียงศัพท์คำนี้ได้อย่างมั่นใจ 100 % หรือยัง, ถ้ายัง ก็คลิกฟังให้ชินหู และฝึกเปล่งเสียงให้ชินปาก ตอนนี้เลย
[2]คำที่มีหลายความหมาย เขาจะเรียงความหมายที่เจอบ่อย-ใช้บ่อยไว้บนสุด และความหมายที่ไม่ค่อยเจอไว้ล่างสุด ท่านก็ศึกษาความหมายแรก ๆ ก่อนแล้วกัน
[3]ประโยคตัวอย่างมีประโยชน์มาก เพราะเขานำประโยคที่ใช้จริง ๆ ในการพูด-การเขียน มาให้เราศึกษา เราควรฝึกแบบ ①อ่านให้ชินตา ②ฟังให้ชินหู ③ฝึกพูดตามให้คล่องจนชินปาก
[4]ขอให้ท่านสังเกตเครื่องหมาย • ที่วางหลังคำศัพท์ เช่น book ••• หรือ อาจจะเป็น •• หรือ • ถ้าเจออย่างนี้ให้รู้ว่า เป็นศัพท์ในกลุ่มที่เจอบ่อย-ใช้บ่อยสุด ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ
[5]ในศัพท์คำหนึ่ง ๆ เช่นคำว่า → light คำ ๆ เดียวนี่แหละ มีอะไรให้เราศึกษามากมาย เราสามารถ Train &Test ตัวเองกับศัพท์คำเดียวนี่แหละโดยใช้เวลาเป็นชั่วโมง หรือถ้าไม่ค่อยมีเวลา จะอ่านแค่ 5 - 10 นาทีก็ได้
[6]ฯลฯ
♦ นี่แหละครับ ภาษาอังกฤษแบบพอคำ จะศึกษาวันละกี่คำก็ได้ ตามใจท่าน
เล่าอังกฤษ ตามอารมณ์
สวัสดีครับ
ผมจะหาเรื่องอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ อาจจะเป็นเรื่องแกรมมาร์ เรื่องศัพท์ หรือ story หรืออื่น ๆ ที่สั้น ๆ เบา ๆ มาคุยกับท่าน ตามที่นึกได้หรือค้นเจอ คงไม่เป็นวิชาการอะไรมากมายนัก แต่อ่านเล่น ๆ เบา ๆ เพลิน ๆ ก็คงพอได้ โดยเรื่องใหม่ที่เขียนในวันใหม่จะโปะไว้ข้างบน ส่วนเรื่องเก่า ๆ ก็อยู่ล่าง เรียงหมายเลขขึ้นมาตามลำดับ เอาอย่างนั้นแล้วกันนะครับ
【5】entrance - คำที่คนไทยออกเสียงถูก แต่ก็ผิด
พอพูดถึงคำว่า entrance เราก็มักถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย อย่างเช่น คำนี้ในภาษาอังกฤษ entrance examinations
เราออกเสียง entrance ว่า "เอ็น ทร้านซฺ" คือลงเสียงหนักพยางค์หลัง
แต่ที่ถูกต้อง คำนี้จะต้องลงเสียงหนักพยางค์แรก และตามหลักการออกเสียง เมื่อพยางค์แรกลงเสียงหนัก เป็น "เอ๊น" พยางค์หลังเสียงก็จะเบาลง เป็นเสียง ə (เสียง schwa คือเสียง อะ หรือ เออะ) จึงเป็น "เอ๊น เทริ่นซฺ"
เชิญท่านเข้าไปที่ 2 ลิงก์นี้ แล้วคลิกที่ไอคอนรูปลำโพงเพื่อฟังเสียง ให้สังเกตนะครับว่ามันลงเสียงหนักที่พยางค์แรกจริง ๆ
→ คลิกฟัง 1
→ คลิกฟัง 2
คำว่า entrance นี้ เป็น noun มีความหมายรวม ๆ ว่า ทางเข้า, การเข้า, สิทธิในการเข้าเรียน หรือ เข้าเป็นสมาชิก อะไรทำนองนั้นแหละครับ
→ คลิกดู
ดูประโยคตัวอย่าง ข้างล่างนี้ครับ
• the main entrance to the school
• the station entrance
• Entrance to the museum is free.
• Reporters even managed to gain entrance to her hotel.
• How much is the entrance fee ?
• the initial interview for entrance to the Civil Service
• entrance examinations
• The referendum blocked Switzerland's entrance into the European Economic Area.
▤ ▥ ▦ ▧ ▨ ▩ ▤ ▥ ▦ ▧ ▨ ▩
แต่ถ้าท่านออกเสียงหนักที่พยางค์หลัง คลิกฟังเสียง ที่นี่ครับ
→ แบบอังกฤษ "เอ็น ทร้านซฺ" → คลิกฟัง
→ แบบอเมริกัน "เอ็น แทร๊นซฺ" → คลิกฟัง
ความหมายมันก็เปลี่ยนไป คือมันแปลว่า ดึงดูดความสนใจอย่างมากมาย ซึ่งอาจจะเพราะว่ามันสวย หรือน่าสนใจ แทบจะเรียกว่ายังกะถูกสะกดจิตเลยแหละ
ลองดูประโยคตัวของคำว่า entrance ที่เป็น verb ในความหมายนี้ ซึ่งมักจะใช้ในรูป passive voice
โดยในดิกบอกว่า มันเป็นภาษา literary คือเป็นภาษาวรรณคดีสักหน่อย
ดูประโยคตัวอย่างข้างล่างนี้ครับ
• He listened to her, entranced.
• I was entranced by the bird's beauty.
• I was entranced by her sheer beauty.
• He was immediately entranced by her voice .. .
• You know I did, I was entranced by them the other day.
• Her icy, delicate beauty entranced Kay.
• We were entranced by/with the magnificent view.
คราวนี้ลองฟังเปรียบเทียบ ทั้ง 2 แบบ ให้เห็นชัด ๆ
[1] entrance ที่เป็น noun หมายถึง การสอบเข้า หรือทางเข้า:
entrance examinations → คลิกฟัง
[2] entrance ที่เป็น verb หมายถึง ดึงดูดความสนใจอย่างมากมาย:
I was entranced by the sweetness of her voice. → คลิกฟัง
ก็เป็นอันว่า ถ้าหมายถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็ต้องพูดว่า สอบ "เอ๊น เทริ่นซฺ" ไม่ใช่สอบ "เอ็น ทร้านซฺ"
แต่ถ้าหมายถึงถูกทำให้งวยงงเพราะความงาม ทำนองนั้น ก็ออกเสียง "เอ็น ทร้านซฺ"
ขอแถมนิดนะครับ เฉพาะคำว่า trance นี่นะครับ มันเป็น noun แปลว่า ภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น การอยู่ในภวังค์ แบบคนถูกสะกดจิต หรือคนที่ถูกเข้าทรง อะไรแบบนั้น คราวนี้ en+trance ซึ่งเป็น verb ที่มักจะใช้ในรูป passive voice ก็มีความหมายคล้าย ๆ กับว่า เราถูกสะกดให้หลงใหลจนลืมตัวอย่างนั้นแหละครับ
【4】 ศัพท์พุทธศาสนาพื้นฐาน ใช้พูดกับชาวต่างชาติ
เมื่อตื่นนอนตอนเช้า เปิดโทรทัศน์เห็นข่าวคนชกต่อยทำร้ายฆ่าฟันกัน ทั้งบนท้องถนนและที่บ้านเรือน หลายกรณีเกิดจากโกรธและแค้นและก็แก้แค้น บางเรื่องที่รุนแรงมากเริ่มจากความใจร้อนมากเกินไปนิดเดียว
ผมมองดูแล้วก็นึกว่า โดยทั่วไปคนไทยก็ใจดี เห็นใครเดือดร้อนถ้าพอจะช่วยได้ก็ช่วย การ "ให้" จึงน่าจะอยู่ในดีเอ็นเอของคนไทยส่วนใหญ่ แต่จากข่าวที่ปรากฏอดรู้สึกไม่ได้ว่า มีอย่างหนึ่งที่คนไทยให้กันน้อยเกินไป คือให้ "อภัย" คือเรา give แต่เราไม่ค่อยจะ forgive และ forgive นี่น่าจะเป็นรูปแบบที่สูงสุดของการ give
พอคิดถึงศัพท์ 2 ตัวนี้ก็เลยคิดต่อไปว่า อาจจะมีบางท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอาจารย์หรือหลวงพี่ ที่มีโอกาสบ้างในการพูดอะไรที่เกี่ยวกับพุทธศาสนากับชาวต่างประเทศ ซึ่งอาจจะเป็นพุทธธรรม, พุทธพิธี, พุทธวัตถุ, พุทธสถาน ถ้าเรารู้ศัพท์พื้นฐานไว้บ้าง ก็จะดึงมาพูดได้ทันทีโดยไม่ต้องนึกมาก ซึ่งศัพท์พวกนี้ก็มีอยู่แล้วใน "พจนานุกรมพุทธศาสน์" แต่มันเยอะจัดยิ่งเมื่อเจอคำบาลีดูนานก็ตาลายได้ ในที่นี้ผมจึงดึงมาบ้างบางคำที่ดูแล้วน่ารู้ สามารถหยิบใช้พูดได้ทันที บางคำไทยให้คำแปลเป็นอังกฤษไว้หลายคำ ท่านก็เลือกใช้สัก 1 คำที่เข้ากับเรื่องที่กำลังคุยกับคนต่างชาติ หรืออาจจะดัดแปลงสักเล็กน้อยให้มันสั้นลงหรือกระชับขึ้น ลองเข้าไปดูได้เลยครับ ผมได้ทำ Bookmarks ที่ไฟล์ pdf ให้ท่านคลิกไปยังหน้าที่ขึ้นต้นด้วยตัว ก.. ข..ค.. ได้โดยสะดวก
→ http://www.e4thai.com/e4e/images/pdf2/ศัพท์พุทธศาสนาพื้นฐานใช้พูดกับชาวต่างชาติ.pdf
【3】กินอย่างช้า ๆ = eat slowly, ทำงานอย่างเร็ว ๆ = work quickly และถ้าจะพูดว่า "ผมจะพูดกับคุณอย่างผู้ชาย" พูดว่า I want to talk to you manly. ได้มั้ย?
คงมีหลายท่านที่ตอบได้ถูกต้องทันทีว่า "พูดอย่างนี้ไม่ได้" แต่ทำไมมันไม่ได้ล่ะครับ
คำตอบง่าย ๆ ที่คงผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้วก็คือ
adjective+ly = adverb และมักวางหลัง verb เพื่อใช้ขยาย verb แปลว่า "อย่าง..." เช่น
He walks slowly. เขาเดินอย่างช้า ๆ
They eat slowly.เขากินอย่างเร็ว ๆ
We work quickly. พวกเราทำงานอย่างรวดเร็ว
แต่ว่า ถ้ามัน noun เช่น man + ly เป็น manly มันไม่ได้เป็น adverb เพื่อขยาย verb อย่างข้างบนนะครับ แต่มันมักจะเป็น adjective ซึ่งมักจะใช้ขยาย noun โดยวางไว้ข้างหน้า noun หรือวางหลัง verb to be (ตามที่ครูสอน) ยกตัวอย่างข้างล่างนี้ครับ
He gave her a brief, brotherly kiss.
...a friendly atmosphere...
Your cat isn't very friendly.
a monthly journal วารสารรายเดือน
The property price can rise monthly ราคาอสังหาริมทรัพย์ขึ้นได้ทุกเดือน
(monthly คำนี้เป็น adverb ได้ด้วย คือขยาย verb – rise แต่ไม่ได้แปลว่า "อย่างเดือน" แต่แปลว่า "ทุกเดือน" หรือ "รายเดือน" .
ขอแถมอีกสักหน่อยนะครับ ที่เป็น noun+ly และทำหน้าที่เป็น adjective
• Beastly
• Costly
• Cowardly
• Elderly
• Fatherly
• Gentlemanly
• Gentlewomanly
• Ghostly
• Godly
• Homely
• Humanly
• Kingly
• Leisurely
• Lovely
• Manly
• Masterly
• Motherly
• Nightly
• Priestly
• Princely
• Saintly
• Scholarly
• Sisterly
• Timely
• Weekly (เป็น adverb ได้ด้วย)
• Womanly
• Worldly
• Yearly (เป็น adverb ได้ด้วย)
【2】หน้าวันจะต้องมี on หรือเปล่า เช่น on Monday, on Sunday ?
ที่ผมถามอย่างนี้ก็เพราะว่า ที่เรียนมาตอนชั้นมัธยม บอกว่า หน้าวันจะต้องมี on และผมก็จำได้แม่นเพราะมันจำง่าย แต่เมื่ออ่านข่าวในหน้า นสพ Bangkok Post ผมเห็นทั้ง 2 แบบ คือ ทั้งมีและไม่มี on วางหน้าวัน เช่น 2 ประโยคข้างล่างนี้
The BMA was hit with a barrage of criticism this week after it started to ban street food from Thong Lor on Monday. สัปดาห์นี้ กทม . ถูกด่าหลังจากที่ห้ามขายอาหารริมถนนที่ทองหล่อเมื่อวันจันทร์
The ban on political activities will also remain in force even after the promulgation of the new constitution Thursday, though the government insists it will stick to its roadmap leading to a general election.
คำสั่งห้ามกิจกรรมทางการเมืองยังมีผลหลังประกาศรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เมื่อวันพฤหัสบดี แม้รัฐบาลยืนยันจะยึดโรดแมพวันเลือกตั้ง
ผมก็เลยสงสัยว่า เอ๊ะ! ตกลงอย่างนี้มันต้องมี on หรือไม่ต้องมี
พอลองเข้าไปดูที่ดิก Longman ที่คำว่า Sunday
→ http://www.ldoceonline.com/dictionary/sunday
เขาให้ 2 ประโยคนี้เป็นตัวอย่าง
We're going to a match on Sunday.
What are you doing Sunday? American English – ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน
แต่ผมก็ยังไม่ค่อยพอใจในคำตอบ นี่หมายความว่า มันเป็นกฎเด็ดขาดหรือยังไงว่า ถ้าแกรมมาร์อังกฤษแบบอังกฤษ ให้เติม on หน้าวัน ถ้าแบบอเมริกันไม่ต้องเติม มันอย่างนั้นจริง ๆ รื้อ?
ผมลองไปหาคำอธิบายที่อื่น ก็ได้อันนี้มา
→ https://fluentli.com/questions/to-use-or-not-to-use-on-before-the-names-of-the-days-of-the-week
เขาพูดยาวทีเดียวครับ แต่สรุปก็คือ แกรมมาร์ไม่ใช่เรื่องตายตัว เปลี่ยนแปลงได้ตามยุคสมัยและความนิยม ถ้าใครไม่อยากใช้เขาก็ไม่ใช้ ถ้ายังอยากใช้ก็ใช้ไป หรืออาจจะมีกฎเกณฑ์อะไรอะไรเพิ่มเติมก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาแบบ casual หรือภาษาที่ใช้ในการเขียนหรือพูดรายงานข่าว
ก็เป็นอันว่าเราเข้าใจตามนี้แล้วกันครับ
เรื่องการใช้ภาษาตามแบบที่ชาวบ้านเขาอยากจะใช้นี้ แม้นักภาษาจะต่อว่า คนเขาก็อาจจะไม่สนใจ เขาจะใช้ของเขาอย่างนั้นซะอย่าง อย่างเช่นคำว่า "สนธิ" ซึ่งเป็นคำนาม แต่ในข่าวมักจะใช้เป็นคำกริยา เช่น
นายจำนัล เหมือนดำ นายอำเภอสุไหงปาดี จ.นราธิวาส และ พ.ต.อ. ขวัญดี ฉิมพลี สภ.สุไหงปาดี ร่วมแถลงผลการสนธิกำลังทหารเข้าตรวจค้นยาเสพติดในพื้นที่บ้านจือแร ม.1 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี
→ http://www.royin.go.th/?knowledges=สนธิ-๘-กันยายน-๒๕๕๒
เรื่องอย่างนี้ ถ้าเป็นข้อสอบ คงต้อง "ปลอดภัยไว้ก่อน" โดยเลือกข้อที่มี on วางหน้าวัน มั้งครับ
【1】คำนามที่เป็นเอกพจน์ – พหูพจน์ ดูยังไง
เราเรียนกันมาว่า ของอันเดียว ถ้าจะให้มีหลายอันก็เติม s เช่น pen – pens, book – books
แต่บางทีก็ไม่เป็นอย่างนี้ เช่น 10 ดอลลาร์ เราเขียนว่า ten dollars แต่ถ้า 10 บาท เราก็เขียน 10 bahts
แต่เอ๊ะ! ก็เห็นบ่อย ๆ ในข่าวที่เงินหลายบาทเขียนไม่ต้องเติม s ก็ได้ เป็น 10 baht
→ https://www.merriam-webster.com/dictionary/baht
ผมว่าแกรมมาร์มันน่าเบื่อตรงนี้แหละครับ คือมันมีกฎแต่ก็มีข้อยกเว้น และไอ้ข้อยกเว้นนี้บางมีมันเยอะกว่ากฎซะอีก
อย่างปลา ไม่ว่าจะตัวเดียว หรือหลายตัว ก็ใช้ fish
แต่ถ้าใช้ fishes ไม่ได้หมายถึงปลายหลายตัว แต่หมายถึงปลาหลายชนิด หรือหลายพันธุ์ (kind, species)
ขอขอบคุณคุณ Mi Memi มาก ๆ ครับที่ช่วยกรุณาแก้ที่ผมเขียนผิด
→ http://www.oxfordlearnersdictionaries.com/definition/english/fish_1?q=fish
→ http://www.learnersdictionary.com/definition/fish
แต่ถ้าเป็นปลาฉลาม – shark, ปลาวาฬ – whale, ปลาโลมา - dolphin ปลาพวกนี้หลายต้องตัวเติม s นะครับ เป็น sharks, whales, dolphins
→ http://www.ldoceonline.com/dictionary/shark
→ http://www.ldoceonline.com/dictionary/whale
→ http://www.ldoceonline.com/dictionary/dolphin
อ้าว! ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ถ้าถามว่า ปาท่องโก๋ หลายตัวเติม s หรือเปล่า
ปาท่องโก๋ มันไม่ใช่ปลา แต่มันเป็นขนม เขาแปลกันว่า Chinese cruller ถ้าหลายตัวก็เติม s เป็น Chinese crullers ครับ
→ http://www.macmillandictionary.com/dictionary/american/cruller
และปาท่องโก๋นี่ จะเรียกว่า ตัว หรือ คู่ ก็ได้ครับ
→ http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/4035/007735
ศึกษาเพิ่มเติม
→ http://tinyurl.com/laux92n
→ http://tinyurl.com/n5vsy7x
→ http://tinyurl.com/mx2m7y9
♥ อยากเก่งอังกฤษ ต้องก้าวออกมาจาก ❝comfort zone❞ ♥
คลิกขยายภาพ
☟ ☟ ☟ ☟ ☟ ☟ ☟
→ http://www.e4thai.com/e4e/images/photo3/ship_comfort_zone.png
■ ผมทราบดีว่า ท่านที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ แต่รู้สึกว่าตัวเองรู้ศัพท์ไม่เยอะ เบื้องต้นก็ต้องพึ่งรายการคำศัพท์ อังกฤษแปลไทย ไปก่อน อย่างเช่นคำศัพท์ 1500 คำ ที่ใช้ในการเขียนข่าวภาษาอังกฤษของ VOA
ที่นี่ (ไฟล์ใหญ่ อาจจะโหลดช้าสักนิด)
→ http://www.e4thai.com/e4e/images/pdf2/1500VOAwords.pdf
■ แต่ผมก็ขอบอกด้วยความจริงใจว่า ถ้าท่านหวังความก้าวหน้า ท่านต้องขยับเรียนให้ยากขึ้น เพราะคนเราจะเก่งก็เพราะได้ลุยเรื่องยากนี่แหละครับ อย่างกรณีศัพท์ 1500 คำของ VOA ชุดนี้ แทนที่จะพึ่งแต่คำแปลไทย ก็ลองขยับไปอ่านความหมาย หรือนิยาม หรือ definition ที่เป็นภาษาอังกฤษดูบ้าง ที่นี่
→ http://www.manythings.org/voa/words.htm
■ และในเวลาเดียวกัน ก็ศึกษาประโยคตัวอย่างที่ใช้ศัพท์คำนั้น ๆ
→ http://www.e4thai.com/e4e/images/pdf/1500%20voa%20words%20with%20examples.pdf
→ https://www.youtube.com/watch?v=pqx9JeQFA7Q&list=PLtktXfW_NdXaBvGu1TtgLaYpSJMVSyTiq
■ ต่อไปก็ลองเล่นเกม หรือ test คำศัพท์ดูบ้าง
→ http://iteslj.org/v/e/voa-special_english.html
→ http://www.manythings.org/ww/
♦ถ้าได้ฝึกให้ยากขึ้นอย่างนี้ เท่ากับผลักตัวเองให้พ้นออกจาก ❝comfort zone❞ ซึ่งแม้จะเป็นโซนที่อยู่สบาย แต่มันก็เป็นโซนที่ความอุตสาหะและศักยภาพของเราอยู่นิ่งไม่ถูกทดสอบ โอกาสพัฒนาจึงเป็นไปได้ยาก
♦ การเก่งภาษาอังกฤษ จะต้องกล้าที่จะก้าวออกมาจาก ❝comfort zone❞และยอมให้ตัวเองถูกทดสอบ ถ้าไม่ยอม ก็จะมีชีวิตที่สบาย ๆ ซึ่งไม่ก้าวหน้า ผมเชื่อว่าท่านคงไม่ชอบชีวิตอย่างนั้น
More Articles...
- ยอมรับ ❝เราอาจจะผิดก็ได้❞
- เข้าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ Free Online
- ฝึกฟัฒนาภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ กับศัพท์ทีละคำ ที่เว็บดิก Longman
- วิธีฟิตภาษาอังกฤษโดยการอ่าน Story
- การเลือกคณะที่จะเรียน-เลือกงานที่จะทำ และ... ประสบการณ์ส่วนตัวของผม
- ฟิตอังกฤษกับอ.แทร์รี่ แห่ง นสพ. Bangkok Post
- แนะนำเว็บ multimedia-english.com
- "อยากพูดภาษาอังกฤษค่ะ ช่วยแนะนำตั้งแต่เริ่มเลย จะฝึกยังไง?"
- เว็บหน่วยราชการเหมือนขุมทรัพท์เรียนภาษา แต่ต้องขุดเอาเอง
- แชร์ประสบการณ์การฝึกลูกเรียนภาษาอังกฤษ
- รวมสุดยอดเทคนิคเก่งภาษาอังกฤษ
- ฝึกภาษาอังกฤษ = ❝ฝึก Search ❞ + ❝ฝึก Study ❞
- คลิกไล่ดูชื่อบทความในเว็บ e4thai เล่น ๆ
- วิธีง่าย ๆ ในการหา eBook ที่ถูกใจในเว็บ e4thai.com
- ท่านเคยรักษานิ้วล็อกที่ รพ เลิดสิน บ้างไหมครับ?
- e4thai.com ได้รับการถอนฟ้อง "ไฟล์อันตราย" แล้วครับ
- ศึกษาภาษาอังกฤษกับ podcast ที่เว็บ BBC และ British Council
- ฝึกภาษาอังกฤษต้องให้ได้ U ครบ 2 ตัว
- ภาษาอังกฤษ ฟิตหนักแต่ได้ผลน้อย ก็เพราะว่า...
- ภาษาอังกฤษ: (ฟัง+อ่าน) → (พูด+เขียน)