Home
เรื่องที่ฝรั่งก็ยังทะเลาะกันเกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤษของเขา
สวัสดีครับ
ท่านผู้อ่านครับ ผมไปเจอคลิปข้างล่างนี้ ชื่อ Misconceptions about English โดย presenter ของคลิปนี้เขาบอกว่ามีหลายเรื่องที่คนจำนวนมากมายยึดถือ-เชื่อถืออย่างผิด ๆ เกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤษ โดยเขายกตัวอย่างมา 10 เรื่อง, เรื่องที่ 1 – 5 เกี่ยวกับแกรมมาร์ และเรื่องที่ 6 – 10 เกี่ยวกับคำศัพท์ เขาบอกว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องใช้อย่างนั้น และในหลายกรณีที่คนเห็นว่าใช้ผิดนี้ จริง ๆ แล้วก็มีการใช้อย่างนั้นมาเนิ่นนานแล้ว ไม่เห็นจะผิดตรงไหน
ก่อนจะให้ท่านดูคลิปนี้ ผมขอคุยด้วยนิดหน่อยนะครับ
คือเท่าที่ได้ยินมาก็รู้สึกว่าฝรั่งทั้งนักวิชาการและชาวบ้านก็เถียงกันไม่น้อยว่าการใช้ภาษายังไงถูก ยังไงผิด วันก่อนผมไปเจอหนังสือเล่มนี้ ==>The Penguin Dictionary of American Usage and Style
ฝรั่งผู้แต่งเขารวบรวมการใช้ภาษาอังกฤษของสื่อมวลชนที่เขาเห็นว่ากำกวม ผิด ๆ เพี้ยน ๆ แล้วเสนอว่าควรจะแก้ไขยังไงให้ถูกต้อง ผมอ่านดูแล้วก็รู้สึกว่าคนเขียนพูดอะไรมีกฎเกณฑ์ดี น่ารับฟัง แต่ผมก็เชื่อว่าความเห็นต่างในเรื่องการใช้แกรมมาร์และคำศัพท์ก็คงมีอยู่ต่อไปตลอดกาล
คนไทยเราก็เป็นเหมือนกัน เช่น 2 – 3 วันนี้ท่านราชบัณฑิตย์บอกว่า ให้พูดว่า "โรฮีนจา” ไม่ใช่ “โรฮิงญา" อย่างที่เคยพูดกันมาเนิ่นนาน ท่านล่ะครับว่ายังไง
ใน Wikipedia มีบทความหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่น่าอ่าน
Common English usage misconceptions - Wikipedia
สำหรับพวกเราที่ไม่ได้เป็นเจ้าของภาษา ถ้าต้องทำข้อสอบไม่ว่าจะเป็นแกรมมาร์แบบเลือกข้อ a, b, c, d หรือ writing ที่ต้องเขียน ผมว่าถ้าจะให้ปลอดภัยเราก็น่าจะเขียนอะไรที่มัน formal ไว้ก่อน
ขอเล่าอีกสัก 1 ตัวอย่างนะครับ คือ ผมเคยเจอคำอธิบายการใช้ they เพื่อเป็น pronoun แทน anyone, no one, someone, หรือ a person
ที่มา: New Oxford American Dictionary
Usage: The word they (with its counterparts them, their, and themselves) as a singular pronoun to refer to a person of unspecified sex has been used since at least the 16th century. In the late 20th century, as the traditional use of he to refer to a person of either sex came under scrutiny on the grounds of sexism, this use of they has become more common. It is now generally accepted in contexts where it follows an indefinite pronoun such as anyone, no one, someone, or a person: anyone can join if they are a resident; each to their own. In other contexts, coming after singular nouns, the use of they is now common, although less widely accepted, esp. in formal contexts. Sentences such as ask a friend if they could help are still criticized for being ungrammatical.
โดยที่ก่อนหน้านี้ผมเคยอ่านตำราแกรมมาร์ซึ่งบอกว่า คำพวกนี้ซึ่งไม่ระบุเพศให้ใช้ pronoun he แทน
ก็คงต้องให้ฝรั่งเจ้าของภาษาเขาทะเลาะกันต่อไป ส่วนเราเองจะใช้ภาษาอังกฤษแบบไหน ก็ดูความเหมาะสมตามสถานการณ์แล้วกันครับ
เอาละครับ ขอเชิญท่านดูคลิปที่ผมว่า และถ้อยคำสรุปที่ผมทำไว้ใต้คลิปนี้ได้เลยครับ
[1]อย่าขึ้นต้นประโยคด้วย conjunction เช่นคำว่า and, but, so ฯลฯ เขาบอกว่าไม่มีกฎเกณฑ์ห้ามไว้ และนักเขียนดัง ๆ ในอดีตซึ่งเขียนอย่างนี้ก็มีเยอะแยะไป
[2]ย่อหน้าหนึ่ง ๆ ต้องมีหลายประโยค เขาบอกว่าไม่จำเป็น ถ้ามันสื่อความได้ครบจบได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกับอะไรอีก แค่ประโยคเดียวก็เป็นย่อหน้าได้แล้ว และเราก็เจอบ่อยในเนื้อข่าวที่เขียน 1 ประโยค 1 ย่อหน้า
[3] มีกฎเกณฑ์แน่นอนในการเขียน apostrophe’ s สำหรับการแสดงความเป็นเจ้าของในคำนามเอกพจน์ เขาบอกว่า มันไม่แน่ คือเราจะเขียนว่า boss’ report หรือ boss’s report ก็ได้ แต่จะเลือกเขียนยังไงก็ให้มันเหมือนกันตลอด
[4] อย่าจบประโยคด้วย preposition เขาบอกว่า เรื่องนี้ทำได้ ถ้าเขียนอย่างนี้แล้วมันสื่อความได้เคลียร์
[5] อย่าแยก to กับ verb ช่อง 1 (เรียกว่า split infinitive) เช่น to quickly eat, เอา quickly มาคั่นอย่างนี้ถือกันว่าไม่ถูกต้อง แต่เขาบอกว่า บางทีมันก็ไม่เป็นไร เขายกตัวอย่างจากหนังทีวีเรื่อง Star Trek ซึ่งมีประโยคว่า to boldly go where no man has gone before
[6] คำว่า Caesarean sections ตั้งขึ้นตาม Julius Caesar อันนี้เขาบอกว่าไม่ใช่
[7] เมื่อจะบอกว่า ฉันสบายดี อย่าพูดว่า I’m good แต่ให้พูดว่า I’m well. เขาบอกว่าจะพูดยังไงก็ได้
[8] คำว่า whose ใช้อ้างถึงคนเท่านั้น เขาบอกว่า คำนี้ก็ใช้อ้างถึงทั้งคนและสิ่งของมาตั้งแต่เนิ่นนานเป็นร้อย ๆ ปีแล้ว
[9] คำว่า literally (ตามตัวอักษร) ไม่ให้หมายความว่า figuratively แต่เขาบอกว่าแม้แต่ดิก oxford ยังให้อีกความหมายหนึ่งของ literally ว่า in effect (มีผล)
[10] คำว่า decimate แปลว่า ฆ่า 1 ใน 10 เขาบอกว่า ไม่ใช่หรอก แม้แต่ดิก Webster ยังให้ความหมาย decimate ว่า destroy อย่างขนาดหนัก
ผมนำมาให้ดูเล่น ๆ ไม่ต้องไป serious อะไรกับมันหรอกครับ
พิพัฒน์
มีข่าวภาษาอังกฤษเกี่ยวกับขอทานมาฝากครับ
สวัสดีครับ
วันนี้ผมมีข่าวภาษาอังกฤษเกี่ยวกับขอทานมาฝาก 5 ข่าวครับ
ข่าวที่ 1:
จังหวัดชัยนาท: เจ้าหน้าที่พบชายมือง่อยคนหนึ่งนั่งขอทานที่กลางเมืองชัยนาท เขามาจากเมืองจีน ค้นในตัวมีแบงก์กว่า 21,000 บาท ทุกวันเขาก็พักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้จุดที่นั่งขอทานนั่นแหละ เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการส่งตัวกลับเมืองจีน
ข่าวที่ 2:
รัฐเคนทักกี, สหรัฐฯ - ฝรั่งจบปริญญาแกล้งทำเป็นง่อยและปัญญาอ่อน ขอท่านได้เงินแสนดอลลาร์ต่อปี ถูกจับแล้วปล่อยตัวก็แกล้งง่อยขอทานต่ออย่างเดิม
ข่าวที่ 3:
เมืองกัลกัตตา, อินเดีย: หญิงง่อยเพราะโปลิโอ ขอทานมาตั้งแต่อายุ 16 จน 60 คุณป้าให้สัมภาษณ์ว่าเก็บเงินที่ขอได้ทุกวันเผื่อวันที่ขอไม่ได้ ตอนนี้คุณป้าเปิดบัญชีธนาคารแล้วเพราะเชื่อตำรวจที่เตือนว่าถ้าเก็บเงินไว้เองอาจจะถูกโขมย วันที่เปิดบัญชีป้าแกเอาเหรียญ 4 ถังเต็ม ๆ มาฝากเปิดบัญชี ทางธนาคารต้องระดมพนักงานที่ชำนาญการนับเงินเหรียญมานั่งนับอยู่ 3 วันจึงนับเสร็จ ผู้จัดการธนาคารบอกว่าคุณป้าน่าจะเป็นแบบอย่างของการเก็บออม ประโยคเด็ดที่คุณป้าบอกนักข่าว BBC คือ
"I saved for the days when I cannot beg. I knew one day I would grow old and have diseases, so I was prudent (รอบคอบ) and saved for my pension (เงินบำนาญ)."
ข่าวที่ 4:
กรุงนิวเดลี, อินเดีย: ขอทานเข้าไปหาเหยื่อโดยพูดภาษาอังกฤษสำเนียงเป๊ะ พวกเขาไม่ได้ขอเงินหรืออาหารแต่บอกว่าต้องการยาไปรักษาโรค ถ้าเหยื่อหลงเชื่อก็จะพาไปร้านยาที่เป็นแก๊งเดียวกัน เหยื่ออาจจะเป็นคนอินเดียด้วยกันหรือนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ได้ เจ้าหน้าที่เล่าว่า หลังจากนี้ขอทานก็จะเอายาไปคืนที่ร้านนั้นโดยแบ่งเงินกับร้านขายยาคนละครึ่ง
ข่าวที่ 5:
4 ข่าวแรกนั้นเป็นของแถมแต่นำมาให้ก่อน ข่าวที่ผมตั้งใจนำมาฝากจริง ๆ คือข่าวสุดท้ายข่าวนี้
กรุงนิวเดลี, อินเดีย: เรื่องของเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นขอทานในกรุงนิวเดลี เธอพยายามฝึกพูดภาษาอังกฤษเพื่อให้สามารถขอเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ง่ายขึ้น โดยมีน้องของเธออีก 3 คนฝึกงานกับเธอ เรื่องที่เธอพูดจะจริงหรือเท็จก็ไม่รู้หรอก แต่นักท่องเที่ยวที่ใจอ่อนและฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องก็คงอยากควักเงินให้ขอทานที่พูดมากกว่าขอทานที่เงียบ หรือขอทานที่พูดภาษาแขกฟังไม่รู้เรื่อง เช่น ประโยคทำนองนี้
“My father died when I was 10. I stay in Karol Bagh with my mother and three siblings (พี่น้อง) and had to resort to (ใช้วิธี) begging for them to survive (เอาชีวิตรอด), ”
ประโยคที่ผมจะสรุปวันนี้ก็ง่าย ๆ ครับ คือผมจะบอกว่า ทุกวันนี้คนทุกอาชีพต้องสื่อสารกับคนอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพูดภาษาอังกฤษกับคนต่างชาติ การจะพูดได้ก็ต้องฝึกพูด คือ ฝึกพูดวันนี้ และ ฝึกพูดทุกวัน เราไม่มีทางอื่นให้เลือกครับ
พิพัฒน์
เว็บเรียนภาษาอังกฤษดีที่ผมชอบ
สวัสดีครับ
ในเว็บนี้ ผมรวบรวมเว็บฝรั่งสอนภาษาอังกฤษไว้ที่ลิงก์นี้
Top 100 English-Study Websites
แต่พูดก็พูดเถอะครับ ของอย่างนี้ แต่ละคนอาจจะชอบไม่เหมือนกัน เหมือนภาษิตอีสานว่า ของแซบอยู่นำผู้มัก
ถ้าถามว่าผมชอบเว็บไหน คำถามนี้ตอบยากครับ เพราะมันเยอะ และข้างล่างนี้ก็เป็นเว็บที่ผมชอบมาก เพราะดูเหมือนว่า ในเว็บเดียวมีให้เรียนแทบจะทุกอย่าง (PR = Google PageRank)
ผมนำมาฝาก เผื่อว่าท่านอาจจะชอบบ้าง
- http://www.manythings.org/ PR=7
- http://www.esl-lab.com/ PR=7
- http://www.examenglish.com/ PR=6
- http://www.englishpage.com/ PR=6
- http://www.tolearnenglish.com/ PR=6
- http://www.1-language.com/ PR=6
- http://www.eslgold.com/ PR=6
- http://www.english-test.net/ PR=5
- http://www.learnenglishfeelgood.com/index.html PR=5
- http://www.world-english.org/ PR=5
- http://www.agendaweb.org/ PR=5
- http://englishteststore.net/ PR=4
- http://english-test.us/ PR=4
- http://www.eslfast.com/ PR=4
พิพัฒน์
อ่านเรื่อง “แปลก” ในอินเทอร์เน็ต
สวัสดีครับ
สมัยก่อนที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ต มีนิตยสารวางแผงขายฉบับหนึ่ง ชื่อ “แปลก” หน้าตาตามภาพหน้าปกนี้
เนื้อหาในเล่มรวบรวมเรื่องราวแปลก ๆ ตามชื่อ อาจจะเป็นเรื่องราวแปลก ๆ รูปภาพแปลก ๆ พฤติกรรมแปลก ๆ ของคน ของสัตว์ ธรรมชาติแปลก ๆ ที่ไม่ค่อยได้พบเห็น ทุกวันนี้ผมไม่เห็นนิตยสารเล่มนี้บนแผงหนังสืออีกแล้ว
เนื้อเรื่องในนิตยสารที่ว่าแปลกนี้ สมัยนั้นเท่าที่เคยพลิกอ่านดู บางทีมันก็ยังงั้น ๆ ไม่มีอะไรแปลกนักหนา สมัยที่ผมบวชมีขี้เมาคนหนึ่งบ้านอยู่ข้างวัด แกมาขอข้าววัดกินเป็นประจำและเล่าให้ฟังว่า แกได้เงิน 100 บาทจากการทำท่าถือหางจิ้งจกจะหย่อนใส่ปาก โดยนิตยสารแปลกจะนำภาพไปลงเป็นภาพแปลกชื่อ “คนกินจิ้งจก”
นั่นเป็นเรื่องของสมัยก่อน
แต่ทุกวันนี้ยุคที่โลกมีเน็ต ท่านสามารถหาเรื่องและภาพแปลก ๆ อ่านดูได้ไม่รู้จบ มีทั้งแปลก, สนุก, เหลือเชื่อ, เรื่องที่คนไม่ค่อยรู้, สถิติน่าสนใจ, การบอกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต, เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตที่เพิ่งค้นพบ ฯลฯ สรุปก็คือ มีทุกเรื่องราว และทุกรูปแบบ ของเรื่องแปลกที่เกิดขึ้นในโลกนี้ หรือนอกโลก หรือนอกจักรวาล ทั้งเรื่องในปัจจุบัน-อดีต-อนาคต คนที่สนใจเรื่องแปลก ๆ ไม่ต้องกลัวเหงา
ท่านที่ต้องการฝึกภาษาอังกฤษกับเนื้อเรื่องแปลก ๆ ก็สามารถให้ Google หาได้ตามต้องการ เพียงพิมพ์คำค้นง่าย ๆ เช่น strange stories about…, interesting facts / articles / news about … ก็จะได้เรื่องแปลกตามต้องการ โดยจะดูแบบใดก็ได้
ดูเว็บ / ลิงก์: https://www.google.co.th/
ดูภาพ: https://images.google.com/
ดูคลิป: https://www.google.com/videohp
และวันนี้ผมมีเว็บเรื่องแปลกมาฝากนิดหน่อย
เรื่องผีเมืองไทย
Real Ghost Stories from Thailand
เรื่องกำแพงเมืองจีน
Top 10 Interesting Facts about the Great Wall of China
39 Interesting Facts about the Great Wall of China
เว็บรวมรวมข้อมูล ภาพ สถิติ แปลก ๆ
http://www.factslides.com/
https://www.facebook.com/amzfacts
http://www.dailyrandomfacts.com/
ท่านผู้อ่านครับ ผมพูดบ่อย ๆ ว่า ในการฝึกภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหรือฟัง เราควรหาเรื่องที่เราสนใจ เพราะเราจะเพลิดเพลินกับเรื่องที่เราชอบ หรือมันเป็นประโยชน์ต่อการทำงานหรือการใช้ชีวิตของเรา แต่เรื่องที่ว่านี้เราต้องลงทุนหาเอง ในเว็บ www.e4thai.com นี้ผมก็พยายามหามาเล่าเยอะ ๆ แต่ถ้ามันยังไม่ถูกใจท่าน ท่านก็น่าจะลองพยายามหาเอง เพราะว่าถ้าเป็นเรื่องที่ตัวเองรัก แม้ท่านอาจจะไม่ได้รู้สึกพิศวาสภาษาอังกฤษนัก ท่านก็คงรักที่จะฝึก
พิพัฒน์
ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ง่ายกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาหลายเท่า
สวัสดีครับ
ท่านผู้อ่านครับ การฝึกพูดภาษาอังกฤษ เป็นกิจกรรมที่ทำได้ ถ้าเราไม่กลัวจนเกินไป มีขันติและวิริยะอย่างสม่ำเสมอพอสมควร มันง่ายกว่าการเข็นครกขึ้นภูเขาหลายเท่า แต่เราจะฝึกยังไงล่ะ?
ก่อนอื่น ผมขอให้ท่านผู้อ่านสลัดความกลัวทิ้งไปให้หมด คนไทยกว่าค่อนประเทศที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เพราะไม่กล้าเปล่งเสียงพูด ทั้ง ๆ ที่พื้นฐานจากโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยก็พอที่จะช่วยให้พูดภาษาอังกฤษได้ แต่จนแล้วจนรอด ถ้าท่านยังกลัวอยู่ก็กลัวไปเถอะครับ และก็ฝึกพูดออกไปทั้ง ๆ ที่กลัวนั่นแหละ ถ้าพูดออกไปและสิ้นใจตายฉับพลันเพราะพูดภาษาอังกฤษ ผมขอรับผิดชอบจัดงานศพให้
ที่ผมกล้าท้าเช่นนี้ไม่ใช่เพราะว่าผมมีเงินเยอะ แต่ผมแน่ใจว่าผมไม่เสียเงินแน่ เพราะมีคนจำนวนมากมายที่กล้าฝึกพูดภาษาอังกฤษแล้วไม่ตาย แถมยังได้ความเก่งกลับมาเกินหน้าคนที่ไม่กล้าพูด ถ้าท่านพูดเต็มประโยคไม่ได้ ก็พูดทีละครึ่งประโยคก็ได้ ถ้าครึ่งประโยคก็ยังนึกไม่ออกก็พูดศัพท์แค่คำเดียวที่นึกออก เมื่อหัดนึกอยู่เรื่อย ๆ จากคำเดียวจะกลายเป็นหลายคำ
เมื่อฝึกนึกแล้วพูด, นึกแล้วพูด, นึกแล้วพูด ทีละคำไปเรื่อย ๆ ไม่หยุด ไม่ย่อท้อ ท่านจะพูดไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป !!
แต่ท่านอาจจะบอกว่า (1)ไม่มีเรื่องจะพูด และ(2)ถึงมีเรื่องจะพูด ก็ไม่รู้จะพูดกับใคร เอาละครับ ผมขอวกเข้าเรื่องที่ผมตั้งใจจะเขียนคุยกับท่านในวันนี้ คือ ท่านใช้รูปภาพของกูเกิ้ลซึ่งมีอยู่มากมายมหาศาล เมื่อเห็นรูปภาพแล้ว ท่านก็ฝึกพูดอะไรก็ได้เกี่ยวกับรูปนั้น จะพูดแค่คำเดียว, หรือ 2 – 3 คำ, หรือเป็นประโยคสั้น ๆ ก็ได้ทั้งนั้น ผมขอรับรองว่า วิธีง่าย ๆ ที่ดูเหมือนไม่เห็นจะมีอะไรเช่นนี้ มันได้ผลจริง ๆ
เชิญท่านตามผมไปอีกสักนิดนะครับ
[1] ท่านเข้าไปที่หน้า Google Search
คลิก: www.google.co.th
ท่านจะเห็นว่า ที่มุมบนขวามือ มันมีภาพใดภาพหนึ่ง ตามข้างล่างนี้ ให้ท่านคลิกคำว่า ค้นรูป หรือ images
หรือ
[2] คราวนี้ให้ท่านพิมพ์คำเพื่อค้นหารูป เพื่อฝึกพูด จะพิมพ์เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้, และ Enter, Google จะโชว์ภาพนับไม่ถ้วนให้ท่านดู
ในที่นี้ผมขอยกตัวอย่างพิมพ์คำว่า สงกรานต์ ก็จะได้ภาพมามากมาย คลิกดู
[3] เอาละครับ คราวนี้ก็ถึงตอนที่จะฝึกพูด โดยขอให้ท่านคลิกภาพที่ท่านชอบหรือสนใจเพื่อขยายขนาด แล้วก็ฝึกพูดอะไรก็ได้ในลักษณะบรรยายภาพ หรือถ้าจะให้ดีก็ชวนเพื่อนที่รู้ใจที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน มาฝึกด้วยกัน จะได้ช่วยเหลือกัน และสนุกด้วยกัน ในที่นี้ผมขอยกตัวอย่างสักเล็กน้อย
ท่านอาจจะฝึกพูดเปล่งเสียงออกไปว่า
Elephants, children, songkran
หรือ Everyone is happy in Songkran.
หรือ Elephants and children are happy in Songkran.
หรืออะไรก็ได้ ที่ท่านนึกออก ก็พูดออกมาได้แลย
นี่คือการทำให้สมองและปาก ที่มันฝืดในเรื่องภาษาอังกฤษ ได้ถูกหล่อลื่นด้วยการฝึก
หรืออย่างภาพนี้
ท่านอาจจะพูดว่า
wet songkran
Sanook (สนุก)and happy, Thais and farangs, everywhere
การฝึกแบบนี้ ท่านจะพูดอะไรก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดอะไรทั้งสิ้น
หรือเช่นภาพนี้
จะพูดว่า
beach, Songkran, build sand chedi (ก่อเจดีย์ทราย)
หรือฝึกพูดอะไรที่มันยาวกว่านี้ก็ได้
[4] ผมขอเสนอแนะว่า ขอให้ท่านใช้จินตนาการอันบรรเจิดไม่รู้จบ นึกถึงเรื่องอะไรก็ได้ อาจจะเป็นภาพที่ท่านรู้จักคุ้นเคย เคยเห็น เคยไป หรือสิ่งที่ท่านอาจจะไม่เคยนึกถึง ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น ไม่เคยไป ในประเทศ ต่างประเทศ ผู้คนที่ไม่เคยพบเห็น ฯลฯ และพิมพ์ให้กูเกิ้ลหาภาพมาให้ท่านดู และท่านก็ฝึกพูดกับภาพเหล่านี้ ผมขอยกตัวอย่างอีกนิดหน่อยนะครับ
อาจจะฝึกพูดสั้น ๆ ว่า
very beautiful,Phuket, sunset
และถ้าพอจะฝึกพูดอะไรได้ ก็พูดออกไปเลย เช่น
I love it.
Fisherman, village, small boat, very quiet.
I go(went) to Phuket 2 years ago.
ภาพ Google น้ำท่วมกรุงเทพ 2554 คลิกดู
ท่านฝึกพูดโดยไม่ต้องกลัวผิด ไม่ต้องกังวลเรื่องแกรมมาร์ เช่น
Bangkok, flood, 2554
My house, under water. 2 months
We cannot use car. We use boat.
Water is everywhere. Road is canal.
ภาพ Google กำแพงเมืองจีน คลิกดู
อาจจะพูดว่า
China wall, very big, very high, very long
I want to go there. I never go there.
ภาพ Google วัดม่วง จ. อ่างทอง คลิกดู
อาจจะฝึกพูดออกเสียงว่า
biggest Buddha in Thailand
very beautiful. I go(went) there 2 times.
ภาพ Google เมื่อไทยเข้าสู่ยุค AEC คลิกดู
ท่านดูภาพนี้ และลองจินตนาการเล่น ๆ ดูซีครับว่า ถ้าท่านจะคุยง่าย ๆ กับเพื่อนคนต่างชาติว่า พอเข้ายุค AEC, คนที่ทำ 7 อาชีพนี้ สามารถเดินทางไปทำงานในประเทศใดก็ได้ใน 10 ประเทศอาเซียน การฝึกเช่นนี้ต้องใช้จินตนาการมากสักนิด แต่เราก็ไม่ต้องกลัว อยากจะฝึกพูดยังไงก็พูดออกไปได้เลยครับ เช่นพูดว่า
When in AEC, 7 jobs can work in every country.
ท่านผู้อ่านลองฝึกอย่างนี้ วันละสัก 4 – 5 ภาพ จะพูดได้มาก ได้น้อย แค่พูดได้เป็นคำ ๆ หรือพูดได้ทั้งประโยค ก็ไม่เป็นไรครับ แต่ฝึกมันทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรฝึกพูดบรรยายภาพซึ่งท่านชอบ
มีสำนวนหนึ่งในภาษาไทย คือ เข็นครกขึ้นภูเขา ซึ่งพจนานุกรมให้ความหมายว่า ทํางานที่ยากลำบากอย่างยิ่งโดยต้องใช้ความเพียรพยายามและอดทนอย่างมาก
ผมเข้าใจว่า ท่านคงเคยได้ยินสำนวนนี้มาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ท่านเคยสำรวจความคิดของตัวเองไหมครับว่า ปฏิกิริยาแรกของความคิดเมื่อได้ยินสำนวนนี้คืออะไร? คือการบอกตัวเองว่า มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครทำได้ ใครริลงมือทำถ้าไม่บ้าก็โง่? ท่านคิดทำนองนี้หรือเปล่าครับ?
แต่ถ้าท่านลองคิดใหม่ว่า ถ้าการเข็นครกขึ้นภูเขาเป็นกิจที่ต้องทำ เพราะถ้าทำได้สำเร็จมันจะให้ประโยชน์มหาศาล ท่านจะต้องนำครกหินใบนี้ที่ท่านใช้อยู่ในครัวที่บ้านของท่าน จากตีนเขาให้ขึ้นไปอยู่บนยอดเขาให้ได้ โดยเดินนำมันขึ้นไป และห้ามใช้พาหนะใด ๆ ทั้งสิ้น ท่านจะทำได้สำเร็จไหม
ถ้าท่านไม่กลัวจนเกินไป หรือไม่มีความกลัวอยู่ในหัวใจเลย มันก็เห็นได้ไม่ยากว่า การนำครกจากตีนเขาขึ้นสู่ยอดเขาเป็นเรื่องที่ทำได้ โดยคำนวณดูว่าเส้นทางที่ต้องเดินด้วยเท้า มันยาวเท่าไหร่ สมมุติว่ามันคือ 10,000 เมตร ถ้าท่านเอาครกใส่ถุงผ้าอย่างหนา และใช้เชือกลากให้ได้วันละเพียง 10 เมตร ท่านจะใช้เวลา 1,000 วันในการลากครกให้ขึ้นถึงยอดเขา, 1,000 วันก็คือ 33 เดือน หรือประมาณ 3 ปีก็ทำได้สำเร็จ
หลายคนกลัวการฝึกภาษาอังกฤษขนาดหนัก เห็นการฝึกให้เก่งภาษาอังกฤษไม่ต่างจากการเข็นหรือลากครกขึ้นภูเขา และไม่เคยพยายามอะไรทั้งสิ้น ขาดทั้งขันติและวิริยะ ปล่อยเวลาให้ท่านไปวัน ๆ, 1 ปีก็แล้ว, 2 ปีก็แล้ว, 3 ปีก็แล้ว โดยไม่พยายามทำให้ได้ในสิ่งที่มันทำได้
การฝึกพูดภาษาอังกฤษ เป็นกิจกรรมที่ง่ายกว่าการเข็นหรือลากครกขึ้นภูเขาตั้งเยอะแยะ ถ้าไม่กลัวจนเกินเหตุ มีขันติและวิริยะอย่างสม่ำเสมอพอสมควร มันก็ทำได้ เว้นแต่จะไม่ทำ
พิพัฒน์
More Articles...
- สวัสดีปีใหม่วันสงกรานต์ครับ
- วิธีฝึกภาษาอังกฤษในวันที่ขี้เกียจ – วันที่ไม่มีแรง, ไม่มีเวลา, ไม่มีอารมณ์จะฝึก
- อย่าปิดหูปิดตาฝึกพูดภาษาอังกฤษ
- ฝึกพูดภาษาอังกฤษตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อเตรียมตัวรับ AEC 31 ธันวาฯ 58
- เว็บดีที่ขอแนะนำ esldesk.com – ทุกคำในเว็บ มีความหมายภาษาอังกฤษ และคำแปลภาษาไทย ให้ท่านศึกษา
- เลิก Facebook เก่า – ใช้ Facebook ใหม่
- วันวาเลนไทน์ของผมคือทุกวัน และท่านคือวาเลนไทน์ของผม
- รู้แกรมมาร์แต่พูดไม่ได้ รู้ศัพท์แต่อ่านไม่รู้เรื่อง – ปัญหาของคนไทย แก้ยังไงดี?
- ขอแนะนำ Everyday English (ท่านต้องชอบแน่ ๆ)
- อ่านข้อมูลหางาน แล้วจะรู้ว่า ทักษะภาษาอังกฤษ สำคัญเพียงใด
- Bookmarks – จัดบทเรียน online ให้ตัวเองเรียนทุกวัน
- ดาวน์โหลดด้วยใจรัก - วิธีทำให้การดาวน์โหลด e-book ของท่านไม่เสียเวลาเปล่า
- ออกแรงสมองอีกนิด – read แล้ว test
- สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๘ ท่านผู้อ่านทุกท่าน
- แนะนำ 10 วิธีสุดเจ๋ง เรียนภาษาอังกฤษให้เก่งได้ด้วยตัวเอง!
- ดาวน์โหลด ของฝากจาก e4thai.com “เพื่อพลังใจในชีวิต และการฟิตภาษาอังกฤษ ปี 2558”
- ไฮไลท์เต็ม มาเลเซีย(Malaysia) VS ไทย(Thailand) 3-2 ผลรวม 3-4 ไทยชนะ
- คลิปไฮไลท์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ รอบชิง ทีมชาติไทย 2-0 มาเลเซีย Thailand 2-0 Malaysia
- ชีวิตนี้...
- ขอความกรุณาช่วยหาเว็บ “คำศัพท์สับสน” ให้ผมหน่อยครับ