Home
คำแนะนำจากผู้รู้หลายท่าน เกี่ยวกับวิธีเรียนให้เก่งอังกฤษ
เทคนิคการเรียนภาษาจากครูคริส
อยากเก่งอังกฤษ ควรเริ่มจากอะไร โดย Ms Ling
เคล็ดลับฝึกภาษาอังกฤษให้เก่งได้ด้วยตัวเอง ฉบับครูเชอรี่
5 วิธีเรียนภาษาอังกฤษ English by Chris
ประสบการณ์ คำแนะนำ (และอุทาหรณ์)เกี่ยวกับการเรียนอังกฤษ โดยครูหญิง
เคล็ดลับการเรียนภาษาอังกฤษ ๔ ข้อ โดย น้องชาย อาจารย์ อดัม
กฎ 10 ข้อสำหรับคนอยากเก่งภาษาอังกฤษ
คำแนะนำหน่วยงานซึ่งกำลังจะจ้างครู(ฝรั่ง)มาสอนพนักงานพูดภาษาอังกฤษ
สวัสดีครับ
ผมเห็นบางหน่วยงานต้องการให้พนักงานของตนพูดภาษาอังกฤษให้ได้บ้าง หรือให้ได้ดีกว่าเดิม ทั้งนี้เพื่อเตรียมตัวสำหรับอนาคตซึ่งมีงานที่จะต้องติดด่อกับต่างชาติ อย่างน้อยก็เป็นพื้นฐานไว้บ้าง หรือบางแห่งที่พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้อยู่บ้างแล้วก็อยากจะให้พูดได้ดีกว่าเดิม กรณีนี้เป็นแผนของบริษัทซึ่งต้องการปรับปรุงทักษะการพูดภาษาอังกฤษของพนักงานประจำ
อีกกรณีหนึ่ง หน่วยงานต้องการฝึกให้คนกลุ่มหนึ่งพูดภาษาอังกฤษพื้นฐานได้บ้าง เช่น จะส่งคนกลุ่มนี้ไปดูงาน, ไปแข่งขัน, ไปไชว์ฝีมือ, ไปท่องเที่ยว หรือไปทำกิจกรรมอะไรสักอย่างหนึ่งช่วงสั้น ๆ ที่ต่างประเทศ และก็ต้องการให้คนที่เดินทางนี้พูดภาษาอังกฤษได้บ้าง อย่างน้อยก็สามารถพูดแนะนำตัว ทักทาย ซื้อของ ถามทาง คุยอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ กับคนที่ต้องไปเจอ ไม่ใช่ไปถึงที่โน่นก็เอาแต่จับกลุ่มกับคนไทยด้วยกันเอง และเมื่อถึงเวลาที่ต้องพูด ก็โยนให้คนที่พูดได้ซึ่งอาจจะมีอยู่เพียงคนสองคนเป็นตัวแทนพูดแทนคนทั้งกลุ่ม
ไม่ว่าจะเป็นกรณีแรกหรือกรณีหลัง หรือกรณีอย่างอื่นที่คล้าย ๆ กัน หน่วยงานอาจจะจ้างครูไทยหรือครูฝรั่งมาสอนให้พนักงานหรือกลุ่มเป้าหมายที่จะเดินทาง ให้สามารถพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง หรือได้ดีกว่าเดิม อาจจะเป็นการจ้างครูมาสอนที่หน่วยงาน หรือส่งพนักงานไปรับการอบรมที่โรงเรียนสอนพูดภาษาอังกฤษ
ท่านผู้อ่านครับ เรื่องที่ผมพูดมานี้น่าจะเป็นกรณีที่หลายแห่งทำกันอยู่แล้วเป็นปกติ อาจจะจัดเป็นคอร์สสั้น ๆ 3 วัน 5 วัน 10 วัน อะไรทำนองนี้
เรื่องอย่างนี้ผมเคยเห็นมาเยอะ แต่ผมก็เห็นว่า มันมีอยู่แง่หนึ่งที่ทำให้การฝึกอบรมทำนองนี้ด้อยประสิทธิภาพไปอย่างน่าเสียดาย น่าเสียดายจริง ๆ
ก็คือว่า แผนกของหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ซึ่งอาจจะเป็นฝ่ายฝึกอบรม, ฝ่ายบุคลากร หรือกองการเจ้าหน้าที่ จะไปจ้างหน่วยงานหรือวิทยากรที่รู้จักหรือมีชื่อเสียงว่าสอนเก่ง สอนดี มารับผิดชอบการอบรมฝึกสนทนาภาษาอังกฤษ โดยบอกวัตถุประสงค์ว่าต้องการให้อาจารย์สอนพนักงานให้พูดในเรื่องนั้นเรื่องนี้ และก็โยนภาระในการฝึกพูดทั้งหมดให้อาจารย์ไปเลย
อ้าว! แล้วสิ่งที่ผมบอกว่าทำให้การฝึกอบรมทำนองนี้ด้อยประสิทธิภาพ มันอยู่ตรงไหนล่ะ?
มันอยู่ตรงนี้ครับ !
คือว่า เราอย่าไปคิดว่า อาจารย์ที่เขาสอนเรานั้น แม้เขาจะเก่งหรือเป็นฝรั่ง แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้วิเศษ และโดยทั่วไปนั้น เขาก็จะมีหลักสูตรมาตรฐานทั่วไปที่ใช้สอน โดยไม่ว่าจะสอนใคร ก็เอาหลักสูตรนี้แหละมาปรับเนื้อหานิด ๆ หน่อย ๆ ให้เข้ากับงานหรือภารกิจของผู้เรียน แต่ส่วนใหญ่ก็เอาของเดิม
แต่จุดสำคัญที่ผมต้องการจะบอกมันอยู่ตรงนี้แหละครับ คือว่า ในการสอนให้ประสบความสำเร็จนั้น มันมีอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.วิธีการสอน และ 2.เนื้อหาที่สอน
ในเรื่องวิธีการสอนนั้น สำหรับอาจารย์ที่เก่งและมีประสบการณ์การสอนมานาน อาจจะไม่มีปัญหา เขารู้ว่าจะต้องใช้วิธีการอย่างไร ในการถ่ายทอดเนื้อหาให้ผู้เรียนรับไปได้มาก ๆ และเร็ว ๆ
แต่เรื่องที่เป็นปัญหา คือเรื่องที่ 2 ครับ คือเรื่องเนื้อหา
มันเป็นปัญหายังไง? อย่างเช่น ท่านจะอบรมพนักงานของท่านในหัวข้อ การสนทนาภาษาอังกฤษพื้นฐาน, การสนทนาภาษาอังกฤษทั่วไป, การสนทนาภาษาอังกฤษเบื้องต้นในชีวิตประจำวัน หรือหัวข้ออื่น ๆ ในทำนองเดียวกันนี้
ผมขอบอกว่า ถ้าท่านหวังผลดีที่สุดให้เกิดขึ้นจากงบประมาณอันจำกัดที่ท่านจ่ายวิทยากร ท่านอย่าได้โยนภาระทั้งหมดให้วิทยากรเป็นผู้กำหนดเนื้อหา แต่ท่านต้องร่วมกับเขาในการกำหนดเนื้อหา ถ้าไม่อย่างนั้น พอเรียบจบแล้วจะกลายเป็นว่า สิ่งที่สอนไม่ได้ใช้, สิ่งที่ต้องใช้อย่างเจาะจงในงานกลับไม่ได้สอน, หรือสิ่งที่สอนและเอาไปใช้ได้ก็เป็นแต่เรื่องทั่ว ๆ ไป, ทั่ว ๆ ไปจริง ๆ
ผมขอยกตัวอย่างให้เห็นชัด ๆ อีกสักนิดแล้วกันครับ สมมุติว่า กลุ่มพนักงานที่ท่านต้องการฝึกอบรมให้พูดภาษาอังกฤษ เป็น...
(1)พนักงานนวดแผนโบราณที่นวดลูกค้าต่างชาติ
(2)พนักงานในร้านประเภท beauty salon ที่ทำหน้า, ทำผม, ทำเล็บ, ทำผิว
(3)เยาวชนที่ทำหน้าที่เป็นไกด์ท้องถิ่น แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แค่ 1 – 2 แห่งในย่านที่เขาอยู่
(4)กลุ่มเยาวชนนักดนตรีไทยที่โรงเรียนของท่านจะพาไปโชว์ที่ประเทศเมียนมา
(5)กลุ่มช่างไฟฟ้าในสถาบันฯของท่านซึ่งต้องอธิบายงานใน workshop ให้แก่ชาวต่างชาติซึ่งเดินทางมาดูงานบ่อย ๆ (สถาบันฯของท่านมีชื่อเสียงมาก หลายประเทศชอบขอมาดูงาน)
(6)ท่านได้รับมอบหมายจาก boss ให้ present งานเป็นภาษาอังกฤษบ่อย ๆ ในหลากหลายหัวข้อ แก่หลายหน่วยงานที่เดินทางมาประชุมหรือดูงานที่บริษัทของท่าน
ท่านจะเห็นว่า เนื้อหาตามที่ยกตัวอย่างมานี้ ถ้าเป็นบริษัทใหญ่ ๆ มีเงินเยอะ อาจจะไม่มีปัญหาในการจัดฝึกอบรมโดยจ้างสถาบันสอนภาษาที่มีชื่อเสียง แต่ถ้าท่านเป็นบริษัทเล็ก ๆ และงบฯน้อย จ้างได้แต่ครูไทยหรือครูฝรั่งระดับพื้น ๆ โดยค่าจ้างวิทยากรไม่แพง และถ้าท่านบอกสเป็กที่ต้องการ จะมีสักกี่คนครับที่ยอมรับสอนตามที่ท่านระบุเจาะจง
ผมขอเสนอง่าย ๆ สั้น ๆ และคิดว่าน่าจะ practical ที่สุดอย่างนี้แล้วกันครับ ขอให้ท่าน
(1)ปรึกษากับคนที่รู้เรื่องงานจริง ๆ เช่น พนักงานที่ต้องพูดภาษาอังกฤษกับลูกค้าต่างชาติ ว่ามีหัวข้ออะไรบ้างที่ต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษ สมมุติว่ามีทั้งหมด 10 หัวข้อ
(2) ในแต่ละหัวข้อตามข้อ (1) นั้น ช่วยกันถกให้รอบคอบว่า มันมีประโยคอะไรบ้างที่จะต้องใช้พูด ผลของการถกเช่นนี้อาจจะออกมาว่า มันมีประโยคทั้งหมด 100 ประโยคที่ต้องใช้พูด และมีคำศัพท์เทคนิค 200 คำ ที่ต้องเอาไปใช้ในการแต่ง 100 ประโยคนั้น รายการคำศัพท์และประโยคดังว่านี้ ท่านคิดออกมาเป็นภาษาไทยก็ได้ครับ
(3)นำ 10 หัวข้อ, 100 ประโยค, และ 200 คำศัพท์นี้ ไปปรึกหากับวิทยากรที่ท่านจะจ้างเขา โดยบอกเขาว่า เราต้องการให้เขาสอนพนักงานของเราให้พูดทั้งหมดนี้ให้ได้ สำหรับคำศัพท์เทคนิค(หรือวลี) 200 คำนี้ ท่านอาจจะต้องเหนื่อยช่วยเขาหา เพราะเขาอาจจะไม่รู้
ท่านผู้อ่านครับ ที่ผมแนะนำมาทั้งหมดนี้ เพราะที่ผมเคยเจอมา การฝึกอบรมมันด้อยประสิทธิภาพ ก็เพราะโยนภาระให้วิทยากรมากเกินไป และหน่วยงานผู้จ้างทำการบ้านน้อยเกินไป มันจึงเป็นการกำหนดเนื้อหาตามที่วิทยากรหรือฝ่ายบุคลากรมองเห็น แต่อาจจะไม่ใช่เนื้อหาที่คนใช้ต้องใช้จริง ๆ
ลองพิจารณาดูนะครับ อาจจะใช้ประโยชน์ได้ย้าง
พิพัฒน์
คำแนะนำสำหรับองค์กรในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของพนักงานเจ้าหน้าที่
บทความที่อ่านต่อจากบทความนี้
การหาเครื่องมือฟิตภาษาอังกฤษ ในอาชีพของตัวเอง
+++++
สวัสดีครับ
เท่าที่เห็น มีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต้องการให้เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของตนเก่งภาษาอังกฤษขึ้น ทั้งพูดสนทนาได้ อ่านได้ เขียนได้ เพราะเห็นว่า ในอนาคตคงมีเรื่องที่ต้องติดต่อกับฝรั่งหรือต่างชาติ ทั้งพูดและเขียน หรือเจ้าหน้าที่บางคนอาจจะไม่มีหน้าที่ต้องติดต่อกับต่างชาติ แต่ถ้าอ่านหรือฟังรู้เรื่อง ก็สามารถไปดึงความรู้มากมายในเน็ต ทั้งจากเว็บหรือจากคลิป มาใช้ในการปรับปรุงงานที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายที่ทำหน้าที่สอนหรือฝึกอบรม เป็นต้น
แต่ปัญหาที่เห็นอยู่เฉพาะหน้าก็คือ ในองค์กรหนึ่ง ๆ ก็มักจะมีฝ่ายที่ต้องติดต่อกับต่างประเทศอยู่แล้ว และทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษก็ให้ฝ่ายนี้รับไป แต่เมื่อภาระขององค์กรมีมากขึ้น หรือองค์กรต้องเติบโตขึ้น การทำแบบเดิม ๆ คือให้ฝ่ายต่างประเทศรับไปทุกเรื่อง องค์กรก็คงจะโตยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้ายุค AEC ก็จะมีกิจกรรมใหม่ ๆ เข้ามาซึ่งก็ต้องช่วยกันทำ ขืนเกี่ยงกันคงไปไม่รอด
แต่จะทำยังไงถ้าหลายคนบอกว่า พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เพราะไม่เคยพูดมาเป็นสิบปีแล้ว ฟังก็ไม่ออก เขียนก็ไม่ได้ เรื่องนี้หลายแห่งก็แก้ปัญหาโดย จัดกิจกรรมฝึกอบรมในรูปแบบต่าง ๆ โดยหวังว่าด้วยพื้นภาษาอังกฤษอย่างน้อยก็ระดับปริญญาตรีที่เป็นวุฒิของพนักงาน มันก็น่าจะช่วยให้พูด-อ่าน-เขียน ดีขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย
แต่เท่าที่เห็น ปัญหาเรื่องนี้มีอย่างน้อย 3 เรื่อง คือ
①หลายคนพื้นฐานอ่อนมาก ไม่ใช่เพิ่งอ่อน แต่อ่อนตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา และไม่มีใจที่จะฟิตให้แข็งขึ้น เขาอาจจะรู้สึกว่า งานนี้เป็น the impossible dream มันยากยิ่งกว่าเข็นครกใหญ่ขึ้นยอดดอย เมื่อใจที่จะเรียนง่อยเสียแล้ว กายก็คงง่อยตามไปด้วย
②หลายหน่วยงานไม่มีงบประมาณสำหรับจัดฝึกอบรม หรือมีก็เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ หลังจากอบรมเสร็จถ้าขาดกิจกรรมเสริม ก็คล้ายกับปลูกต้นไม้และได้รดน้ำเพียงครั้งเดียวและฝนก็ไม่ตก ต้นไม้ก็ไม่โต มีแต่รอวันตาย
③และแม้แต่กิจกรรมฝึกอบรมที่จัดขึ้นนั้น พนักงานจำนวนมากก็มาเข้าร่วมไม่ได้ เพราะงานประจำก็เยอะอยู่แล้ว หรือร่วมได้ตอนพิธีเปิดหรือเข้าชั้นครั้งแรก ครั้งต่อ ๆ ไปก็ค่อย ๆ หายกลับไปที่ทำงาน เพราะเกรงใจไม่อยากให้เพื่อนแบกงานแทน
ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ไม่ได้พูดให้ท้อใจเล่น ๆ แต่มี 2 ประเด็นที่อยากจะขอเสนอ
❶ ผมเห็นว่าอย่าให้ผู้บริหารคิดฝ่ายเดียว ต้องให้ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้รับการอบรม หรือฝ่ายสนับสนุนเช่นฝ่ายการเงิน ต้องร่วมให้ความเห็นด้วย (คือให้ทั้งความคิดเห็น และความเห็นใจ พยายามแหวกกฎระเบียบเพื่อให้การแก้ปัญหามันทำได้โดยไม่ต้องผิดระเบียบ อย่ากอดกฎระเบียบอย่างหลับหูหลับตาโดยไม่ช่วยมองหาทางออกอะไรเลย) การจัดการเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ อย่าใช้สูตร one-size-fits-all เพราะวิธีทำเพื่อให้สำเร็จนั้นแต่ละแห่งอาจจะต้องใช้แตกต่างกันไป และก็ต้องปรับเปลี่ยนอยู่เรื่อย ๆ เรื่องนี้ต้องอาศัยการสำรวจ การวางแผน และการปฏิบัติที่ฉลาด แต่ที่สำคัญกว่าก็คือ การอุทิศตัวและเสียสละเพื่อให้งานนี้ทำแล้วสำเร็จ ผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมพูดมานี้ หลายแห่งไม่เคยแม้แต่คิด
❷ และทำไปทำมาก็จะมาถึงข้อที่ว่า สิ่งที่ขาดไม่ได้และต้องทำควบคู่กันไปเสมอ ก็คือ การฝึกฝนด้วยตัวเอง
ขอเรียนว่า เว็บ e4thai.com นี้ เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือที่ทุกท่านสามารถใช้ฟิตภาษาอังกฤษได้ด้วยตัวเอง มันอาจจะไม่มีทุกสิ่งสำหรับทุกคน แต่ผมเชื่อว่า มันมีบางสิ่งสำหรับทุกคน และมีทุกสิ่งสำหรับบางคน
วันนี้ผมขอเขียนแค่นี้ก่อนนะครับ คราวหน้าผมจะแนะนำวิธีบางอย่างสำหรับท่านที่ทำงานในองค์กร สามารถนำไปใช้ได้ทันที
พบกันคราวหน้าครับ
พิพัฒน์
เชิญ Search บทความเก่า ช่วงที่ยังไม่มีบทความใหม่
เรียนท่านผู้อ่านที่เคารพ
ช่วงที่ผมรอพักสายตาหลังผ่าตัด และยังไม่มีบทความใหม่
ผมขอเชิญชวนให้ท่านเข้าไป Search บทความในเว็บ
ซึ่งมีหลายพันบทความ และ ebook ให้ดาวน์โหลดมากมาย
หลายเรื่อง ท่านอาจจะยังไม่เคยอ่าน และใหม่สำหรับท่าน
พิพัฒน์
ขอลางานหลายวันครับ
More Articles...
- วิธีฝึกอังกฤษแบบผิด ๆ ที่ติดเป็นนิสัยคนไทย
- อ่านข่าวภาษาอังกฤษทุกวัน - ข้อปฏิบัติง่าย ๆ ในการฟิตอังกฤษ
- ขุมทองทางภาษา รอให้ท่านเข้าไปขุดด้วยตัวเอง
- ต้องเจอของจริง !!!
- ฝึกภาษาอังกฤษกับสำนักข่าวดังทั่วโลกผ่านเว็บYouTube
- หินลับมีด – ปัญหาลับชีวิต
- “นิราศท่าพระจันทร์ถึงท่าเตียน” - ภาษาอังกฤษสำหรับผู้ประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับงานบริการ
- คนที่อยากเก่งอังกฤษ แต่กลัวความยากลำบากในการเรียน ก็ไม่ต่างจากหนูในนิทานเรื่องนี้
- ศึกษาคำศัพท์ ด้วยสมองทั้งก้อน และใจทั้งดวง
- ขอเสนอให้ตั้งหน่วยงานรวบรวมข้อมูลการเรียน-การสอนภาษาอังกฤษผ่านเน็ต
- ทางออกง่าย ๆ ที่คนไม่อยากเดินออก
- การเรียนภาษาอังกฤษในยุคอินเทอร์เน็ต
- 15 ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาษาอังกฤษที่ท่าน (และผม) อาจจะไม่เคยได้ยิน
- กฎ 10 ข้อสำหรับคนอยากเก่งภาษาอังกฤษ
- ขอติงการแปลกฎหมายเป็นภาษาอังกฤษที่เว็บไซต์ของกระทรวงแรงงาน
- ช่วยแจ้งข้อมูลการใช้ add-on ดิกชันนารี
- ข้อคิดเห็นจากการศึกษาตัวอย่างการแปล อังกฤษ - ไทย ของ Google Translate
- เชิญอ่าน “เคล็ดลับ การฝึกภาษาอังกฤษ ให้ประสบความล้มเหลวอย่างรวดเร็ว”
- ส่งลูกเข้าโรงเรียนอินเตอร์เพื่อหัดพูดภาษาอังกฤษตั้งแต่อยู่ชั้นอนุบาล แค่นี้ยังไม่พอหรอกครับ....
- ฟังเพลง "เป็นโรคแพ้ฝรั่ง"