Home
แค่เรียนภาษาอังกฤษ แบบ active ไม่พอหรอกครับ !!
สวัสดีครับ
ภาษาอังกฤษคนไทยโคม่า...กูรูแนะเด็กไทยพัฒนาอังกฤษเตรียมพร้อมสู่ AEC
ผลสำรวจจากสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ชี้ทักษะภาษาอังกฤษของคนไทยอยู่ในอันดับที่ 8 จาก 10 ประเทศในเอาเซียน ดีกว่าลาว และกัมพูชาเท่านั้น ส่วนคะแนนโทเฟลอยู่อันดับ 6 ในกลุ่มอาเซียน* โดยเวียดนามแซงหน้าแล้ว หากไม่เร่งปรับทัศนคติ และพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตนให้ทัดเทียมประเทศเพื่อนบ้าน อีกสามปีข้างหน้าสถานการณ์แรงงานไทยจะ เสียเปรียบในเวที AEC ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับแรงงานประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนได้ ถึงแม้ว่าจะมีประสบการณ์ในสายงานนั้น ๆ หรือมีทักษะในด้านอื่น ๆ ก็ตาม
อ่านข่าวโดยละเอียด คลิกที่นี่
อีก 1 ข่าว:
ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ..ทักษะที่แรงงานไทยยังต้องพัฒนา คลิกที่นี่
อันที่จริง ข่าวทำนองนี้ไม่ใช่ข่าวใหม่ ยกตัวอย่างเช่น Bangkok Post ก็ลงข่าวนี้เมื่อปีที่แล้ว
เช่นข่าวนี้ English skills below Asean partners
ผมอยากชวนให้ท่านลองเข้าไปอ่าน Comments ท้ายข่าว คลิก เพื่อฟังแง่มุมอื่น ๆ ด้วย
ผมเองมีความเห็นว่า เมื่อเราพึ่งใครไม่ได้ เราต้องพึ่งตัวเองครับ ในการพัฒนาทักษะของตัวเอง คำว่า Active คงไม่เพียงพอ ต้องถึงขั้น Proactive
อะไรคือความแตกต่างระหว่าง Active กับ Proactive ?
♦ถ้ามีครูหรือคนมาสอนหรือแนะนำ และเราก็ฝึกตาม สงสัยอะไรก็ไปถามเขาได้ เขาก็ช่วยชี้ทางสว่างให้ ตอนหมดกำลังใจหรือท้อแท้ คน ๆ นั้นก็คอยให้กำลังใจ และเราก็เรียนอย่างมีวินัยและขยันขันแข็ง
♦แต่ผมขอถามหน่อยเถอะว่า ถ้าไม่มีคน ๆ นั้น คนที่คอยชี้แนะ สั่งสอน ตอบข้อสงสัย ให้ทางสว่าง และคอยให้กำลังใจตลอดเวลา ถ้าไม่มีคนอย่างนี้ค่อยช่วยเหลือ เราจะยังคง Active หรือไม่ ?
♦คนไทยหรือเด็กไทยจำนวนไม่น้อย ที่เรียนภาษาอังกฤษอย่าง active คือต้องมีคนช่วย แต่เมื่อขาดคนช่วยก็เลิก active
♦แต่ผมขอบอกว่า ณ นาทีนี้ ในโลกทุกวันนี้ เราต้องเรียนภาษาอังกฤษแบบ proactive คือ ไม่เอาแต่รอให้มีคนมาช่วยชี้แนะ, ช่วยตอบปัญหา, ช่วยหยิบยื่นสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้ จนถึงช่วยให้กำลังใจ การรอความช่วยเหลือเช่นนี้ เหมือนเรียนภาษาอังกฤษแบบเด็ก ๆ ในโรงเรียน แต่ตอนนี้ เรารอไม่ได้แล้วครับ เราต้องรู้ปัญหาของตัวเอง, แสวงหาทางแก้ให้ตัวเอง, ขวนขวายสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ให้ตัวเอง, แก้ปัญหาให้ตัวเอง และเป็นกำลังใจให้ตัวเอง
♦สรุปง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเรียนภาษาอังกฤษแบบ active ไม่ได้ผลเพราะไม่มีคนช่วย ก็ต้องเรียนแบบ proactive เราไม่มีทางอื่นให้เลือกครับ
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ประโยชน์ของการอ่าน หนังสือนอกเวลา และวิธีการอ่าน ที่ถูกต้อง
สวัสดีครับ
หนังสืออ่านนอกเวลาที่ผมรวบรวมมาให้ท่านผู้อ่านดาวน์โหลดที่บทความนี้
ดาวน์โหลดหนังสืออ่านนอกเวลากว่า 150 เล่ม
ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองของบทความทั้งหมดในเว็บนี้ ซึ่งผมก็ดีใจว่าทำแล้วมีคนนำไปใช้ประโยชน์
วันนี้ผมไปเจอบทความหนึ่งที่เขียนถึง ประโยชน์ของการอ่าน หนังสือนอกเวลา และวิธีการอ่าน ที่ถูกต้อง
ผมเห็นว่า เป็นบทความที่น่าอ่านมาก จึงขอนำมาฝากครับ ข้างล่างนี้
พิพัฒน์
**********
พอดีมีโอกาสได้อ่านเจอบทความๆ หนึ่งเกี่ยวกับวิธีการเรียนภาษาอังกฤษที่ดีโดย คริสติน นัตทอลล์ นักวิชาการชื่อดังที่เคยเขียนหนังสือชื่อ Teaching Reading Skills in a Foreign Language ว่า "วิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาความรู้ภาษาต่างประเทศ คือ การไปอาศัยอยู่ในสังคมที่ใช้ภาษานั้น .. วิธีที่ดีรองลงมาคือ "การอ่านหนังสือภาษานั้น ให้มากที่สุด"
เธอ กล่าวต่อว่า "แม้การอ่านภาษาอังกฤษจะเป็นทักษะที่ฝึกฝนได้เร็วกว่าทักษะอื่น
แต่ คนส่วนใหญ่ก็ยังรู้สึกว่า การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเล่มหนาๆ ให้จบเล่ม ต้อง
ใช้ ความพยายามมากเป็นพิเศษ...หรือถึงขั้น ยาก และ น่าเบื่อ สำหรับหลายๆ คน
เธอจึงได้นำเสนอ หนังสืออ่านนอกเวลา (Graded Readers) ซึ่งก็คือ...หนังสือ
ที่แต่งขึ้น หรือ เรียบเรียงใหม่จากหนังสือเล่มอื่น.... ให้ผู้เรียนภาษา ที่สองอ่านโดย
เฉพาะ โดยเน้นใช้คำศัพท์พื้นฐานควรรู้หรือใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน และหลักไวยา
กรณ์ ที่มิได้ซับซ้อนจนเกินไป
ซึ่งหนังสือเหล่านี้มีการ ออกแบบโครงสร้างและเขียนขึ้นโดยใช้ข้อมูลงานวิจัยฐาน
ข้อมูล คำศัพท์และไวยากรณ์ เพื่อแบ่งหนังสืออกเป็นระดับ ให้มีความยาวของเรื่อง
จำนวนคำและหัวข้อไวยากรณ์ที่ใช้ในเล่มยากง่าย ต่างจกัน
เธอยังกล่าวเสริมอีกว่า หนังสืออ่านนอกเวลาเหมาะสำหรับผู้เรียนระดับต้น เพราะรู้ำ
คำศัพท์เพียง 3,000 คำ ก็เข้าใจเนื้อหาได้ครบถ้วน และ 3,000 คำนั้น ก็พอที่จะ
ทำให้ สามารถนำคำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง..ซึ่งโดยอัตราการรับรู้คำ
ศัพท์
(เจ้าของภาษาเอง อย่าง Native American Teenager สามารถเข้าใจและรับ
รู้คำศัพท์ได้จำนวน 20,000 คำ แต่ใน 20,000 คำ......จะมีคำแสลงอยู่มากถึง
3,000)
เคยมี นักวิชาการท่านอื่นๆ ถามเธอว่า การอ่านหนังสือประเภทนี้ อ่านแล้ว.. เก่งอัง
กฤษ จริงหรือ?
เธอได้นำเอาผลการศึกษาของเธอที่บ่งถึงปัญหาของการ อ่านว่า ปัญหาการอ่านของ
ผู้เรียนภาษาต่างประเทศคือ รู้ภาษานั้นไม่ดีพอที่จะอ่านจนจับใจความได้ทั้งหมด จึง
ต้องอ่านแล้วแปล ทีละคำ ทำให้เบื่อที่จะอ่าน เพื่อสงเสริมนิสัยการอ่าน...จึงควรเริ่ม
ฝึกฝน โดย เริ่มอ่านหนังสือที่มีเนื้อหาง่ายและเหมาะกับระดับ ความรู้ของตน
เธอได้อ้างถึงผลการศึกษาจากนักวิชาการท่าน อื่นๆ ด้วยเช่น ผลการศึกษาการอ่าน
เชิงกว้าง (Extensive reading)....ต่อความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของ
นักศึกษาญี่ปุ่นใน ค.ศ.1999..พบว่าเมื่อวัดผลด้วยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลัง
เรียน ...นักศึกษาที่อ่านหนังสือภาษาอังกฤษมากขึ้น ความสามารถในการอ่านและ
...ความรู้ด้านคำศัพท์พัฒนาขึ้นมากกว่านักศึกษา ที่อ่านภาษาอังกฤษน้อยกว่าอย่าง
เห็นได้ชัด
จากการศึกษา ของศาสตราจารย์ดอกเตอร์ริชาร์ด เดย์ แห่งมหาวิทยาลัยฮาวายและ
จูเลียน แบมฟอร์ด เมื่อ ค.ศ. 1998 พบว่า...การอ่านปริมาณมากช่วยให้นักเรียนรู้
คำ ศัพท์ที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งศัพท์ที่รู้ความหมายทันทีเมื่อเห็น..(sight vocabulary)
และศัพท์ทั่วไป ดังนั้น นักเรียนที่ เลือกอ่านหนังสือหลากหลายหัวข้อจึงมีโอกาสเห็น
ศัพท์มากและจำได้โดยไม่ ต้องท่อง
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาแม่ ....อ่านหนังสือ
ภาษาอังกฤษเฉลี่ยคนละ 1 ล้านคำต่อปี......ดังนั้น ประเทศญี่ปุ่นจึงริเริ่มโครงการ
Start with simple stories (SSS) เพื่อยกระดับความสามารถภาษาอังกฤษ
จาก การอ่าน มีเป้าหมายโครงการคือ ให้นักเรียนญี่ปุ่นที่เรียนภาษาอังกฤษสามารถ
อ่าน ภาษาอังกฤษใน 1 ล้านคำเช่นเดียวกัน.. โดยเน้นให้นักเรียน เริ่มอ่านหนังสือที่
..มีคำศัพท์จำนวนน้อยก่อนและค่อยพัฒนาขึ้นไปอ่าน หนังสือที่ศัพท์จำนวนมากได้
และในที่สุดก็จะอ่านได้ 1 ล้านคำภายในเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี
เธอได้ทิ้งท้ายด้วย 3 กฏง่ายๆ อ่านอย่างไรให้เก่งอังกฤษ ดังนี้คือ
1. เลือกอ่านหนังสือเล่มที่อยากอ่านจริงๆ เท่านั้น
2. เปิดพจนานุกรมขณะอ่านให้น้อยที่สุด หรือไม่เปิดเลย ดังนั้นถ้าไม่เข้าใจคำศัพท์
ให้เดาความหมายจากประโยครอบข้าง หรืออ่านข้ามไปก่อน
3. ถ้ารู้สึกเบื่อหรือคิดว่ายากเกินไป ให้หยุดอ่าน แล้วเปลี่ยนเล่มใหม่ทันที
ภาษาไทย คือ ภาษาแห่งจิตใจ
เพิ่มเติม
- คำที่ขึ้นต้น และ ลงท้าย ด้วย "ใจ" → คลิก (PDF)
○○○○○
สวัสดีครับ
ผมเคยได้ยินบางคนพูดว่า ภาษาไทยเป็นภาษาแห่งจิตใจ จนเรามีคำและวลีที่บรรยายคุณลักษณะของจิตใจมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ คำบางคำเมื่อแปลเป็นภาษาอังกฤษ ก็แปลยาก เช่นคำว่า เกรงใจ เป็นต้น แปลออกมาแล้วก็ยังสื่อความหมายในภาษาไทยได้ไม่เหมาะใจเราคนไทย
ศัพท์ทั้งหมดที่เกี่ยวกับ ใจ ทั้งคำที่ขึ้นต้นและลงท้ายด้วยคำว่า ใจ ข้างล่างนี้ ผมนำมาจาก พจนานุกรมไทย-อังกฤษ ที่รวบรวม/เรียบเรียง โดย ดำเนิน การเด่น และ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ซึ่งตามความเห็นของผม เป็น พจนานุกรมไทย-อังกฤษ ที่น่าเชื่อถือ และน่าใช้มากที่สุด ที่ตีพิมพ์ออกขายอยู่ในขณะนี้ –
ถ้าอ่านไม่ชัดเพราะตัวเล็กเกินไป ให้กด Control++
พิพัฒน์
***
คำ หรือ วลี ที่ลงท้ายด้วย ใจ
***
คำ หรือ วลี ที่ลงท้ายด้วย ใจ
***
วันสงกรานต์ที่แม่กลอง
สวัสดีครับ
มีคนพูดว่าคนแก่ชอบคิดถึงความหลัง ผมคงเป็นคนแก่เพราะชอบคิดถึงความหลังอยู่เหมือนกัน แต่ก็คิดเฉพาะบางเรื่อง ในเทศกาลสงกรานต์นี้ผมก็ไม่ได้ที่จะคิดถึงวันสงกรานต์ครั้งที่ผมเป็นเด็ก
สมัยนั้น คนส่วนใหญ่ไปเที่ยวกันเฉพาะในวันเทศกาลประจำปี เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ ตรุษจีน ไม่เหมือนสมัยนี้ที่นอกจากวันเทศกาลประจำปีแล้ว คนยังสามารถเที่ยวได้ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ คนแม่กลองโดยเฉพาะอย่างยิ่งอำเภออัมพวาและอำเภอบางคนที ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวสวน พอถึงวันสงกรานต์ก็ต้องออกจากบ้านไปเที่ยวที่วัดบ้านแหลม
ผมยังจำได้ดีถึงบรรยากาศที่ถนนเส้นหน้าวัดบ้านแหลมที่คนแน่นจนไม่มีที่เดิน ต้องไหลไป และส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่น ไม่ใช่นักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นเหมือนทุกวันนี้
และเพลงที่ทำให้ผมระลึกถึงความหลังวันสงกรานต์ในวัยเยาวย์ก็คือ เพลงลาสาวแม่กลอง ตอนนั้นผมยังละอ่อน แต่ก็พอรู้ว่า วรรคในเพลงที่เกี่ยวกับวันสงกรานต์คือ
เมื่อสงกรานต์งานวัดบ้านแหลม
เคยเที่ยวชมกับโฉมแฉล้ม เมื่อคืนข้างแรมเมษาฯ
สรงน้ำร่วมน้อง ปิดทองพระปฏิมา
อธิษฐานรักอยู่คู่ฟ้า หวังเกิดมาร่วมใจ
สงกรานต์ในอีกไม่กี่วันนี้ ผมจะกลับไปไหว้แม่ ไหว้พ่อ ไหว้พี่สาว ที่แม่กลอง ผมลองเข้าไปใน YouTube เพื่อฟังเพลงลาสาวแม่กลอง ก็พบว่านอกจากเสียงของพนม นพพร เวอร์ชั่นดั้งเดิมแล้ว ยังมีนักร้องอีก 9 คนที่ร้องเพลงนี้
รวมคลิปเพลง ลาสาวแม่กลอง ทั้งหมดข้างล่างนี้ ผมขอมอบแด่คนไทยทุกคน และเป็นพิเศษแด่คนแม่กลองทุกคน ครับ
พอพูดว่าเราเป็น “คนแม่กลอง” มันเกิดความรู้สึกภูมิใจอะไรบางอย่าง ท่านที่เป็นคนแม่กลองรู้สึกเหมือนผมบ้างไหมครับ
ลาสาวแม่กลอง - พนม นพพร ร้อง - รอยัล สไปร้ท์ บรรเลง
บรรเลงขลุ่ยผิวเพลงลาสาวแม่กลองโดยอาจารย์สมศักดิ์ เกตุเพชร
แถม: สงกรานต์ในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน
Thingyan, in Myanmar
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ขอกราบถวายการสอนภาษาอังกฤษแด่พระคุณเจ้า
กราบนมัสการพระคุณเจ้า
อีกไม่กี่ปีผมก็จะเกษียณอายุจากงานราชการแล้ว มีกิจกรรมหลายอย่างที่ผมกะจะทำในวัยเกษียณ ซึ่งหนึ่งในนี้ก็คือ การอาสาสมัครสอนภาษาอังกฤษพระเณร
ผมจึงได้คิดว่า น่าจะลองทำงานนี้ตอนนี้เลยก็ได้ เมื่อพบอะไรในการสอนของตัวเองที่ไม่เข้าท่าก็จะได้ปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผมไม่เคยเป็นครูอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เป็นแต่ blogger + webmaster บล็อกและเว็บสอนภาษาอังกฤษฟรีมากว่า 6 ปี
สิ่งที่ตั้งใจไว้ก็คือ
(1)ผมต้องการให้การสอนของผมยึดหยุ่นอย่างยิ่ง เพราะการสอนที่แข็งตัวเกินไปน่าจะไม่ได้ผลดีนัก
(2)ผมต้องการสอนเฉพาะพระคุณเจ้าที่ประสงค์จะเรียนจริง ๆ เพราะผมประสงค์จะสอนจริง ๆ ถ้าความประสงค์ของ 2 ฝ่ายไม่สอดคล้องกัน จะเกิดความผิดหวังซึ่งผมไม่ต้องการให้เกิด
ผมยังนึกชื่อวิชาที่ผมจะสอนได้ไม่แจ่มนัก รู้แต่ว่า เท่าที่พอนึกออกขณะนี้ ก็ตามหัวข้อข้างล่างนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ผมคุ้นเคย
-การอ่านข่าวภาษาอังกฤษให้รู้เรื่อง เช่นอ่าน Bangkok Post
-หลักแกรมมาร์ที่ควรรู้
-การฝึกพูดขั้นพื้นฐาน
-การใช้ดิกชันนารีอังกฤษ-อังกฤษ ให้คล่อง
-การใช้อินเทอร์เน็ตเป็นตัวช่วยในการฝึกภาษาอังกฤษ
-เป็นต้น
ผมจึงขอกราบเรียนพระคุณเจ้าว่า ถ้าท่านต้องการให้ผมถวายการสอนภาษาอังกฤษที่วัดของท่าน ก็แจ้งไปที่อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. และให้เบอร์โทรศัพท์ของท่านไว้ด้วย ผมจะโทรไปหาท่าน หรือแจ้งเบอร์ให้ท่านโทรไปหาผม เพื่อจะได้กราบสอบถามพูดคุยข้อมูลเบื้องต้น เช่น กำหนดหัวข้อการสอน และนัดวันสอน เป็นต้น
สิ่งที่พระคุณท่านต้องเตรียมก็คือ ห้องเรียนซึ่งประกอบด้วย
1)โต๊ะ-เก้าอี้ เท่าจำนวนผู้เรียน ซึ่งผมอยากจะให้มีอย่างน้อย 5 รูปขึ้นไป
2)กระดานดำ หรือ ไวท์บอร์ด 1 แผ่น
3)สำหรับชุดไมโครโฟนและลำโพง ถ้าที่วัดไม่มี ผมจะถือไปเอง
4)แต่ถ้าเป็นวิชา การใช้อินเทอร์เน็ตเป็นตัวช่วยในการฝึกภาษาอังกฤษ ก็ต้องเตรียมมากหน่อย คือ ต้องมีคอมพิวเตอร์พร้อมต่อเน็ต 1 เครื่องต่อ 1 รูป และที่หน้าห้องต้องมีจอเพื่อฉายภาพจากเครื่องผู้สอน ให้ผู้เรียนได้เห็นตอนอธิบาย วิชานี้การเตรียมอุปกรณ์ค่อนข้างยุ่งยากนิดหน่อย
ในช่วงแรกนี้ ผมขอจำกัดวงการเดินทางไปสอน เพียงแค่วัดในกรุงเทพก่อน เพราะผมเจียดเวลาได้เฉพาะวันเสาร์ หรือ อาทิตย์ ในโอกาสหน้าอาจจะสามารถขยายไปจังหวัดอื่นได้ หรือเมื่อเกษียณจากงานราชการแล้ว คงเดินทางไปสอนจังหวัดไหนก็ได้
พระคุณท่านไม่ต้องเตรียมค่าวิทยากรนะครับ เพราะผมขอถวายการสอนพระคุณเจ้าเป็นโบนัสให้แก่ชีวิตฆราวาสของตัวเอง ด้วยความยินดียิ่ง
เขียนมาถึงตรงนี้เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า คงมีพระคุณเจ้าบางท่านที่สนใจต่อเรื่องนี้ แต่อาจจะงงเล็กน้อยว่าผมคือใคร ลองอ่านที่ลิงค์นี้แล้วกันครับ เรื่องส่วนตัวที่ผมอยากเล่า - พิพัฒน์
กราบนมัสการมาด้วยความเคารพอย่างสูงครับ
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ช่อง Search ของ e4thai.com อยู่ที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บครับ
สวัสดีครับ
ตอนที่ยังเป็นบล็อก http://english-for-thais-2.blogspot.com ผมทำช่อง Search ไว้ที่ด้านบนของคอลัมน์ซ้ายมือของบล็อก ซึ่งมองเห็นได้ง่าย ท่านต้องการอะไรก็พิมพ์หาในนั้น
แต่พอมาเปลี่ยนเป็นเว็บ น้องที่เขาช่วยงานเทคนิคของเว็บ เขาวางช่อง Search ของเว็บไว้ที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ
จากการสังเกต มีหลายท่านไม่รู้ว่า เว็บ e4thai.com ก็มี Search box เพราะมันไปอยู่ข้างล่างจึงมองไม่เห็น และจึงหาเนื้อหาที่ต้องการในเว็บนี้ไม่พบ เพราะไม่มี Search ให้ใช้
**********
ผมจึงขอเรียนดัง ๆ ว่า Search ของ e4thai.com อยู่ที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บทุกหน้าครับ
**********
และนอกจากหาเนื้อหาในเว็บนี้แล้ว ท่านยังสามารถ
-Search เนื้อหาในบล็อกเดิม โดยคลิกที่ปุ่มกลาง Search Blog e4thai (ถ้าเจอลิงค์ตายที่ท่านยังต้องการเนื้อหานั้น ช่วยแจ้งด้วยนะครับ)
-Search World Wide Web โดยคลิกที่ปุ่มซ้าย Search WWW
จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกันครับ
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.