Home
10 นิสัยเจ้าปัญหาของคนไทย ในการเรียนภาษาอังกฤษ
**
เรื่อง “10 นิสัยเจ้าปัญหาของคนไทยในการเรียนภาษาอังกฤษ” ที่ผมจะพูดต่อไปนี้ ถ้าผิดขอให้ท่านผู้อ่านแผ่เมตตาให้ผมด้วยที่มีมิจฉาทิฐิ แต่ถ้ามันถูกขอให้ช่วยส่งต่อ
10 นิสัยเจ้าปัญหาของคนไทย ที่ผมขอพูดก็คือ
[1] ไม่ยอมชดใช้กรรมเก่า
เมื่อตอนเป็นเด็กขี้เกียจเรียนและเกลียดภาษาอังกฤษ, ลอกการบ้านส่งครูหรือให้เพื่อนทำให้, หรืออาศัยงานกลุ่มที่ให้คนเก่งทำเลยพลอยได้คะแนนไปด้วย, อ่านหนังสือเพียงพอให้สอบผ่าน, หรือเข้าติวเพื่อให้ทำข้อสอบได้โดยไม่ต้องเข้าใจ, เมื่อสงสัยก็ไม่ค้นคว้าหนังสือหรือไต่ถามผู้รู้, แม้เรียนจบจากมหาวิทยาลัยได้ปริญญาตรี แต่ความรู้ภาษาอังกฤษกลับอยู่แค่ระดับประถม จากวิบากกรรมที่ตนทำเอง
บาปที่ทำกับภาษาอังกฤษเช่นนี้ ถ้าไม่ยอมสำนึกผิด โดยกลับไปเริ่มเรียนบทสุดท้ายที่รู้เรื่อง - ถ้าไม่ยอม “แก้กรรม” บาปที่ทำก็คงไม่สิ้น และต่อยอดความรู้ได้ยาก
[2] อยากเกินพิกัด
พอเรียนปุ๊บก็จะให้รู้เรื่องปั๊บ ไม่ให้เวลาสำหรับการตกตะกอนของความรู้ ความอยากที่เยอะจนทำให้ความรู้ไม่ย่อยนี้ ทำให้ไม่อยากเรียน และเมื่อทนเรียนก็ไม่รู้เรื่อง แท้จริงแล้วควรลดละความอยากซะบ้างเพื่อให้ใจสงบ สมองจะปลอดโปร่งและเรียนได้รู้เรื่องมากขึ้น
[3] ความอดทนมีขีดจำกัด
ถ้าหวังมากแต่พยายามน้อยก็คงสมหวังยาก การให้อภัยตัวเองที่มีความอดทนจำกัดนั้นทำได้ แต่ถ้าอภัยเช่นนี้บ่อย ๆ ก็คงผิดหวังง่าย และทำใจยาก
[4] เบื่อความซ้ำซาก
การฝึกซ้ำ ๆ จะทำให้เกิด 2 อย่าง คือ (1)ความชำนาญและ (2)ความเบื่อ คนที่ทนความเบื่อได้ยาก ก็จะมีความชำนาญได้ยากเช่นกัน
[5] เป็นเด็กไม่รู้จักโต
โตแล้วก็ยังเป็นเด็กที่ขาดครูไม่ได้ ไม่ยอมเรียนด้วยตัวเองทั้ง ๆ ที่สื่อการเรียนแทนครูก็มีเยอะแยะ
[6] เอาแต่รอคนมาให้กำลังใจ
กำลังใจใคร ๆ ก็ต้องการ แต่กำลังใจจากคนอื่นแม้สวยงามปานใดก็เปราะบางปานนั้น ต่างจากกำลังใจที่ให้ตนเองเพราะพยายามเรียนจนรู้เรื่อง แม้ได้ทีละน้อยแต่ก็มั่นคง ทนแดดทนฝน ทนต่อกาลเวลา
[7] ต้องเรียนแบบไม่เครียด
บ่อยครั้งที่เราได้ยินคำชมว่า อาจารย์คนนั้นคนนี้สอนเก่ง สอนสนุก เรียนแล้วไม่เครียด หัวเราะทั้งชั่วโมง ขอถามว่า นี่เรายังไม่เลิกนิสัยของเด็กอนุบาลอีกหรือที่อะไร ๆ ก็ต้องสนุกไปซะทุกอย่าง ถ้าไม่สนุกฉันไม่เรียน
[8] พวกมากลากไป
ถ้าขาดเพื่อนก็ขาดคนปรึกษาหารือ ขาดกำลังใจ เลยไม่เรียน ถ้ายังมีชนิดของกำลังใจที่ไร้กระดูกเช่นนี้ ก็คงทำอะไรสำเร็จได้ยาก
[9] “กินอาหารไม่ครบหมู่”
แม้แต่ละคนจะมีวิธีที่ถนัดในการเรียนต่างกัน แต่ก็ควรใช้ให้ครบทั้ง 4 อวัยวะในการเรียน คือ ใช้ตาอ่านและดู - ใช้หูฟัง – ใช้ปากพูด – และใช้มือเขียน ไม่ใช่ใช้อวัยวะอย่างเดียวที่ตนถนัดในการเรียนภาษาอังกฤษ และปล่อยให้อวัยวะอื่นอีก 3 อย่างว่างงาน ถ้าขืนทำอย่างนี้นาน ๆ ก็จะเป็นโรคขาดสารอาหารทางทักษะภาษาอังกฤษ
[10] “ไม่เข้าถ้ำเสือแต่อยากได้ลูกเสือ”
หลายคนพออ่านภาษาอังกฤษที่ไม่มีคำแปลไทย, ดูคลิปวีดิโอที่ไม่มีซับไตเติ้ลภาษาไทย, เปิดดิกชันนารีฝรั่งที่ไม่ใช่ดิกอังกฤษ-ไทย, ก็มีอาการคล้ายถูกภาษาอังกฤษขบกัดหรือขีดข่วน และขยาด แต่ทำไมท่านไม่ถามตัวเองสักหน่อยว่า ถ้าท่านอยากได้ลูกเสือ แต่กลัวเสือกัดจนไม่กล้าเข้าถ้ำเสือ ท่านต้องรออีกนานเท่าไรจึงจะได้ลูกเสือ
พิพัฒน์
ขอลางาน 4-5 วัน
สวัสดีครับ
ผมขอลางาน 4-5 วันครับ
ไปราชการต่างจังหวัด
จะกลับวันเสาร์ที่ 17 สค.
พิพัฒน์
ประสบการณ์ของผมในการพูดภาษาอังกฤษ
เพื่อนหลายคนที่ผมเคยคุยด้วยมีความเห็นตรงกันว่า การจะพูดภาษาอังกฤษได้ ต้องรู้ศัพท์เพียงพอที่จะพูด ถ้ารู้ศัพท์น้อยเกินไปก็ไม่มีเครื่องมือที่จะสื่อข้อความที่ต้องการพูด ศัพท์จึงสำคัญมาก และคนไทยจำนวนมากก็รู้ศัพท์น้อย ซึ่งตามมาด้วยการพูดภาษาอังกฤษได้น้อยหรือพูดแทบจะไม่ออกเอาซะเลย
ข้อสรุปข้างบนนี้ แม้ผมจะไม่เห็นด้วย 100 % เพราะว่าผมเคยเห็นเยอะแยะไปที่เป็นตรงกันข้าม คือ คนที่รู้ศัพท์น้อย-พูดภาษาอังกฤษได้มาก และคนที่รู้ศัพท์มาก-พูดภาษาอังกฤษได้น้อย ทั้งนี้เพราะการจะสื่อความให้คนอื่นรู้เรื่องไม่ได้ขึ้นอยู่กับการรู้ศัพท์เพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นด้วย เช่น ความสามารถในการเรียงร้อยถ้อยคำและลำดับประเด็นการพูด ไม่ต้องพูดถึงภาษาอังกฤษหรอกครับ แค่ภาษาไทยนี่คนไทยหลายคนก็มีปัญหาในการพูด บางทีฟังอยู่ครึ่งวันยังไม่รู้เลยว่าพี่แกต้องการจะบอกอะไร
แต่ถ้าพูดโดยหลักเกณฑ์ทั่วไป การรู้ศัพท์มากเข้าไว้ก็ย่อมดีกว่ารู้น้อย เหมือนเวลาปรุงอาหารที่มีเครื่องปรุงครบก็ย่อมมีโอกาสปรุงอาหารได้อร่อยกว่าเวลาที่ขาดเครื่องปรุง แต่ถ้าเป็นคนครัวที่ไม่มีฝีมือ ต่อให้มีเครื่องปรุงครบถ้วน ถึงจะปรุงยังไงก็ไม่อร่อยอยู่นั่นเอง คนที่พูดภาษาอังกฤษและรู้ศัพท์เยอะ ถ้ารู้จักเรียงร้อยถ้อยคำและความคิด ก็ย่อมพูดได้ดีเป็นธรรมดา
ปัญหาถัดมาที่อาจจะมีคนถามก็คือ ต้องรู้ศัพท์กี่คำจึงจะพอใช้ คำถามนี้ถามง่ายแต่ตอบยากครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับความสามารถของทั้งผู้พูดและผู้ฟัง และเรื่องที่พูด อย่างไรก็ตามก็มีคนเคยรวมรวมไว้เหมือนกันว่า ศัพท์พื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้ในการสนทนามีอะไรบ้าง ในบล็อกนี้ผมก็เคยนำมาเสนอท่านผู้อ่านแล้ว ที่ลิงค์นี้ครับ
- Basics - 850 Words For Conversational Fluency
แต่ปัญหาที่ผมได้ยินคนบ่น มักจะมี 2 ข้อข้างล่างนี้ คือ1.เมื่อถึงเวลาพูด มักจะนึกศัพท์ได้ไม่ทัน ทั้ง ๆ ที่เป็นศัพท์ง่าย ๆ ครั้นพอได้ยินคนอื่นพูดก็ร้องอ๋อทันที แต่ถ้าให้นึกพูดเองก็นึกไม่ออก
2.หลายครั้งก็นึกคำศัพท์ออก เช่น รู้ว่า สนามบิน คือ airport แต่จะพูดว่า "ผมจะไปรอคุณอยู่ที่สนามบินตรงหน้าเคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบินไทยเวลา 4 ทุ่ม" ชักจะนึกไม่ออกว่าควรจะพูดยังไงดี
ปัญหาทั้งข้อ 1 และข้อ 2 นี่นะครับสำหรับคนไทยที่พูดคล่องแล้วเขาจะไม่มีปัญหาเลย เพราะเมื่อเขาจะพูด ภาษาที่ปรากฏในสมองก็คือภาษาอังกฤษ และพูดออกไปเป็นภาษาอังกฤษได้เลย พูดง่าย ๆ ก็คือ ทั้งหมดไม่ต้องมีภาษาไทยเข้ามาเกี่ยวข้องเลย แต่ถ้าคนที่ไม่คล่องขนาดนี้ล่ะครับจะทำยังไง? มีบางครั้งผมเคยได้ยินเขาสอนกันว่า อย่าคิดเป็นภาษาไทย ให้พยายามคิดเป็นภาษาอังกฤษ และพูดเป็นภาษาอังกฤษ ถ้ายังคงคิดเป็นภาษาไทยก็จะพูดได้ไม่ทันกิน! โธ่ ! ก็อยากจะคิดเป็นภาษาอังกฤษอยู่เหมือนกันแหละครับ แต่มันคิดไม่ออก แล้วนี่จะมาห้ามไม่ให้คิดเป็นภาษาไทยอีก มันจะทารุณเกินไปมั้งครับ
ผมขอเอาประสบการณ์ของตัวเองมาแลกเปลี่ยนแล้วกันนะครับ ผิดถูกอย่างไรผู้รู้โปรดชี้แนะด้วย
ผมเคยเขียนไว้ที่ไหนสักแห่งในบล็อกนี้ว่า สมัยก่อนนี้ตอนที่ผมเรียนมหาวิทยาลัย ผมไม่มีโอกาสได้พูดภาษาอังกฤษ และช่วงหลังเรียนจบอีก 10 ปีซึ่งไปทำงานในต่างจังหวัดก็ไม่เคยพูดภาษาอังกฤษอีกเช่นกัน เพราะไม่รู้จะพูดกับใคร แต่ผมจะขอให้แผงหนังสือพิมพ์เจ้าประจำรับ Bangkok Post หรือ The Nation ให้ผมวันละฉบับทุกวัน และผมก็ได้ฝึกอ่านมาโดยตลอด ถ้าไม่ได้อ่านก็จะเสียดายเพราะเสียเงินซื้อแล้ว (ก็มันแพงกว่าหนังสือพิมพ์ภาษาไทยนี่ครับ และนี่อาจจะเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของการเสียเงิน)
ประเด็นหลักที่ผมต้องการเรียนท่านผู้อ่าน มีอยู่ 2 ประเด็นตรงนี้ครับ
ประเด็นที่ 1: ในระยะแรก ๆ ที่ยังอ่านอย่างกะเตาะกะแตะ มันก็อดไม่ได้หรอกครับที่จะอ่านไปแปลไปในสมอง แต่เมื่อได้อ่านติดต่อกันหลายปี ปริมาณการแปลเป็นภาษาไทยขณะที่อ่านก็จะน้อยลง ๆ จนในระยะหลัง ๆ ผมก็จะอ่านเป็นภาษาอังกฤษและเข้าใจไปเลย เข้าใจก็คือเข้าใจ ไม่ต้องแปลเป็นภาษาไทยก็เข้าใจได้ การที่อ่านและเข้าใจไปเลยเป็นภาษาอังกฤษนี้ ทำให้อ่านได้เร็ว แต่นี่หมายความว่า ผมจะทำอย่างนี้ได้ก็ต่อเมื่อมันไม่ยากกว่าระดับหนังสือพิมพ์ ถ้าผมต้องไปอ่านตำราที่ยาก ๆ มันก็จะชะงักและไปไม่ได้เร็ว และ... ต้องคิดเป็นภาษาไทย สรุปง่าย ๆ ตอนนี้ก็คือ ถ้ามันไม่ยากเกินไป เราก็จะสามารถอ่านและเข้าใจไปเลยโดยไม่ต้องแปลเป็นภาษาไทย แต่กว่าจะผ่านจากขั้นอ่านไปแปลไป มาสู่ขั้นอ่านและเข้าใจโดยไม่ต้องแปล ก็ต้องอาศัยความอดทนต่อเนื่องมาหลายปีทีเดียวครับ ไม่ใช่เดี๋ยวเดียวก็ทำได้
ประเด็นที่ 2: ครั้นผมได้ย้ายเข้ามาในกรุงเทพ และต้องทำงานที่ต้องพูดภาษาอังกฤษ มันไม่ต่างกันเลยครับกับประสบการณ์การอ่านที่ผมเล่าให้ท่านฟังข้างบนนี้ คือ ในระยะแรก ๆ ผมไม่สามารถพูดออกไปได้ทันทีอย่างอัตโนมัติเป็นภาษาอังกฤษ หลายครั้งที่ต้องทบทวนหลายเที่ยวเป็นภาษาไทยก่อนว่าประโยคอย่างนี้ ๆ ควรจะแต่งเป็นภาษาอังกฤษว่ายังไง ซึ่งก็ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะพูดเป็นภาษาอังกฤษได้โดยไม่ต้องคิดเป็นภาษาไทยก่อน
และเรื่องที่ผมขอเน้นก็คือ ประสบการณ์การฝึกฝนการอ่าน ที่ทำให้ผมอ่านภาษาอังกฤษและเข้าใจไปเลยโดยไม่ต้องคิดผ่านภาษาไทย มันเป็นพื้นฐานอย่างดีที่ช่วยให้ผมพูดภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องคิดผ่านภาษาไทยก็พูดออกไปได้เลย เพราะฉะนั้น ขณะที่ฝึกพูดผมจึงมีปัญหาแค่ 2 อย่าง คือ 1.ปรับปากให้เปล่งเสียง และ 2.ปรับหูให้ฟังสำเนียง ส่วนการปรับสมองให้เข้าใจเรื่องราวนั้นไม่ค่อยเป็นปัญหานัก เพราะได้ฝึกมาพอสมควรแล้วจากการอ่านภาษาอังกฤษมาหลายปี
นี่แหละครับ เมื่อผมคุยกับท่านผู้อ่านในบล็อกนี้ ผมจึงมักจะย้ำว่า การอ่านเป็นพื้นฐานที่มีประโยชน์มากสำหรับท่านที่ต้องการฝึกพูดภาษาอังกฤษ
แต่... จริง ๆ แล้วท่านก็ไม่จำเป็นต้องฝึกเหมือนผม หลายท่านอาจจะถนัดที่จะฝึกฟังมากกว่า และเมื่อฝึกฟังมาก ๆ ท่านก็จะได้รับทักษะในลักษณะเดียวกันคือ ฟังภาษาอังกฤษและเข้าใจไปเลย โดยไม่ต้องแปลเป็นภาษาไทยขณะที่ฟัง สรุปสั้น ๆ อีกครั้งก็คือ การฝึกฟังมาก ๆ และอ่านมาก ๆ และเข้าใจไปเลย จะช่วยให้เราสามารถพูดออกไปเลยเป็นภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องคิดเป็นภาษาไทยก่อน
หลายท่านที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้อาจจะรู้สึกว่า เส้นทางมันช่างยาวไกลเสียจริง ๆ และอาจจะรู้สึกท้อแท้ ขอเรียนว่า ขอให้แค่ท้อแท้เถอะครับ แต่อย่าท้อถอย ความสำเร็จนั้นจะเป็นรางวัลที่บำเรอให้แก่คนใจเด็ดเท่านั้น หลายคนในโลกนี้ต้องการความสำเร็จโดยไม่ต้องพยายาม และเมื่อไม่ได้ดังใจก็บ่นว่าโลกใจร้าย มันจะเป็นไปได้อย่างไรครับ ถ้าฟ้าดินทำให้คนที่ขยันและเกียจคร้านประสบความสำเร็จเท่าเทียมกัน ในโลกนี้ก็คงไม่มีใครอยากจะขยันหรอกครับ คงจะมีแต่คนเกียจคร้านเต็มไปทั้งโลก และโลกก็คงจะล่มสลายในเวลาอันรวดเร็ว
พอมาถึงบรรทัดนี้ ผมก็นึกถึงเพลง You are my sunshine ที่ผมเพิ่งฟังจบก่อนที่มานั่งคุยกับท่านผู้อ่าน ผมชอบตรง chorus ที่เขาบอกว่า
So let the sun shine in
Face it with a grin
Smilers never loose
And Frowners never win
So let the sun shine in
Face it with a grin
Open up your heart
and let the sun shine in
ผมว่าพวกเราที่ฝึกพูดภาษาอังกฤษ คงต้องเป็น We are our own sunshine คือเป็นแสงตะวันให้แก่ตัวเอง ลองฟังดูซีครับ เพราะมาก
ขอย้อนกลับไปยังเรื่องที่คุยตั้งแต่ตอนต้น ผมว่าในระยะแรก ๆ มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ที่เราจะขจัดการคิดเป็นภาษาไทยออกไปโดยสิ้นเชิง มันก็ต้องฝึกควบกันไปนั่นแหละครับ และเมื่อเราชำนาญมากขึ้น เราก็จะสามารถมากขึ้นในการฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องผ่านภาษาไทย
มีเทคนิคอยู่อย่างหนึ่งที่ผมใช้ฝึกตัวเองเกี่ยวกับศัพท์และได้ผลดี คือ1.ผมเห็นว่า ศัพท์ที่เราต้องใช้สนทนาขั้นพื้นฐานนี่นะครับ มันก็มีไม่มากนักหรอก ถ้าเราพยายามเรียนรู้และจดจำศัพท์พวกนี้ให้ได้ไว้ก่อน ก็น่าจะช่วยย่นเวลาในการฝึกพูดภาษาอังกฤษ คือเราฝึกจำศัพท์ที่จำเป็นมากซะก่อน ส่วนศัพท์ที่จำเป็นน้อยเราค่อยไปฝึกเอาทีหลัง คำว่าจำเป็นในที่นี้คือจำเป็นในการพูดนะครับ
2.และการทบทวนศัพท์นี้ มันก็น่าจะทบทวนให้เหมือนกับที่เรากำลังจะพูด คือคนไม่คล่องอย่างเรา พอจะพูดเราก็จะนึกถึงศัพท์ภาษาไทยก่อน เพราะฉะนั้น ถ้าเรามี list คำศัพท์ที่เป็น ไทย – อังกฤษ, เราก็ฝึกท่องและทบทวนโดยการเปิดภาษาไทยและปิดภาษาอังกฤษ เมื่อเห็นศัพท์ไทยก็ให้นึกภึงศัพท์ภาษาอังกฤษ ลักษณะเดียวกับที่เราต้องนึกเวลาจะเอ่ยปากจริง ๆ และถ้าได้ฝึกเปล่งเสียงออกมาด้วยก็ยิ่งวิเศษ เมื่อฝึกอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะเคยชินที่จะคิดและพูดเป็นภาษาอังกฤษ
และขอเรียนว่า ท่านไม่ต้องกังวลหรอกครับว่า จะยึดติดและต้องคิดเป็นภาษาไทยไปด้วยทุกครั้งที่พูด คือเมื่อเราเริ่มพูดได้แล้ว เราก็จะทิ้งภาษาไทยไปโดยอัตโนมัติทีละน้อย ๆ จนวันหนึ่ง เราก็จะพูดภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องคิดถึงภาษาไทย
ลิงค์ข้างล่างนี้ ผมเชื่อว่า จะเป็นเครื่องมือที่ดีพอสมควร ซึ่งจะช่วยให้ท่านพัฒนาคำศัพท์ ไทย – อังกฤษ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการฝึกพูดภาษาอังกฤษของท่าน
(1)คำศัพท์ 1,000 คำแรก พร้อมคำแปล ที่มีการใช้มากที่สุดในภาษาอังกฤษ
(2)ศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 2,000 คำ ของ Longman Dictionary
(3)ศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 3,000 คำ ของ Oxford Dictionary
(4)http://www.sealang.net/thai/vocabulary/
ที่คอลัมน์ซ้ายมือใต้หัวข้อ Words and glosses จะมีศัพท์อยู่ 4 หมวด ให้ท่านฝึก คือ
Thai AWl- -AUA Reader- -BYKI- -SEAlang
ขออวยพรให้ทุกท่านประสบความสำเร็จจากความพยายามที่มั่นคงครับ
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
E4thai.com มีหน้า “ถาม-ตอบ” แล้วครับ
สวัสดีครับ
ผมเริ่มปุ่ม ถาม-ตอบ ที่คอลัมน์ซ้ายมือของเว็บ e4thai.com โดยจะรวบรวมคำถามจากที่ท่านผู้อ่านเขียนลงใน comment, facebook, และที่ถามไปที่อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. รวมทั้งคำถามที่พี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ ถามมาด้วย เอาทั้งหมดมาตอบที่หน้านี้
http://www.e4thai.com/e4e/index.php?option=com_content&view=category&id=76&Itemid=200
ขอเรียนท่านผู้อ่านว่า ผมคงตอบได้เฉพาะคำถามที่ผมตอบได้ ถ้าไม่รู้ หรือไม่แน่ใจคงไม่กล้าตอบ และแม้คำถามที่ตอบแล้ว ผมก็ขอเรียนเชิญให้ท่านช่วยติติง แก้ไข ปรับปรุง ให้ข้อมูลหรือความเห็นเพิ่มเติม เพื่อให้ “ถาม-ตอบ” เป็นหน้าเว็บที่ทุกท่านสามารถถาม และสามารถตอบ เอาอย่างนั้นนะครับ
ที่ผมไม่ทำเป็น webboard แม้จะมีหลายท่านเสนอให้ทำ เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปที่เด็ดขาดว่า ทำแล้วมีคนเข้าไปใช้น้อยมาก น้อยอย่างยิ่ง หรือถ้าเข้าไปใช้อย่างจริงจังก็เพื่อเอาโฆษณาไปแปะ ผมจึงขอทำหน้า ถาม-ตอบ อย่างไม่เป็นทางการ แบบสบาย ๆ อย่างนี้แล้วกันครับ
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ทำไม Google Translate จึงแปลไม่รู้เรื่อง (ดูตัวอย่าง)
สวัสดีครับ
หลายท่านที่เคยใช้บริการของ Google Translate ให้ช่วยแปลข้อความจากอังกฤษเป็นไทย หรือจากไทยเป็นอังกฤษ คงจะพบว่า บ่อยมากที่ Google แปลผิดนิดหน่อย, แปลผิดโดยสิ้นเชิง,แปลตลก,หรือแปลโดยใช้สำนวนภาษาไทยที่คนไทยไม่ใช้กัน
อย่างไรก็ตาม ผมเข้าใจว่า Google Translate ก็คงพยายามอยู่เรื่อย ๆ ที่จะปรับปรุงบริการของเขาให้มันดีขึ้น แต่ก็คงไม่ง่ายนัก สาเหตุคงมีหลายข้อ แต่ข้อหนึ่งที่ผมเห็นชัดก็คือ ศัพท์ภาษาอังกฤษตัวหนึ่ง ๆ มีคำแปลไทยเทียบได้หลายคำ และ Google Translate ก็ยังไม่เก่งพอที่จะเลือกคำที่ถูกต้องหรือเหมาะสม คำแปลจึงได้ออกมาแบบ ผิด,เพี้ยน,หรือตลก อย่างที่ว่าแล้ว
วันนี้ ผมนำคำแปลอังกฤษเป็นไทยของ Google Translate มาให้ท่านดูเป็นตัวอย่าง 35 ประโยค
คอลัมน์ซ้าย เป็น ประโยคภาษาอังกฤษ
คอลัมน์กลาง เป็นคำแปลภาษาไทย ของ Google Translate
คอลัมน์ขวา เป็นคำแปลภาษาไทย ที่ผมปรับแก้แล้ว
ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ ผมต้องการจะบอก 2 ข้อ คือ
(1)ถ้าจะใช้บริการของ Google Translate ต้องระวังมากสักนิด
(2)ทางที่ดีที่สุด ควรจะฝึกอ่าน-ฝึกแปล ด้วยตัวเอง เพราะมันเสี่ยงที่จะไปพึ่งบริการของเขา
เชิญดูข้างล่างนี้ได้เลยครับ
1 | They say love is blind. | พวกเขาบอกว่ารักเป็นคนตาบอด | พวกเขาบอกว่าความรักทำให้คนตาบอด |
2 | May I talk to Ms. Brown? | ฉันอาจจะพูดคุยกับนางสาวสีน้ำตาล? | ขอให้ฉันพูดกับคุณบราวน์ได้ไหม? |
3 | I give you my word. | ฉันให้คุณคำของฉัน | ฉันขอให้สัญญาแก่คุณ |
4 | It's a dead end. | มันเป็นปลายตาย | มันเป็นทางตัน |
5 | He doesn't look his age. | เขาไม่ได้ดูอายุของเขา | เขาดูอ่อนกว่าวัย |
6 | Here is your change. | ที่นี่การเปลี่ยนแปลงของคุณ | นี่เงินทอนของคุณ |
7 | Did you leave a tip? | คุณไม่ได้ออกจากปลาย? | คุณให้เงินค่าทิปหรือเปล่า? |
8 | You've given me your cold. | คุณเคยให้ฉันเย็นของคุณ | คุณแพร่เชื้อหวัดให้ฉัน |
9 | I have to write a letter. Do you have some paper? | ฉันต้องเขียนจดหมาย คุณมีกระดาษบาง? | ฉันต้องเขียนจดหมาย คุณมีกระดาษบ้างไหม? |
10 | She is mad at me. | เธอเป็นคนบ้ามาที่ฉัน | เธอโกรธผมอย่างมาก |
11 | You are selling him short. | คุณกำลังขายเขาสั้น | คุณกำลังประเมินค่าเขาต่ำเกินไป |
12 | You don't have a temperature. | คุณไม่ได้มีอุณหภูมิ | คุณไม่ได้มีไข้ |
13 | You look bored. | คุณดูน่าเบื่อ | คุณดูรู้สึกเบื่อ |
14 | You must clear the table. | คุณต้องล้างตาราง | คุณต้องเก็บกวาดโต๊ะ |
15 | I think you'd better go on a diet. | ฉันคิดว่าคุณควรที่จะไปในอาหาร | ฉันคิดว่าคุณควรทานอาหารลดลง |
16 | You should give up drinking. | คุณควรจะให้ขึ้นดื่ม | คุณควรจะเลิกดื่มสุรา |
17 | You should get your car fixed. | คุณควรจะได้รับรถของคุณคงที่ | คุณควรจะซ่อมรถของคุณ |
18 | You look pale today. | คุณดูอ่อนวันนี้ | วันนี้คุณดูซีดไป |
19 | You broke the rule. | คุณยากจนกฎ | คุณละเมิดกฎ |
20 | You dropped your pencil. | คุณลดลงดินสอของคุณ | คุณทำดินสอของคุณหล่น |
21 | You should study harder. | คุณควรศึกษายาก | คุณควรศึกษาหนักขึ้น |
22 | Have you done all your homework? | คุณทำทุกสิ่งที่บ้านของคุณ? | คุณทำการบ้านของคุณหมดหรือยัง? |
23 | You surprised everybody. | คุณประหลาดใจทุกคน | คุณทำให้ทุกคนประหลาดใจ |
24 | How tall you are! | วิธีสูงคุณ! | คุณสูงจังเลย! |
25 | You can always count on Tom. | คุณสามารถนับบนทอม | คุณสามารถวางใจในทอมได้เสมอ |
26 | You've been had. | คุณได้รับมี | คุณโดนโกงแล้ว |
27 | You should give up smoking. | คุณควรจะให้ขึ้นการสูบบุหรี่ | คุณควรเลิกสูบบุหรี่ |
28 | You can bank on that. | คุณสามารถธนาคารว่า | คุณสามารถพึ่งพิงสิ่งนั้นได้ |
29 | You may go at once. | คุณอาจจะไปในครั้งเดียว | คุณจะไปเดี๋ยวนี้เลยก็ได้ |
30 | You'll get well soon. | คุณจะได้รับกันในเร็ว ๆ นี้ | คุณจะหายดีในไม่ช้า (จากไม่สบาย) |
31 | What on earth are you talking about? | คุณมีอะไรในโลกที่พูดถึง? | คุณกำลังพูดถึงเรื่องบ้าบออะไร? |
32 | Did you leave the window open? | คุณไม่ได้ออกจากหน้าต่างที่เปิดอยู่? | คุณเปิดหน้าต่างทิ้งไว้หรือเปล่า? |
33 | Write your name in capitals. | เขียนชื่อของคุณในเมืองหลวง | เขียนชื่อของคุณด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ |
34 | It's your move. | มันย้ายของคุณ | ตาคุณเดิน (เช่น ตอนเล่นหมากรุก) |
35 | Your problem is similar to mine. | ปัญหาของคุณคือคล้ายกับระเบิด | ปัญหาของคุณคล้ายกับฉัน |
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ขอแนะนำ อ.ยุทธนา เลาหะวิสุทธ์ มหาวิทยาลัยพายัพ เชียงใหม่
สวัสดีครับ
อ.ยุทธนา เลาหะวิสุทธ์ สอนอยู่ที่ คณะบัญชีฯ มหาวิทยาลัยพายัพ เชียงใหม่
มีผลงานเพื่อคนไทยนอกรั้วมหาวิทยาลัย ในโลก online อยู่ที่นี่ครับ
(1) Blog : http://freewareacpyu.blogspot.com/
เข้าไปแล้วดูที่เมนูบาร์
โปรแกรมที่ผมเห็นว่ามีประโยชน์มาก ๆ ในการพัฒนาคำศัพท์ภาษาอังกฤษ และได้ขออนุญาตอาจารย์ยุทธนา นำมาลงในเว็บ e4thai.com รวมอยู่ที่ลิงค์นี้ครับ
ดาวน์โหลด 19 โปรแกรมช่วยจำศัพท์ โดย อ. ยุทธนา
(2)YouTube แนะนำ Tip หลายอย่าง
http://www.youtube.com/user/yudhanaChiangmai
ท่านสามารถติดตามอาจารย์ยุทธนา เลาหะวิสุทธ์ ได้ที่นี่ครับ
https://www.facebook.com/profile.php?id=100002296145492
Google Plus
https://plus.google.com/117870300517052378051/posts
Gmail
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
More Articles...
- e4thai.com มี Search Box ที่ด้านบนของเว็บแล้วครับ
- คนไทย ชอบเรียนภาษาอังกฤษ แบบนี้
- โรคติดเน็ตและ social media ลดสมรรถภาพการฟิตภาษาอังกฤษ
- A ถึง Z ในการเรียนภาษาอังกฤษ
- วิธีฝึกฟังภาษาอังกฤษให้รู้เรื่องอย่างรวดเร็ว
- 10 เว็บฟิตภาษาอังกฤษ รายวัน
- คำแนะนำในการพูดภาษาอังกฤษ โดย แอนดรูว์ บิ๊กส์
- จะเป็นหนู ที่ยืนกลัวตัวสั่นต่อหน้าแมว หรือเป็นแมวที่กล้าล้อเล่นกับหมา
- เปิดตัวช่อง YouTube ของเว็บ e4thai.com
- วิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษ: หนทางมีที่คนไม่ค่อยเดิน
- Tip การอ่าน นสพ. Bangkok Post
- พระทำกรรมฐาน กับ เราเรียนภาษาอังกฤษ ไม่ต่างกันเลยครับ !!
- แค่เรียนภาษาอังกฤษ แบบ active ไม่พอหรอกครับ !!
- ประโยชน์ของการอ่าน หนังสือนอกเวลา และวิธีการอ่าน ที่ถูกต้อง
- ภาษาไทย คือ ภาษาแห่งจิตใจ
- วันสงกรานต์ที่แม่กลอง
- ขอกราบถวายการสอนภาษาอังกฤษแด่พระคุณเจ้า
- ช่อง Search ของ e4thai.com อยู่ที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บครับ
- บทความยอดนิยม 50 บทความแรก ของเว็บ e4thai.com
- ตอนนี้หนังสือภาษาอังกฤษ "อ่านนอกเวลา" เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 150 เล่มแล้ว