Google WWW Blog e4thai www.e4thai.com

10 นิสัยเจ้าปัญหาของคนไทย ในการเรียนภาษาอังกฤษ

lotus*lotus*lotus
          เรื่อง “10 นิสัยเจ้าปัญหาของคนไทยในการเรียนภาษาอังกฤษ” ที่ผมจะพูดต่อไปนี้ ถ้าผิดขอให้ท่านผู้อ่านแผ่เมตตาให้ผมด้วยที่มีมิจฉาทิฐิ  แต่ถ้ามันถูกขอให้ช่วยส่งต่อ

          10 นิสัยเจ้าปัญหาของคนไทย ที่ผมขอพูดก็คือ

[1] ไม่ยอมชดใช้กรรมเก่า

                     เมื่อตอนเป็นเด็กขี้เกียจเรียนและเกลียดภาษาอังกฤษ, ลอกการบ้านส่งครูหรือให้เพื่อนทำให้,  หรืออาศัยงานกลุ่มที่ให้คนเก่งทำเลยพลอยได้คะแนนไปด้วย, อ่านหนังสือเพียงพอให้สอบผ่าน,  หรือเข้าติวเพื่อให้ทำข้อสอบได้โดยไม่ต้องเข้าใจ, เมื่อสงสัยก็ไม่ค้นคว้าหนังสือหรือไต่ถามผู้รู้,  แม้เรียนจบจากมหาวิทยาลัยได้ปริญญาตรี แต่ความรู้ภาษาอังกฤษกลับอยู่แค่ระดับประถม จากวิบากกรรมที่ตนทำเอง

                 บาปที่ทำกับภาษาอังกฤษเช่นนี้  ถ้าไม่ยอมสำนึกผิด โดยกลับไปเริ่มเรียนบทสุดท้ายที่รู้เรื่อง -   ถ้าไม่ยอม “แก้กรรม” บาปที่ทำก็คงไม่สิ้น และต่อยอดความรู้ได้ยาก

[2] อยากเกินพิกัด

                     พอเรียนปุ๊บก็จะให้รู้เรื่องปั๊บ  ไม่ให้เวลาสำหรับการตกตะกอนของความรู้  ความอยากที่เยอะจนทำให้ความรู้ไม่ย่อยนี้   ทำให้ไม่อยากเรียน  และเมื่อทนเรียนก็ไม่รู้เรื่อง  แท้จริงแล้วควรลดละความอยากซะบ้างเพื่อให้ใจสงบ สมองจะปลอดโปร่งและเรียนได้รู้เรื่องมากขึ้น

[3] ความอดทนมีขีดจำกัด

                      ถ้าหวังมากแต่พยายามน้อยก็คงสมหวังยาก  การให้อภัยตัวเองที่มีความอดทนจำกัดนั้นทำได้   แต่ถ้าอภัยเช่นนี้บ่อย ๆ ก็คงผิดหวังง่าย และทำใจยาก

[4] เบื่อความซ้ำซาก

                     การฝึกซ้ำ ๆ จะทำให้เกิด 2 อย่าง คือ (1)ความชำนาญและ (2)ความเบื่อ คนที่ทนความเบื่อได้ยาก ก็จะมีความชำนาญได้ยากเช่นกัน

[5] เป็นเด็กไม่รู้จักโต

                      โตแล้วก็ยังเป็นเด็กที่ขาดครูไม่ได้  ไม่ยอมเรียนด้วยตัวเองทั้ง ๆ ที่สื่อการเรียนแทนครูก็มีเยอะแยะ

[6] เอาแต่รอคนมาให้กำลังใจ

                      กำลังใจใคร ๆ ก็ต้องการ แต่กำลังใจจากคนอื่นแม้สวยงามปานใดก็เปราะบางปานนั้น  ต่างจากกำลังใจที่ให้ตนเองเพราะพยายามเรียนจนรู้เรื่อง  แม้ได้ทีละน้อยแต่ก็มั่นคง ทนแดดทนฝน ทนต่อกาลเวลา

[7] ต้องเรียนแบบไม่เครียด

                      บ่อยครั้งที่เราได้ยินคำชมว่า อาจารย์คนนั้นคนนี้สอนเก่ง สอนสนุก เรียนแล้วไม่เครียด หัวเราะทั้งชั่วโมง ขอถามว่า นี่เรายังไม่เลิกนิสัยของเด็กอนุบาลอีกหรือที่อะไร ๆ ก็ต้องสนุกไปซะทุกอย่าง ถ้าไม่สนุกฉันไม่เรียน

[8] พวกมากลากไป

                     ถ้าขาดเพื่อนก็ขาดคนปรึกษาหารือ ขาดกำลังใจ เลยไม่เรียน ถ้ายังมีชนิดของกำลังใจที่ไร้กระดูกเช่นนี้  ก็คงทำอะไรสำเร็จได้ยาก

[9] “กินอาหารไม่ครบหมู่”

                      แม้แต่ละคนจะมีวิธีที่ถนัดในการเรียนต่างกัน แต่ก็ควรใช้ให้ครบทั้ง 4 อวัยวะในการเรียน คือ ใช้ตาอ่านและดู - ใช้หูฟัง – ใช้ปากพูด – และใช้มือเขียน ไม่ใช่ใช้อวัยวะอย่างเดียวที่ตนถนัดในการเรียนภาษาอังกฤษ และปล่อยให้อวัยวะอื่นอีก 3 อย่างว่างงาน  ถ้าขืนทำอย่างนี้นาน ๆ ก็จะเป็นโรคขาดสารอาหารทางทักษะภาษาอังกฤษ

[10] “ไม่เข้าถ้ำเสือแต่อยากได้ลูกเสือ”

                        หลายคนพออ่านภาษาอังกฤษที่ไม่มีคำแปลไทย,  ดูคลิปวีดิโอที่ไม่มีซับไตเติ้ลภาษาไทย, เปิดดิกชันนารีฝรั่งที่ไม่ใช่ดิกอังกฤษ-ไทย, ก็มีอาการคล้ายถูกภาษาอังกฤษขบกัดหรือขีดข่วน และขยาด แต่ทำไมท่านไม่ถามตัวเองสักหน่อยว่า ถ้าท่านอยากได้ลูกเสือ  แต่กลัวเสือกัดจนไม่กล้าเข้าถ้ำเสือ ท่านต้องรออีกนานเท่าไรจึงจะได้ลูกเสือ

พิพัฒน์

 https://www.facebook.com/En4Th/ 

Google
Search WWW Search Blog e4thai Search www.e4thai.com