e4thai.com

          หนังสือที่ว่าด้วยเรื่อง Tense เล่มนี้มี 151 หน้า
http://www.e4thai.com/e4e/images/pdf2/Changing_times__changing_tenses.pdf
ซึ่งถ้าพูดถึงเนื้อหาที่อธิบายก็ถือว่าพอใช้ได้ แต่ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก
       แต่สิ่งที่ผมเห็นว่าน่าสนใจมากที่สุดก็คือ การนำ story มาเป็นตัวอย่างในการใช้ Tense ไม่ใช่เอาแต่อธิบายว่า tense นี้ใช้อย่างนั้น, tense นั้นใช้อย่างนี้
      เรื่องของ tense นี่ ผมขอพูดซ้ำอย่างที่เคยพูดหลายครั้งแล้วว่า การอ่านคำอธิบายหรือทฤษฎีนั้นก็มีประโยชน์ แต่เมื่ออ่านแล้วก็แล้วกัน ไม่ต้องไปอ่านซ้ำอ่านซากให้มันมากนัก แต่สิ่งที่ควรทำมาก ๆ ก็คือ การสังเกตเนื้อหาเวลาที่ฟังหรืออ่านภาษาอังกฤษว่า ทำไมเขาจึงใช้ tense นี้หรือ tense นั้น ซึ่งนี่แปลว่า สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการฝึกภาษาอังกฤษ ก็คือต้องอ่านภาษาอังกฤษเยอะ ๆ และฟังภาษาอังกฤษเยอะ ๆ จะได้เป็นการฝึกกับของจริง ไม่ใช่เอาแต่อ่านคำอธิบายหรือฟังคลิปที่พูดอธิบายเป็นภาษาไทย แต่ไม่เคยเข้าไปเจอของจริง
       การเจอของจริงมันต่างจากทฤษฎีตรงที่ว่า ในข่าว/บทความ/story ชิ้นเดียวที่เราอ่าน เขาอาจจะใช้ตั้งหลาย tense ปน ๆ กัน และเรามองออกไหมว่า ทำไมเขาถึงใช้ต่างกัน
      หากไม่มีการสังเกตของจริงอย่างนี้ ผมเชื่อว่า ต่อให้อ่านตำราว่าด้วย tense มานานแค่ไหนก็ไม่มีวันเก่งเรื่อง tense อย่างมากก็แค่ทำข้อสอบ Multiple Choice A B C D ได้ถูกต้อง แต่พอถึงเวลาที่จะใช้ tense ในการพูดหรือเขียนก็จะติด ๆ ขัด ๆ
      พอคิดได้อย่างนี้ ผมจึงนำหนังสือเล่มนี้มาหั่นให้เหลือเฉพาะ storyแค่ 71 หน้า

http://www.e4thai.com/e4e/images/pdf2/Changing_times__changing_tenses_only_stories.pdf

      และขอเสนอว่า เมื่อท่านอ่าน story แต่ละเรื่องเหล่านี้ ให้พยายามสังเกตและอธิบายให้ได้ว่า ทำไมผู้เขียนจึงใช้ tense นั้น ๆ ในการเขียน การฝึกอย่างนี้จะช่วยทำให้เกิดทักษะ และใช้ tense ได้ถูกต้องเมื่อถึงเวลาที่จะพูดหรือเขียน

     และนี่คือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการเรียนเรื่อง tense คือเรียนเพื่อเอา tense ไปใช้พูดหริอเขียน ไม่ใช่หวังแค่เอา tense ไปทำข้อสอบ A B C D ให้ได้คะแนน
      ลองอ่านดูซีครับ เป็น story สั้น ๆ ที่น่าฝึกอ่านเรื่อง tense มากทีเดียว ผมทำ Bookmarks ไว้ให้แล้ว เพื่อท่านจะได้คลิกเข้าไปดูง่าย ๆ

      แต่ถ้าท่านอ่าน story แล้วรู้สึกงง ๆ เกี่ยวกับการใช้ tense ก็เข้าไปอ่านเล่มเต็ม 151 หน้าแล้วกันครับเพื่อดูคำอธิบาย
พิพัฒน์
www.facebook.com/en4th