ความรักคือการให้ – แต่ให้อะไรล่ะ?
สวัสดีครับ
เป็นความบังเอิญอย่างยิ่ง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมได้ไปนั่งในโบสถ์คาทอลิกแห่งหนึ่งที่อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี บาทหลวงกำลังทำพิธีแต่งงานให้บ่าวสาวคู่หนึ่ง พอมาถึงตอนให้คำแนะนำคู่บ่าวสาว ท่านพูดว่า
ถ้าถามผู้ชายว่า แต่งงานทำไม ถ้าตอบว่าจะได้มีคนซักผ้า ทำกับข้าว ทำความสะอาดบ้าน ถ้าแค่นี้ไม่ต้องมีเมียหรอก ไปซื้อเครื่องซักผ้าหรือจ้างคนทำก็ได้ และถ้าถามผู้หญิงว่า แต่งงานทำไม ถ้าตอบว่าจะได้มีคนคอยปกป้องดูแล อย่างนี้ก็ไม่ต้องมีผัวเช่นกัน ไปจ้างพวกบอดี้การ์ดก็ได้
การแต่งงานมีความหมายมากกว่านี้ มันคือการรวมร่างกายจิตใจของหญิงชายคู่หนึ่งเข้าด้วยกัน และยังมีอะไรอื่น ๆ อีกหลายอย่าง เช่น การให้เกียรติ ความซื่อสัตย์
มีเรื่องเล่าว่าในสมัยโบราณมีชายคนหนึ่งไปขอให้บาทหลวงทำพิธีแต่งงานให้ บาทหลวงถามว่า ในอนาคตถ้าภรรยาของคุณไปสร้างหนี้สินไว้มากมายคุณยอมได้ไหม ชายหนุ่มตอบว่ายอมได้ ผมจะพยายามหาเงินมาใช้หนึ้ ถามต่อว่าถ้าภรรยาของคุณทำกับข้าวไม่ได้เรื่องเลยคุณทนได้ไหม ชายหนุ่มตอบว่าทนได้ผมทำเอง และถ้าภรรยาของคุณเผลอไปมีชายอื่นล่ะคุณยอมได้ไหม ชายหนุ่มตอบว่าอย่างนี้มันหมิ่นศักดิ์ศรีชาย คงยอมไม่ได้ บาทหลวงเลยตอบว่า ตอนนี้คงแต่งงานให้ไม่ได้ ถ้ายอมได้เมื่อไหร่ค่อยมาบอกแล้วจะทำพิธีให้
หลังจากนี้บาทหลวงองค์นี้ที่โบสถ์อำเภอขลุงก็พูดถึงโครินเธียนส์ 1 บทที่ 13 ในไบเบิ้ล ที่ว่าด้วยคำนิยามของความรัก ผมต้องยอมรับตรง ๆ ครับว่า โครินเธียนส์บทนี้ผมเองก็อ่านมาหลายสิบรอบแล้ว อ่านทีไรก็ซาบซึ้งกับความไพเราะของเนื้อหาและถ้อยคำ แต่ไม่เคยตระหนักเลยว่า การให้อภัย คือเรื่องที่สำคัญที่สุดของสิ่งที่เรียกว่า ความรัก
ผมนำโครินเธียนส์ 1 บทที่ 13 ในไบเบิ้ลมาให้ท่านที่เคยอ่านแล้วลองอ่านอีกครั้ง ท่านอาจจะเหมือนผม คือเกิดความรู้สึกใหม่ ๆ ในคำสอนเก่าที่เคยฟังมาหลายเที่ยวแล้ว
เชิญครับ....
ใช่แล้วครับ ความรักคือการให้ – ให้อภัย !!
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.