Google WWW Blog e4thai www.e4thai.com

โรคติดเน็ตและ social media ลดสมรรถภาพการฟิตภาษาอังกฤษ

sm diseasesm diseasesm diseasesm disease

สวัสดีครับ

          สองโรคที่ผมเป็น คือ 1)โรคติดเน็ต และ 2)โรคติด social media ซึ่งทำให้สมรรถภาพในการเรียนภาษาอังกฤษของผมลดลง ที่ผมกำลังจะเล่าให้อ่านผู้อ่านฟังต่อจากนี้ ถ้าท่านใดเป็นโรคเดียวกับผมก็ถือว่าคนหัวอกเดียวกันปรับทุกข์กัน  แต่ถ้าท่านใดไม่เป็นก็อาจจะเก็บวิธีรักษาไปเล่าให้เพื่อนของท่านที่เป็นได้ฟังก็ได้ครับ

          ท่านที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของผมคงนึกออกว่า ผมเริ่มงานเขียนบทความแนะนำเว็บ ให้ความเห็น และแนะนำแหล่งดาวน์โหลดไฟล์เรียนภาษาอังกฤษมาประมาณสิบปีแล้ว ณ สถานที่ตามลำดับข้างล่างนี้

http://www.budpage.com/  

intereladsd.blogspot.com 

english-for-thais.blogspot.com 

english-for-thais-2.blogspot.com 
จนสุดท้ายก็มาถึง www.e4thai.com ทุกวันนี้

          มีหลายคนถามผมว่า ทำไมผมถึงได้ไปซอกแซกหาอะไรมาแนะนำได้เยอะแยะจนเว็บ e4thai.com มีเนื้อหาค่อนข้างหลากหลาย   ผมมานั่งนึกดูก็ได้คำตอบว่านี่น่าจะเป็นนิสัยส่วนตัวที่ฝังมานานหลายสิบปีที่แล้วตั้งแต่เรียนธรรมศาสตร์ เวลานั้นผมชอบเข้าไปที่ห้องสมุดกลางของมหาวิทยาลัย และหยิบหนังสือจากชั้นนั้นชั้นนี้ เล่มนั้นเล่มนี้มาพลิกดู ถ้าสนใจเล่มไหนก็อ่าน บางเล่มก็อ่านแค่หน้าปก , อ่านเพียง 1 ย่อหน้า, อ่านเพียง 1 บท, ส่วนเล่มที่ชอบใจมาก ๆ จึงจะอ่านจบเล่ม

          พอเมืองไทยมีเน็ตและผมจับงานหาเว็บภาษาอังกฤษมาแนะนำท่านผู้อ่าน ผมก็ใช้ปลายนิ้วท่องเน็ตเหมือนกับที่ในอดีตผมใช้ขาเดินไปตามชั้นหนังสือของห้องสมุด  พยายามหาอะไรที่น่าสนใจ ดี และฟรี มาแนะนำ

          ในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้มีหลายสิ่งเกิดขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเรียนภาษาอังกฤษ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นโทษด้วย ผมขอพูดด้านประโยชน์ก่อนแล้วกันครับ

1)เน็ตในเมืองไทยมีความเร็วสูงขึ้นกว่าเดิมมากมาย

2)มีเว็บต่าง ๆ มากมายเกิดเพิ่มขึ้น เพื่อให้เราเข้าไปศึกษาภาษาอังกฤษได้ฟรี ๆ มันดีทั้งเนื้อหาและรูปแบบ ทั้งเว็บฝรั่งและเว็บไทย

3)Google Search มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้สามารถค้นเรื่องได้ตรงกับที่เราต้องการ

4)มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาภาษาอังกฤษ เป็น smartphone, iPhone, iPad, social media network

          ผมเองในขณะที่ทำหน้าที่คล้าย ๆ “บ๋อย” ซึ่งยกอาหารคือเว็บภาษาอังกฤษมา “เสริฟ” ท่านผู้อ่าน ก็ต้องเป็นนักศึกษาเองด้วย เพราะงานประจำที่ผมทำอยู่แม้จะใช้ภาษาอังกฤษแต่ก็ไม่มากนักจึงต้องฝึกเพิ่มเรื่อย ๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่า สมรรถนะของเน็ตที่สูงขึ้นกลับทำให้สมรรถภาพของผมในการเรียนภาษาอังกฤษลดลง ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น? มันเป็นอย่างนั้นก็เพราะอาการต่อไปนี้มันเกิดขึ้น

1)สมาธิมันสั้นและบางลง

       พอผมนั่งลงที่หน้าเน็ต เช่น ยกตัวตัวอย่างว่า ตั้งใจจะอ่าน Bangkok Post  หรือฟังข่าว BBC สัก ครึ่งชัวโมง แต่พอเกิดอยากรู้อะไรขึ้นมากะทันหันก็จะ search ให้รู้ทันที  และหลายเรื่องก็เป็นเพียงความอยากรู้อยากเห็นที่ไร้สาระ ทำให้เวลาที่เคยให้กับการฝึกภาษาอังกฤษ ลดน้อยลงทั้งปริมาณและคุณภาพ

      ทำไปทำมา บางครั้ง ผมต้องแก้นิสัยของตัวเอง โดยการไปนั่งดูข่าวจาก cable TV และอ่านภาษาอังกฤษจากหนังสือพิมพ์เล่มหรือ text มากกว่านั่งหน้าจอท่องเน็ต

2)ขยันดาวน์โหลดไฟล์เก็บไว้ แต่ไม่คลิกเข้าไปศึกษา

      พอมาวิเคราะห์ตัวเองก็ได้ข้อสรุปว่า การดาวน์โหลดนั้นง่าย แต่การศึกษาไฟล์ที่ดาวน์โหลดนั้นยากกว่าเพราะต้องมีทั้งวินัย-วิริยะ-และสมาธิ  เอาเข้าจริง ๆ การดาวน์โหลดก็เป็นเพียงการหาอะไรมาแก้ตัว เพื่อที่ใจจะได้ไม่ต้องตำหนิตัวเองว่าขี้เกียจ

3)พึ่งเทคโนโลยีมากเกินไป ทั้ง ๆ ที่การฝึกภาษานั้น เทคโนโลยีช่วยเราได้ในปริมาณหนึ่งเท่านั้น  

   ในบางครั้งผมน่าจะเหมือนกับหลายคนที่เผลอคิดไปว่า เทคโนโลยีคือพระเจ้าที่สามารถช่วยเราให้เก่งภาษาอังกฤษได้ และวิธีฟิตภาษาอังกฤษอันดับแรกคือคือการส่ายตามองหา apps, gadget, eBook, software, โปรแกรม, mp3, คลิปวีดิโอ ฯลฯ ที่ดีกว่าเดิมและช่วยเราได้ โดยเราไม่ต้องออกแรงมากนัก

     ผมต้องย้อนกลับมาเบรคตัวเองอยู่บ่อย ๆ ว่า อย่าหลงทาง เพราะการเก่งภาษาต้องบังคับให้อวัยวะทำงาน คือ บังคับตาให้อ่านหรือดู, บังคับหูให้ฟัง, บังคับปากให้พูด, และบังคับมือให้เขียน แบบฝึกหัดหรือบทเรียน และทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ เทคโนโลยีก็เป็นเพียงสิ่งอำนวยความสะดวกเท่านั้นเอง แต่มันทำงานแทนเราไม่ได้ แม้จะเตือนตัวเองอย่างนี้ก็ยังเอาไม่ค่อยอยู่ เผลอไม่ได้เลยครับ

4)social media ทำให้ผมเสียเวลาที่ไม่น่าจะเสีย

social media ในที่นี้ คือ Facebook ซึ่งผมมีอยู่ 2 ลิงค์คือ

https://www.facebook.com/e4thai  มี Friend กว่า 5000

https://www.facebook.com/EnglishforThai   มี Fan กว่า 8,700

          แม้ผมจะไม่ได้คุยกับใครมากมายเหมือนที่คนอายุน้อย ๆ เขาคุยกัน แต่ผมก็ใช้ facebook เป็นตัวชี้วัดว่าบทความที่ผมเขียนลงเว็บ และนำมา post ลง facebook มีเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของท่านผู้อ่านมากน้อยเพียงใด โดยอ่าน Comments และดูจำนวน Like และ Shares ผมต้องยอมรับกับท่านผู้อ่านว่า ผมดูพวกนี้บ่อยเกินไป  และคิดไปถึงคนที่ตั้งใจฝึกภาษาอังกฤษผ่านเน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยรุ่น ถ้าต้องเสียเวลาไปกับการ chat และเช็กเรตติ้งมากเกินไป เขาคงมีเวลาน้อยเกินไป ในการฝึก

          โรคติดเน็ตและ ติด social media ที่ทำให้สมรรถภาพในการรียนภาษาอังกฤษของผมลดลงนี้ ท่านผู้อ่านเป็นบ้างหรือเปล่าครับ ถ้าเป็นท่านรักษาอย่างไร เขียนมาเล่าให้ฟังบ้างซีครับ

พิพัฒน์

This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

Google
Search WWW Search Blog e4thai Search www.e4thai.com