แชร์ประสบการณ์การฝึกลูกเรียนภาษาอังกฤษ
สวัสดีครับ
ข้อความข้างล่างนี้ คุณน่อย เขียนมาแชร์ประสบการณ์การฝึกลูกเรียนภาษาอังกฤษ ผมเห็นว่า เป็นประสบการณ์ที่ practical และทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับนิสัยหรือจริตการเรียนของตนเองหรือลูกหลานได้ จึงขอนำลงเล่าสู่กันฟัง แต่ผมขออนุญาตพูดจั่วหัวสักนิดนะครับ คือผมเห็นว่า วิธีฝึกภาษาอังกฤษที่ได้ผลมากที่สุดนั้น ต้องเหมาะสมกับ (1)พื้นฐาน (2)นิสัย และ(3)ทรัพยากรของผู้ฝึกแต่ละคน แต่การได้ฟังประสบการณ์ที่ได้ผลของคนอื่น มีประโยชน์แน่ ๆ เพราะเป็นวิธีที่ test มาแล้ว ขอเพียงปรับให้เหมาะกับตนเองเท่านั้น
เรียนพี่พิพัฒน์
จากที่ได้ติดตามเพจของพี่พิพัฒน์มาโดยตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และได้นำหลักการของพี่มาปฏิบัติ ทำให้ภาษาอังกฤษของผมและลูกชายค่อยๆดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ มาวันนี้เจ้าลูกชายสอบได้ที่สาธิตประสานมิตร (SPIP) เพื่อเข้าเรียนต่อ Year 7 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก่อนหน้านี้ 1 เดือน ได้ไปลองสอบ Pre-Test ที่โรงเรียนเดียวกัน น้องสามารถทำคะแนนได้เป็นอันดับ 1 เลยครับ
ผมขออนุญาตแชร์วิธีการเรียนภาษาอังกฤษของลูกในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันคือ ป 5 ดังนี้ครับ
1) เริ่มจาก Phonics: ใช้ของสำนักไหนก็ได้ครับ ที่ลูกใช้คือ Hooked on Phonics ตั้งแต่ระดับ Pre-K จนถึง 2nd Grade เนื้อหาจะเป็นการ์ตูน ทำให้เด็ก ๆ ชอบ หรือเข้า http://www.starfall.com/
2) Dolch Sight Words: คำศัพท์ที่มักจะเจอบ่อย หาได้บน App Store ทั้งของ Windows - Android – ios ข้อดีคือจะมีเสียงให้ฟังด้วยครับ
3) ดูการ์ตูน: ผมให้อิสระลูกเลือกครับ มี 2 ทาง เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ " ดูการ์ตูนเสียงภาษาอังกฤษ " กับ " ไม่ให้ดูการ์ตูน " โชคดีครับที่ลูกผมเลือกอย่างแรก
4) การ์ตูนควรเป็นหนังประเภทซีรีส์: เลือกให้เหมาะกับวัย ให้ลูกดูได้ต่อเนื่อง (เพื่อให้ติดนั่นแหละครับ)
5) ฝึกพูด: ให้มากที่สุดเท่าที่โอกาสจะอำนวย โดยเลียนเสียงจากหนังที่ดูมา
6) อ่านหนังสือวรรณกรรม: ไม่แนะนำให้อ่านไปเปิดดิกชันนารีไป เพราะทำให้ไม่สนุก แต่ถ้าจำเป็นต้องการรู้ความหมายของคำให้เลือกใช้ En-En dictionary ก่อนเป็นลำดับแรก ให้เลือกแบบที่ออกเสียงให้เราด้วย ถ้ายังไม่เข้าใจอีกค่อยเปิด En-Thai Dictionary เป็นลำดับสุดท้ายครับ แนะนำหนังสือของ Jeff Brown ( Flat Stanley ), Roald Dahl ( Charlie and the Chocolate Factory ), Rick Riordan ( Percy Jackson ), Jeff Kinney ( Wimpy Kid ) และอื่น ๆ ได้หมดถ้าสดชื่น
7) หนังสือบางเล่มจะมีการทำเป็นภาพยนตร์ด้วย: ผมจูงใจลูกโดยเมื่อลูกอ่านหนังสือจบ จะหาภาพยนตร์เรื่องนั้นมาเปิดให้ดูต่อครับ (กรณีที่น้องชอบดูหนัง)
8) ฟัง Audiobook: เริ่มจากเรื่องสั้นๆก่อน ไปจนถึงความยาวสัก 20 ชั่วโมงต่อเรื่อง ผมมักหาเอาจากหนังสือที่แนะนำในข้อ 6
9) การเรียนรู้ศัพท์ใหม่: ให้แต่งประโยคที่มีคำศัพท์นั้นร่วมอยู่ด้วย พร้อมวาดรูปที่เกี่ยวข้องกับประโยคนั้น ทำเป็นสมุดไว้เลยครับ
10) ฝึกแต่งประโยค: ลูกใช้ Essential Grammar in Use ของ Cambridge และ English for Everyone ของ DK
ทั้งหมดนั้นอยู่บนพื้นฐาน 3 ข้อคือ เรียนสนุก เรียนต่อเนื่อง และเรียนเนื้อหาที่เหมาะกับวัย และอย่างลืมแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นด้วย
ขอให้สนุกกับการฝึกภาษาอังกฤษครับ
น่อย
♠ Hooked on Phonics ไปที่นี่: → คลิก แต่ต้อง Register ก่อน:→ คลิก
♠ศูนย์หนังสือจุฬาฯ → คลิก
♠เว็บหนังสือ Amazon → คลิก
♠Essential Grammar in Use → คลิก