วิธีฝึกสนทนาภาษาอังกฤษ โดยการตอบหลากหลายคำถามที่ท่านอยากตอบ

 speaktoyoyrself

สวัสดีครับ

มี 3 เทคนิคง่าย ๆ ที่ครูฝรั่งในโรงเรียนสอนสนทนาภาษาอังกฤษมักใช้เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนพูดในห้อง คือ

  1. ถามคำถามให้ทั้งห้องตอบ
  2. ถามคำถามเจาะจงให้คนใดคนหนึ่งตอบ
  3. จับคู่หรือแบ่งกลุ่มผู้เรียน และให้สนทนาตามหัวข้อที่มอบให้

         สำหรับท่านซึ่งติดขัดหรือไม่สะดวกที่จะไปเรียนตามโรงเรียนเหล่านั้น  ก็สามารถใช้วิธีเดียวกันนี้ฝึกด้วยตัวเองก็ได้

ที่ลิงก์นี้ http://iteslj.org/questions/

มีหลากหลายหัวข้อ และหลากหลายคำถาม ให้ท่านเลือกตามที่ชอบ เพื่อฝึกสนทนาตอบ พูดคุย หรือถกเถียงเป็นภาษาอังกฤษ ท่านไม่ต้องกังวลว่า จะพูดถูกพูดผิด เพียงแค่ท่านพยายามฝึกพูดให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้  โดยไม่ต้องกลัวพูดผิด และโดยใช้ประโยคง่าย ๆ ศัพท์ง่าย ๆ

ในการฝึกแบบนี้ มีหลักอยู่ข้อเดียวที่ท่านต้องยึดให้มั่น คือ อย่ายอมแพ้ ไม่ว่าท่านจะ (1)คิดข้อความไม่ออกว่าจะพูดอะไร หรือ (2)คิดข้อความออกแต่แต่งเป็นภาษาอังกฤษไม่ออก ก็อย่ายอมแพ้เด็ดขาด  ให้พูดอะไรก็ได้ออกไป ถ้าพูดเป็นประโยคไม่ได้ก็ให้พูดเป็นวลี, ถ้าพูดเป็นวลีไม่ได้ก็ให้พูดเป็นคำ ๆ,  ถ้านึกคำศัพท์ไม่ออกก็ให้เปิดดิก หรือเลี่ยงไปใช้ศัพท์อื่นที่ท่านรู้จัก

และก็อย่างที่ผมเคยแนะแล้ว ให้ท่านฝึกอ่านภาษาอังกฤษอะไรก็ได้ที่ท่านชอบเป็นประจำ เพื่อให้ได้ศัพท์-สำนวน, และฝึกฟังเป็นประจำเพื่อให้ได้สำเนียง  และในการฝึกพูดด้วยตัวเองนี้  ท่านก็จะสามารถค่อย ๆ ดึงสำนวนและสำเนียงที่สะสมไว้นี้มาใช้พูดได้

เอาละครับ  ผมขอยกตัวอย่างที่บอกว่า ท่านฝึกพูดอะไรก็ได้ที่ง่าย ๆ ออกไป  ตามประโยคคำถามข้างล่างนี้ที่ผมดึงมาจาก  http://iteslj.org/questions/

ประโยคที่ 1:

Have you ever cut your hair really short? 

ท่านเคยตัดผมสั้นมาก ๆ ไหม?

ถ้าท่านเป็นผู้หญิง ท่านอาจจะฝึกพูดตอบโดยใช้ประโยคสั้น ๆ ศัพท์ง่าย ๆ อย่างเช่น

Yes, but I don’t like short hair.

I like long hair.

It’s more beautiful.

When I was young, teachers didn’t allow pupils to have long hair.

Now I can do what I like to do.

And I like long hair more than short hair.

ประโยคที่ 2:

Do you drink milk every day?

คุณดื่มนมทุกวันหรือเปล่า?

ท่านนึกอะไรได้ก็พูดออกไปเลยครับ ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะนี่เป็นการฝึก  ไม่ต้องกลัวผิด เช่น

Yes. I do. I  drink milk every day.   

It’s good for health.

I drink Nong Po milk every morning after breakfast.

My sister doesn’t like it.

She says it’s not delicious.

But I like it and I drink it every day.

Do you like it?  

ประโยคที่ 3:

How many people do you consider your "best friends?"

มีคนกี่คนที่ท่านถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด?

นี่เป็นคำถามที่พูดตอบได้ยาวทีเดียว แต่เราก็ตอบง่าย ๆ ไม่ต้องคิดมาก เช่น

I have several good friends.

Some are older, some are younger, some are   the same age.

They are good because they never hurt me.

They help me and I help them.

We help each other.

But I have only a few “best friends”.

Best friends mean we know each other,

we help each other,

we  tell each other our secrets,

and we love each other very much.

ประโยคที่ 4:

Why are you studying English?

ทำไมคุณจึงศึกษาภาษาอังกฤษ?

นี่ก็เหมือนกัน ตอนที่ท่านจะฝึกพูดตอบ  ท่านนึกอะไรได้ก็ฝึกพูดออกไปเถอะครับ ไม่ต้องคิดว่ามันต้องเป็นภาษาที่สละสลวยสวยงามถูกต้อง เช่น คำถามนี้ก็อาจจะพูดง่าย ๆ ว่า

I study English because I like it.

I want to speak English.

I want to have a Farang friend.

I want to read English newspapers,

read Bangkok Post. 

English is the world language.

I want to know the world, so  I must study English.

ประโยคที่ 5:

Do you get angry when politicians make promises they can't keep?

ท่านโกรธไหมเมื่อนักการเมืองให้สัญญาที่ทำไม่ได้?

นี่เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนมากขึ้น แต่ไม่ว่าเรื่องจะซับซ้อนมากแค่ไหน ถ้าท่านมีโอกาสคุยกับคนต่างชาติ ท่านก็สามารถคุยเรื่องซับซ้อนด้วยศัพท์สามัญ ซึ่งมันขึ้นอยู่กับการฝึก  อย่างภาษิตฝรั่งว่าไว้ Practice makes perfect. เช่นหัวข้อนี้  เราก็สามารถใช้ศัพท์ชั้นประถมพูดคุยได้  เช่นพูดง่าย ๆ ทำนองนี้

It’s normal.

Politicians want power.

They come and go.

They tell you they will do this.

They will do that.

But if they don’t do as they say, you must remember that.

When they tell you again,  do  not get angry, but  do not believe them.

    ที่ยกมาข้างบนนี้เป็นเพียงตัวอย่าง มันอาจจะไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีนัก  แต่เป็นตัวอย่างที่ผมต้องการบอกท่านว่า เมื่อท่านได้หัวข้อแล้ว ก็ฝึกพูดอะไรก็ได้ออกไปเป็นเสียงให้ตัวเองได้ยิน ถ้าฝึกพูดทุกวันไม่หยุด (พร้อมฝึกอ่าน +ฝึกฟัง) ทุกอย่างก็จะพัฒนาขึ้น แน่นอน

    ท่านผู้อ่านครับ ผมจำได้เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้วตอนที่ผมได้ทุนไปอบรมที่เยอรมันประมาณ 2 เดือน ในคอร์สนั้นมีคนหลายชาติจากเอเชียและแอฟริกา จำได้ว่าตัวเองพูดภาษาอังกฤษได้แย่มาก พอนึกจะพูดอะไรออกไปมันไม่สามารถพูดได้ทันทีโดยอัตโนมัติ ตามความรู้สึกในตอนนั้น  สิ่งที่จะพูดมันคล้าย ๆ เป็นเสลดติดอยู่ที่คอ  ต้องออกแรงขับให้พ้นคอออกจากปากไปให้ได้ และเมื่อพ้นปากออกไปแล้วก็เป็นภาษาที่ไม่สวยงาม ผิด ๆ ถูก ๆ ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง

       แต่ผมก็บอกตัวเองว่าจะไม่ยอมแพ้  จะพยายามจนถึงที่สุด มันจะเป็นเสลดหรือดอกพิกุลที่ออกไปจากปากก็ไม่เป็นไร เราพูดเพื่อสื่อสารให้คนรู้เรื่อง ไม่ได้พูดเพื่อแสดงสุนทรพจน์ให้คนฟังปรบมือ  และผมก็จบคอร์สนั้นกลับเมืองไทยด้วยความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษที่มากขึ้น

    ผมจึงอยากเชิญชวนให้ท่านที่ต้องฝึกพูดด้วยตัวเอง ใช้หัวข้อที่ลิงก์นี้ →http://iteslj.org/questions/  หรือลิงก์นี้ ฝึกพูดอย่างต่อเนื่องตามตัวอย่างที่ผมเล่ามานี้ 

    ทุกท่านทำได้แน่ ๆ ครับ เชื่อผมเถอะ ผมไม่โกหกท่านหรอกครับ

พิพัฒน์

https://www.facebook.com/En4Th
https://www.facebook.com/EnglishforThai