Google WWW Blog e4thai www.e4thai.com

การฝึกพูดภาษาอังกฤษกับ Bangkok Post Learning

 Bangkok Post  learning 222

สวัสดีครับ

          สิ่งที่ผมจะคุยด้วยต่อไปนี้ คือการบอกท่านผู้อ่านว่า ท่านสามารถฝึกพูดภาษาอังกฤษได้จากลิงก์นี้ของเว็บ นสพ. Bangkok Post

ซึ่งนับถึงวันนี้ (10 กพ. 59) มีข่าวง่าย ๆ ใน Database ของเขาประมาณ 120 ข่าว ให้ท่านฝึกพูดภาษาอังกฤษ อันที่จริงทุกข่าวท่านสามารถฝึกได้ทั้ง อ่าน-ฟัง-พูด-เขียน แต่ที่จะคุยวันนี้ ผมจะเน้นเรื่องการฝึกพูด

          แต่ก่อนที่จะคุยกันต่อไป มี 2 เรื่องแรกซึ่งเป็นความเข้าใจผิดที่ฝังหัวคนไทยมานาน  ถ้าไม่ขจัดให้สิ้นซากซะก่อน มันก็จะวนเวียนเป็นวิญญาณหลอกหลอนให้คนเรียนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้อยู่ร่ำไป

          ความเข้าใจผิดข้อที่ 1: ถ้าไม่มีครูสอน ไม่มีทางพูดได้

          ความเข้าใจผิดข้อที่ 2: ถ้าจะฝึกพูด ก็ต้องเน้นหนัก ๆ เรื่องพูดและฟัง ส่วนเรื่อง อ่านและเขียนไม่ต้องไปแตะต้องมัน

          ผมขอพูดสั้น ๆ เพื่อขจัดความเข้าใจผิด 2 ข้อนี้ก่อน

          ข้อที่ 1: ถ้าไม่มีครูสอน ไม่มีทางพูดได้

          เรื่องนี้ไม่จำเป็นหรอกครับ เพราะถ้าท่านเรียนผ่านเว็บไซต์ดี ๆ แม้ครูไม่มาแต่เสียงของครูก็มา และเมื่อตั้งใจเรียนก็ไม่ต่างจากมีครู  คนที่ไปเรียนและเจอครูในห้องซะอีก หากไม่ตั้งใจก็เหมือนไม่ได้เจอครู เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มันอยู่ที่ตั้งใจเรียนหรือไม่

          ข้อที่ 2: ถ้าจะฝึกพูด ก็ต้องเน้นหนัก ๆ เรื่องพูดและฟัง ส่วนเรื่องอ่านและเขียนไม่ต้องไปแตะต้องมัน

          ขอตอบสั้น ๆ อย่างนี้ครับ แม้เราฝึกพูดด้วยปาก แต่เราก็ต้องให้อวัยวะอีก 3 อย่างทำงานหนักพอ ๆ กับปากเพื่อเสริมแรงช่วยให้ปากพูดได้เร็ว คือให้หูฟังเพื่อจับสำเนียง ให้ตาอ่านเพื่อจับศัพท์และสำนวน ให้มือเขียนเพื่อเป็นผู้ช่วย  ถ้าตา-หู-มือขี้เกียจไม่ยอมช่วยทำอะไรเลย ปล่อยให้ปากฝึกตามลำพัง ปากก็คงพูดได้ช้ามาก จนไม่อยากฝึกพูดและเลิกฝึก

          เพราะฉะนั้น ขอให้ท่านมีความเชื่ออย่างมั่นคงว่า ท่านสามารถฝึกพูดให้เก่งได้โดยไม่ต้องมีครู โดยมีหู-ตา-มือ เป็นผู้ช่วยที่เข้มแข็ง

          เริ่มกันเลยนะครับ

[1] เข้าไปที่ลิงก์ซึ่งจะเป็นห้องเรียนฝึกพูด

http://www.bangkokpost.com/learning/really-easy

          ที่นี่ เขาจะนำข่าวปกติจาก Bangkok Post มาเขียนใหม่ให้ง่ายมาก ๆ คือใช้ศัพท์ง่าย, ใช้โครงสร้างประโยคที่ง่าย ๆ อีกทั้งเป็นข่าวสั้น ๆ , และข่าวที่คัดเลือกมาเขียนก็ไม่ซับซ้อน เพราะถ้าข่าวซึ่งมีเนื้อหายอกย้อนซับซ้อนมาก ๆ มันก็คงยากที่จะเขียนให้ง่าย

          เมื่อเข้าไปแล้วให้ท่านดูตั้งแต่บรรทัด ALL STORIES ลงมาเรื่อย ๆ ข่าวสุดท้ายของลิงก์นี้ [คลิก Last] โพสต์เมื่อ 12 Jun 2012 นับดูตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลาถึง 3 ปีครึ่งมีข่าวที่เขาเขียนเป็น really easy news แค่ประมาณ 120 ชิ้นเท่านั้นเอง  แสดงว่าการหาข่าวมาเขียนให้ง่ายไม่ใช่เรื่องง่าย  และเราก็จะฝึกพูดภาษาอังกฤษกับข่าวง่าย ๆ อย่างนี้แหละครับ

[2] คลิกเข้าไปดูข่าวชิ้นที่ท่านสนใจ

โดยที่บรรทัดล่างมีตัวเลขให้ท่านคลิกไปยังข่าวก่อนหน้านี้

 1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  Next Last

อันดับแรก ขอให้ท่านลองคลิกสัก 1  ข่าวที่ท่านสนใจ

ข่าวแต่ละชิ้นประกอบด้วยอะไรบ้าง ?

  1. พาดหัวข่าว หรือ headline
  2. ภาพข่าว
  3. ย่อหน้าหรือประโยคแนะนำเนื้อข่าว
  4. เนื้อข่าว – เมื่อวางเมาส์บนศัพท์ตัวดำ จะมี definition ภาษาอังกฤษ และคำแปลศัพท์เป็นภาษาไทยให้ดู
  5. ปุ่ม mp3 เพื่อคลิกฟังเสียงอ่านข่าว หรือดาวน์โหลดไฟล์
  6. List คำศัพท์สำคัญในข่าว ซึ่งมีทั้ง definition ภาษาอังกฤษ และคำแปลศัพท์เป็นภาษาไทย

บางข่าวอาจจะมีคลิปวีดิโอให้ดู

[3] วิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษกับข่าว

          เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้หลายท่านคงงงว่า แล้วจะให้ฝึกพูดภาษาอังกฤษยังไง? เพราะเท่าที่ดู ก็มีแต่เนื้อข่าวให้ฝึกอ่าน,  มีไฟล์ mp3 ให้ฝึกฟัง, มีศัพท์ให้ดู แล้วตรงไหนล่ะที่จะให้ฝึกพูด? ผมขออธิบายตรงนี้สักหน่อยดังนี้ครับ

         คือ พอพูดว่า  เราจะฝึกพูด หลายท่านก็จะวาดภาพในใจว่า จะต้องมีคนนั่งอยู่ข้างหน้าให้เราพูดด้วย  แต่นั่นคือการ “พูดคุย” ซึ่งมี 2 คนหรือหลายคนพูดโต้ตอบกัน แต่ยังมีการพูดคุยอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับคนฝึกพูดที่ไม่มีคู่สนทนา นั่นคือ การ “พูดเล่าเรื่อง” และในชีวิตจริงเมื่อเจอหน้าเพื่อนฝูง  เราก็พูดอยู่ 2 แบบนี่แหละครับ คือ พูดคุย สลับกันพูดทีละคำทีละประโยค กับพูดเล่าเรื่อง ซึ่งก็คือปล่อยให้คนใดคนหนึ่งพูดยาวหน่อยเป็นพิเศษ  โดยคนอื่นเป็นคนฟังไม่ต้องขัดจังหวะ

         และการฝึกพูดโดยใช้ really easy news ก็จะใช้วิธีพูดเล่าเรื่องแบบนี้แหละครับ

         ผมเชื่อว่า ท่านคงเห็นด้วยกับผมว่า ถ้าเราฝึกให้พูดเล่าเรื่องได้  ตอนเจอกับคนอื่นและต้อง “พูดคุย” เป็นภาษาอังกฤษ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

[4] วิธีฝึกพูดเล่าเรื่อง

          วิธีฝึกที่ผมจะคุยต่อไปนี้   ท่านไม่ต้องฝึกมากหรอกครับ แค่วันละ 1 ข่าวสั้น ๆ ก็พอแล้ว แต่ว่ามันมีขั้นตอนการฝึกหลายขั้นตอนหน่อย และวิธีที่ผมจะแนะนำต่อไปนี้ ท่านไม่จำเป็นต้องทำตามไปซะทุกอย่าง อาจจะปรับ ดัดแปลง สลับ  เพิ่ม ลด ตัด ทอน ตามที่ท่านเห็นสมควร แต่ว่าในขั้นตอนสุดท้ายขอให้ท่านสามารถ “พูดเล่าเรื่อง” ก็ถือว่าใช้ได้ครับ

วิธีฝึกพูดเล่าเรื่อง ที่ผมขอแนะ มีดังนี้ครับ

A: เลือกมา 1 ข่าวที่ท่านจะใช้ฝึก

B: อ่านเนื้อข่าวให้เข้าใจอย่างละเอียด

          คือให้เข้าใจทั้งศัพท์, โครงสร้างประโยค, การออกเสียงคำศัพท์,  และเนื่องจากเป็นข่าวที่ทั้งสั้นและง่าย จึงไม่น่ายากที่ท่านจะย่อยข่าวนี้  และขอร้องว่า ถ้ามีศัพท์ / วลี / สำนวน / ประโยคไหนที่ท่านไม่เข้าใจ ก็ให้พยายามสะสางจนเข้าใจลุล่วง  และเมื่อเข้าใจดีแล้ว  ก็ให้อ่านซ้ำอีกหลาย ๆ เที่ยว ยิ่งถ้าจำเนื้อข่าวได้ทุกคำยิ่งดี เพราะแต่ละข่าวก็สั้นนิดเดียว อ่านละเอียดลอออย่างตั้งใจสัก 10 เที่ยวก็ได้ครับ ซึ่งก็น่าจะใช้เวลาไม่นาน

         และเนื่องจากข่าวทั้งชิ้นก็มีอยู่ไม่กี่ประโยค  จะเป็นการดีถ้าท่านจะเขียนลงกระดาษว่าในข่าวนี้มีประเด็นอะไรบ้าง เช่น ทั้งข่าวมี 5 ประโยค, 1 ประโยค คือ 1 ประเด็น ก็ให้ท่านเขียน 5 ประเด็นนั้นลงกระดาษ โดยจะเขียนเป็นภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษก็ตามอัธยาศัย

         สรุปงานในข้อนี้ก็คือ อ่านให้เข้าใจทุกถ้อยคำ, อ่านหลาย ๆ เที่ยว (10 เที่ยว), จดทุกประเด็นของข่าวลงกระดาษ

C: คลิกฟังเสียงอ่านข่าว

           ให้ท่านคลิกฟังเสียงอ่านข่าวซึ่งก็ใช้เวลานิดเดียว (ไม่ถึง 1 นาที) แล้วก็ดูว่า ท่านฟังรู้เรื่องทุกคำหรือไม่ ในการฟังเที่ยวแรก ๆ ท่านอาจจะฟังพร้อมดูเนื้อข่าว  หลังจากที่ฟังรู้เรื่องทุกคำแล้วก็ฟังเฉย ๆ โดยไม่ต้องอ่านตาม ขอให้ท่านฟังหลาย ๆ เที่ยว เช่น สัก 20 เที่ยวก็ได้ และขอให้ตั้งใจฟังทุกเที่ยว ฟังให้ได้ยินชัดเจนถึงการออกเสียงคำศัพท์ของแต่ละคำ  ให้รู้ว่าแต่ละคำออกเสียงยังไง  และถ้ายังไม่เหนื่อยมากก็ให้สังเกตการลงเสียงหนักคำที่สำคัญในประโยค เช่น คำที่เป็นประธานหรือกริยา

          สรุป: ในขั้นตอนนี้ให้ฟังอย่างตั้งใจหลาย ๆ เที่ยว ให้เข้าใจทุกคำ ทุกประโยค รู้ว่าแต่ละคำออกเสียงยังไง

D: เล่าข่าวนี้เป็นภาษาอังกฤษ เหมือนกับนำไปพูดต่อให้เพื่อนฟัง

           หลังจากที่ให้ตาทำงาน(อ่าน), ให้หูทำงาน(ฟัง)อย่างเต็มที่แล้ว และให้มือทำงานนิดหน่อย โดยจดทุกประเด็นของข่าว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ปากจะต้องทำงานบ้างแล้ว

          งานของท่านในข้อนี้ก็คือ ให้เล่าข่าวนี้เป็นภาษาอังกฤษ เหมือนกับนำไปพูดต่อให้เพื่อนฟัง  ในการฝึกข้อนี้ขอให้ท่าน

  •  พยายามพูดโดยอย่าอ่านเนื้อข่าวบนจอคอมฯ   แต่ท่านสามารถดูโน๊ตที่ท่านสรุปประเด็นไว้
  •  ถ้าท่านจะ copy ถ้อยคำของข่าวที่จำได้มาพูดเล่า  ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
  •  ท่านจะพูดผิด ๆ ถูก ๆ ทั้งศัพท์และแกรมมาร์ พูดตะกุกตะกัก เรียงหน้าเรียงหลัง สัยสน มั่วไปหมด หรือพูดขาด ๆ เกิน ๆ ก็ไม่ผิดอะไร  ทำได้ตามสบายเลยครับ และเมื่อเล่าจบแล้วก็ให้เล่าเที่ยวใหม่ โดยพยายามเล่าให้ดีกว่าเที่ยวเดิม โดยอาจจะเขียนประเด็นที่จะพูดสักเล็กน้อยก่อนก็ได้, ทำอย่างนี้หลาย ๆ เที่ยว
  •  ท่านสามารถสลับการพูดด้วยการกลับไปอ่านหรือฟังอีกครั้งหรือหลายครั้งก็ได้ครับ  และก็กลับมาพูดใหม่   แต่ตอนที่พูดห้ามดูข้อความบนจอคอมฯนะครับ ให้พูดออกมาจากความจำ หรือการใช้ภาษาของท่านเอง ซึ่งมันจะถูกหรือผิดก็ไม่เป็นไร  หรือถ้าชักเริ่มคล่อง ท่านอาจจะพูดต่อเติมข้อมูลหรือเพิ่มความคิดเห็นเข้าไปในการพูดเล่าเรื่องของท่านก็ได้
  •  ในขั้นตอนการพูดนี้ ท่านจะสลับไปสลับมาหรือพลิกแพลงยังไงก็ได้ครับ แต่ขออย่างเดียว อย่าดูจอขณะพูด ให้พูดออกมาจากความจำหรือสำนวนของท่านเอง
  •  ทุกครั้งที่เกิดปัญหา เช่น นึกคำศัพท์ไม่ออก  นึกแต่งประโยคไม่ได้ ไม่แน่ใจการออกเสียงคำศัพท์  จำเนื้อเรื่องของข่าวไม่ได้  อนุญาตให้ท่านกลับไปอ่านหรือกลับไปฟัง จะอ่านหรือฟังกี่เที่ยวก็ได้ไม่จำกัด  แล้วกลับมาพูดเล่าใหม่ จากต้นจนจบเรื่อง

          การฝึกพูดเล่าเรื่องเช่นนี้เป็นการฝึกให้ปากทำงานอย่างเต็มที่ แต่ก็มีตา – หู – และมือ เป็นพี่เลี้ยงอย่างเต็มที่เช่นกัน และผมขอให้หลักประกันว่า แม้จะไม่มีครูขนาบอยู่ใกล้ ๆ ท่านก็ไม่ต้องกลัวหรอกครับว่าจะพูดผิด เพราะหูที่ท่านใช้ฟัง  และตาที่ท่านใช้อ่านนั้น แท้จริงแล้วนั่นแหละครับคือครูที่สุดยอดของท่าน และครู 2 ท่านนี้จะคอยกำกับไม่ให้ท่านพูดผิดทั้งเรื่องสำเนียงและศัพท์สำนวน หรือถ้าผิดก็น้อยมาก  

          ผมขอให้ท่านฝึกอย่างนี้แค่วันละ 1 ข่าวเท่านั้นแหละครับ แต่ฝึกหลาย ๆ เที่ยว คือ อ่านหลาย ๆ เที่ยว, ฟังหลาย ๆ เที่ยว, และก็พูดหลาย ๆ เที่ยว  สลับไปสลับมา โดยเน้นผลสุดท้ายว่า ท่านต้องสามารถพูดเล่าเรื่องข่าวที่ท่านเลือกฝึก

         ผมขอรับรองการฝึกแบบนี้ว่าได้ผล มันจะช่วยให้ท่านพูดภาษาอังกฤษได้โดยไม่ต้องมีครู ทั้งแบบพูดคุยและพูดเล่าเรื่อง ขอให้ท่านตั้งใจฝึกและมีศรัทธาในตัวเองเท่านั้น

         ผมมีศรัทธาในทุกท่านที่ตั้งใจครับ

 พิพัฒน์ 

 https://www.facebook.com/En4Th

Google
Search WWW Search Blog e4thai Search www.e4thai.com