คำแนะนำหน่วยงานซึ่งกำลังจะจ้างครู(ฝรั่ง)มาสอนพนักงานพูดภาษาอังกฤษ

 classengสวัสดีครับ

       ผมเห็นบางหน่วยงานต้องการให้พนักงานของตนพูดภาษาอังกฤษให้ได้บ้าง  หรือให้ได้ดีกว่าเดิม ทั้งนี้เพื่อเตรียมตัวสำหรับอนาคตซึ่งมีงานที่จะต้องติดด่อกับต่างชาติ อย่างน้อยก็เป็นพื้นฐานไว้บ้าง  หรือบางแห่งที่พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้อยู่บ้างแล้วก็อยากจะให้พูดได้ดีกว่าเดิม  กรณีนี้เป็นแผนของบริษัทซึ่งต้องการปรับปรุงทักษะการพูดภาษาอังกฤษของพนักงานประจำ

       อีกกรณีหนึ่ง หน่วยงานต้องการฝึกให้คนกลุ่มหนึ่งพูดภาษาอังกฤษพื้นฐานได้บ้าง  เช่น จะส่งคนกลุ่มนี้ไปดูงาน, ไปแข่งขัน, ไปไชว์ฝีมือ, ไปท่องเที่ยว หรือไปทำกิจกรรมอะไรสักอย่างหนึ่งช่วงสั้น ๆ ที่ต่างประเทศ และก็ต้องการให้คนที่เดินทางนี้พูดภาษาอังกฤษได้บ้าง อย่างน้อยก็สามารถพูดแนะนำตัว ทักทาย ซื้อของ  ถามทาง  คุยอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ กับคนที่ต้องไปเจอ ไม่ใช่ไปถึงที่โน่นก็เอาแต่จับกลุ่มกับคนไทยด้วยกันเอง และเมื่อถึงเวลาที่ต้องพูด ก็โยนให้คนที่พูดได้ซึ่งอาจจะมีอยู่เพียงคนสองคนเป็นตัวแทนพูดแทนคนทั้งกลุ่ม

       ไม่ว่าจะเป็นกรณีแรกหรือกรณีหลัง  หรือกรณีอย่างอื่นที่คล้าย ๆ กัน  หน่วยงานอาจจะจ้างครูไทยหรือครูฝรั่งมาสอนให้พนักงานหรือกลุ่มเป้าหมายที่จะเดินทาง  ให้สามารถพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง หรือได้ดีกว่าเดิม  อาจจะเป็นการจ้างครูมาสอนที่หน่วยงาน หรือส่งพนักงานไปรับการอบรมที่โรงเรียนสอนพูดภาษาอังกฤษ

       ท่านผู้อ่านครับ เรื่องที่ผมพูดมานี้น่าจะเป็นกรณีที่หลายแห่งทำกันอยู่แล้วเป็นปกติ  อาจจะจัดเป็นคอร์สสั้น ๆ  3 วัน 5 วัน 10 วัน อะไรทำนองนี้

       เรื่องอย่างนี้ผมเคยเห็นมาเยอะ  แต่ผมก็เห็นว่า มันมีอยู่แง่หนึ่งที่ทำให้การฝึกอบรมทำนองนี้ด้อยประสิทธิภาพไปอย่างน่าเสียดาย  น่าเสียดายจริง ๆ

       ก็คือว่า แผนกของหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ซึ่งอาจจะเป็นฝ่ายฝึกอบรม, ฝ่ายบุคลากร  หรือกองการเจ้าหน้าที่ จะไปจ้างหน่วยงานหรือวิทยากรที่รู้จักหรือมีชื่อเสียงว่าสอนเก่ง  สอนดี มารับผิดชอบการอบรมฝึกสนทนาภาษาอังกฤษ โดยบอกวัตถุประสงค์ว่าต้องการให้อาจารย์สอนพนักงานให้พูดในเรื่องนั้นเรื่องนี้  และก็โยนภาระในการฝึกพูดทั้งหมดให้อาจารย์ไปเลย

       อ้าว!   แล้วสิ่งที่ผมบอกว่าทำให้การฝึกอบรมทำนองนี้ด้อยประสิทธิภาพ  มันอยู่ตรงไหนล่ะ

       มันอยู่ตรงนี้ครับ !

       คือว่า เราอย่าไปคิดว่า อาจารย์ที่เขาสอนเรานั้น แม้เขาจะเก่งหรือเป็นฝรั่ง แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้วิเศษ และโดยทั่วไปนั้น เขาก็จะมีหลักสูตรมาตรฐานทั่วไปที่ใช้สอน  โดยไม่ว่าจะสอนใคร  ก็เอาหลักสูตรนี้แหละมาปรับเนื้อหานิด ๆ หน่อย ๆ ให้เข้ากับงานหรือภารกิจของผู้เรียน   แต่ส่วนใหญ่ก็เอาของเดิม

       แต่จุดสำคัญที่ผมต้องการจะบอกมันอยู่ตรงนี้แหละครับ คือว่า ในการสอนให้ประสบความสำเร็จนั้น  มันมีอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.วิธีการสอน และ 2.เนื้อหาที่สอน

       ในเรื่องวิธีการสอนนั้น สำหรับอาจารย์ที่เก่งและมีประสบการณ์การสอนมานาน   อาจจะไม่มีปัญหา เขารู้ว่าจะต้องใช้วิธีการอย่างไร ในการถ่ายทอดเนื้อหาให้ผู้เรียนรับไปได้มาก ๆ และเร็ว ๆ

       แต่เรื่องที่เป็นปัญหา คือเรื่องที่ 2 ครับ คือเรื่องเนื้อหา

       มันเป็นปัญหายังไง? อย่างเช่น ท่านจะอบรมพนักงานของท่านในหัวข้อ การสนทนาภาษาอังกฤษพื้นฐาน,  การสนทนาภาษาอังกฤษทั่วไป, การสนทนาภาษาอังกฤษเบื้องต้นในชีวิตประจำวัน หรือหัวข้ออื่น ๆ ในทำนองเดียวกันนี้ 

      ผมขอบอกว่า  ถ้าท่านหวังผลดีที่สุดให้เกิดขึ้นจากงบประมาณอันจำกัดที่ท่านจ่ายวิทยากร ท่านอย่าได้โยนภาระทั้งหมดให้วิทยากรเป็นผู้กำหนดเนื้อหา แต่ท่านต้องร่วมกับเขาในการกำหนดเนื้อหา ถ้าไม่อย่างนั้น พอเรียบจบแล้วจะกลายเป็นว่า สิ่งที่สอนไม่ได้ใช้, สิ่งที่ต้องใช้อย่างเจาะจงในงานกลับไม่ได้สอน, หรือสิ่งที่สอนและเอาไปใช้ได้ก็เป็นแต่เรื่องทั่ว ๆ ไป, ทั่ว ๆ ไปจริง ๆ

       ผมขอยกตัวอย่างให้เห็นชัด ๆ อีกสักนิดแล้วกันครับ  สมมุติว่า กลุ่มพนักงานที่ท่านต้องการฝึกอบรมให้พูดภาษาอังกฤษ เป็น...

(1)พนักงานนวดแผนโบราณที่นวดลูกค้าต่างชาติ

(2)พนักงานในร้านประเภท beauty salon ที่ทำหน้า, ทำผม, ทำเล็บ, ทำผิว

(3)เยาวชนที่ทำหน้าที่เป็นไกด์ท้องถิ่น แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แค่ 1 – 2 แห่งในย่านที่เขาอยู่

(4)กลุ่มเยาวชนนักดนตรีไทยที่โรงเรียนของท่านจะพาไปโชว์ที่ประเทศเมียนมา

(5)กลุ่มช่างไฟฟ้าในสถาบันฯของท่านซึ่งต้องอธิบายงานใน workshop ให้แก่ชาวต่างชาติซึ่งเดินทางมาดูงานบ่อย ๆ (สถาบันฯของท่านมีชื่อเสียงมาก หลายประเทศชอบขอมาดูงาน)

(6)ท่านได้รับมอบหมายจาก boss ให้ present งานเป็นภาษาอังกฤษบ่อย ๆ ในหลากหลายหัวข้อ แก่หลายหน่วยงานที่เดินทางมาประชุมหรือดูงานที่บริษัทของท่าน

       ท่านจะเห็นว่า เนื้อหาตามที่ยกตัวอย่างมานี้ ถ้าเป็นบริษัทใหญ่ ๆ มีเงินเยอะ อาจจะไม่มีปัญหาในการจัดฝึกอบรมโดยจ้างสถาบันสอนภาษาที่มีชื่อเสียง   แต่ถ้าท่านเป็นบริษัทเล็ก ๆ และงบฯน้อย จ้างได้แต่ครูไทยหรือครูฝรั่งระดับพื้น ๆ โดยค่าจ้างวิทยากรไม่แพง และถ้าท่านบอกสเป็กที่ต้องการ จะมีสักกี่คนครับที่ยอมรับสอนตามที่ท่านระบุเจาะจง

       ผมขอเสนอง่าย ๆ สั้น ๆ และคิดว่าน่าจะ practical ที่สุดอย่างนี้แล้วกันครับ  ขอให้ท่าน

(1)ปรึกษากับคนที่รู้เรื่องงานจริง ๆ เช่น พนักงานที่ต้องพูดภาษาอังกฤษกับลูกค้าต่างชาติ  ว่ามีหัวข้ออะไรบ้างที่ต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษ สมมุติว่ามีทั้งหมด 10 หัวข้อ

(2) ในแต่ละหัวข้อตามข้อ (1) นั้น ช่วยกันถกให้รอบคอบว่า มันมีประโยคอะไรบ้างที่จะต้องใช้พูด ผลของการถกเช่นนี้อาจจะออกมาว่า มันมีประโยคทั้งหมด 100 ประโยคที่ต้องใช้พูด และมีคำศัพท์เทคนิค  200 คำ   ที่ต้องเอาไปใช้ในการแต่ง 100 ประโยคนั้น รายการคำศัพท์และประโยคดังว่านี้  ท่านคิดออกมาเป็นภาษาไทยก็ได้ครับ

(3)นำ 10 หัวข้อ, 100 ประโยค, และ 200 คำศัพท์นี้ ไปปรึกหากับวิทยากรที่ท่านจะจ้างเขา   โดยบอกเขาว่า  เราต้องการให้เขาสอนพนักงานของเราให้พูดทั้งหมดนี้ให้ได้  สำหรับคำศัพท์เทคนิค(หรือวลี)  200 คำนี้ ท่านอาจจะต้องเหนื่อยช่วยเขาหา เพราะเขาอาจจะไม่รู้   

       ท่านผู้อ่านครับ ที่ผมแนะนำมาทั้งหมดนี้ เพราะที่ผมเคยเจอมา การฝึกอบรมมันด้อยประสิทธิภาพ ก็เพราะโยนภาระให้วิทยากรมากเกินไป และหน่วยงานผู้จ้างทำการบ้านน้อยเกินไป มันจึงเป็นการกำหนดเนื้อหาตามที่วิทยากรหรือฝ่ายบุคลากรมองเห็น   แต่อาจจะไม่ใช่เนื้อหาที่คนใช้ต้องใช้จริง ๆ

       ลองพิจารณาดูนะครับ อาจจะใช้ประโยชน์ได้ย้าง

พิพัฒน์

https://www.facebook.com/En4Th