วิธีฝึกภาษาอังกฤษในวันที่ขี้เกียจ – วันที่ไม่มีแรง, ไม่มีเวลา, ไม่มีอารมณ์จะฝึก

 lazyyyyสวัสดีครับ

ท่านผู้อ่านครับ ในแต่ละวันท่านมี “กิจวัตร” อะไรบ้างที่ท่านต้องทำทุกวัน ไม่ทำไม่ได้ ทุกคนก็มีกิจวัตรเช่นนี้ เช่น อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ขับถ่าย กินข้าว ออกจากบ้านไปทำงานหรือทำอยู่ที่บ้าน รดน้ำต้นไม้ ให้อาหารสุนัข กวาดบ้าน ล้างจาน ฯลฯ

และท่านคงเคยสังเกตว่า กิจวัตรพวกนี้บางวันเราก็ทำได้ดี มีใจจะทำ แต่บางวันเราก็ขี้เกียจทำ และในวันที่ขี้เกียจนั้น ถ้าเลี่ยงได้เราก็จะเลี่ยง ไม่ทำ เพราะมันขี้เกียจ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องจำใจทำทั้ง ๆ ที่ขี้เกียจ เช่นขี้เกียจกินก็ต้องกินเพราะมันหิว ขี้เกียจถ่ายก็ต้องถ่ายเพราะมันจะออก ตัวอย่างที่ยกมานี้อาจจะเกินไปสักหน่อย แต่ยกมาเพื่อให้ท่านเห็นชัด ๆ

แต่ถ้าเป็นกิจกรรมที่เลี่ยงได้ในวันที่เราขี้เกียจ เราก็อาจจะไม่ทำ ขอเลื่อนไปก่อน เช่น วันนี้ขี้เกียจกวาดบ้านก็อาจจะยกยอดไปกวาดพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ เป็นต้น

คราวนี้มาถึงเรื่องที่ผมต้องการจะถาม คือ ท่านถือว่าการฝึกภาษาอังกฤษเป็น “กิจวัตร” ประจำวันของท่านหรือเปล่า ถ้าเป็น, ผมขอถามว่า ในวันที่ขี้เกียจ – วันที่ไม่มีแรง, ไม่มีเวลา, ไม่มีอารมณ์จะฝึก, ท่านฝึกหรือเปล่า? หรือว่าท่านมักจะยกยอดไปฝึกวันถัดไป สัปดาห์ถัดไป เดือนถัดไป

ที่คุยมานี้ผมมิได้มีเจตนาจะตำหนิ เพราะความขี้เกียจเป็นอาการปกติ หรือ normal ของคนทั่วไป คนที่ไม่ขี้เกียจเลยคงมีน้อย และเราควรเรียกเขาว่าเป็นกลุ่ม special, ไม่ใช่เรียกเขาว่าเป็นพวก abnormal เพราะเขาต่างจากเราที่เป็นพวก normal

คำถามก็คือ พวกเราคนปกติในวันที่ขี้เกียจ เรางดทำกิจวัตรที่ตั้งไว้ หรือเราก็ยังทำมันทั้ง ๆ ที่ขี้เกียจทำ คำตอบก็คงเป็นว่า ถ้าขี้เกียจมากก็ทำน้อย ถ้าขี้เกียจน้อยก็ทำมาก

แต่ถ้าจะพูดกันอย่างถูกต้องแล้ว เราควรทำอย่างนี้ คือ กิจวัตรประจำวันอันสำคัญนั้น ถ้าขยันก็ทำ แต่ถ้าขี้เกียจก็ควรทำเช่นกัน ทำไปทั้ง ๆ ที่ขี้เกียจ ผมขออนุญาตยกตัวอย่างของตัวเองแล้วครับ ท่านอย่าว่าผมขี้โม้เลยนะครับ เพราะถ้ายกตัวอย่างของคนอื่น มันพูดไม่เต็มที่

ในกิจวัตรประจำวันเกี่ยวกับการออกกำลัง ผมมีเรื่องทำอยู่ 2 เรื่อง คือ (1)ออกกำลังกาย โดยการเดินเร็ว ๆ วันละ 1 ชั่วโมง และ (2)ออกกำลังใจ โดยการออกแรงสำรวมใจให้อยู่นิ่ง ๆ วันละประมาณ 10 นาที ที่เรียกว่านั่งสมาธินั่นแหละครับ แต่เรื่องของเรื่องก็คือว่า บ่อยมากที่ผมขี้เกียจ ไม่อยากจะออกกำลังอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือออกกำลังใจ

วิธีแก้ไขโดยไม่ต้องใช้ศิลปะของผมก็คือ ฝืนใจทำไปทั้ง ๆ ที่ขี้เกียจ อย่างเช่นตอนเย็นเมื่อถึงเวลาออกไปเดินออกกำลังกาย ผมก็ใส่รองเท้าผ้าใบออกไปเดิน เดินไปทั้ง ๆ ที่ขี้เกียจนั่นแหละ เดินไปอย่างเสียไม่ได้ ถ้าเดินเร็วไม่ได้ก็เดินช้าลากขาไปอย่างนั้นแหละ เดินไปให้ครบ 60 นาทีแล้วก็เลิกเดิน ส่วนเรื่องการออกกำลังใจโดยการนั่งสมาธิ อันนี้ยิ่งหนักข้อยิ่งกว่าการเดินเสียอีก เพราะบ่อยครั้งที่ทั้งขี้เกียจและง่วง ผมก็นั่งทั้ง ๆ ที่ขี้เกียจ แม้คนอื่นจะเรียกว่า “นั่งสมาธิ” แต่จริง ๆ แล้วเป็นการ “นั่งบังคับใจ” ซึ่งผมก็รู้ว่า แม้ผมจะบังคับใจให้เป็นสมาธิไม่ค่อยได้ แต่ผมก็จะบังคับกายให้นั่ง ทั้งหมดนี้ผมถือว่า กิจวัตรประจำวันอันใดที่ดีก็ควรทำ ทำไปแม้จะขี้เกียจ ทำให้เป็นนิสัยที่เคยชิน เพราะผมเชื่อว่า ปริมาณจะนำไปสู่คุณภาพ เพราะการที่เราจะทำได้ เราจะต้องได้ทำก่อน เมื่อได้ทำมากเท่าใด ก็จะค่อย ๆ ทำได้มากเท่านั้น แต่ถ้าไม่ได้ทำก็จะทำไม่ได้ นี่เป็นเหตุและผลง่าย ๆ ที่ทุกคนต้องยอมรับ

คราวนี้มาพูดถึงการฝึกภาษาอังกฤษในวันที่ขี้เกียจ – วันที่ไม่มีแรง, ไม่มีเวลา, ไม่มีอารมณ์จะฝึก เราจะฝึกกันอย่างไร ผมขอให้ความเห็นและเล่าประสบการณ์ส่วนตัว ดังนี้ครับ

[1] ทุกคนทราบอยู่แล้วว่า ภาษาอังกฤษนั้น มีอยู่ 4 ทักษะให้ฝึก คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน ผมมานั่งถามตัวเองว่า วันที่เราขี้เกียจสุด ๆ เราควรจะฝึกยังไงให้มันสอดคล้องกับความขี้เกียจ ก็ได้ข้อสรุปว่า การฝึกภาษาอังกฤษโดยการดูคลิปวีดิโอง่าย ๆ เหมาะที่สุดสำหรับเวลาที่ขี้เกียจและไม่ค่อยมีสมาธิในการฝึก เพราะเวลาที่ขี้เกียจสุด ๆ และไร้สมาธินั้น สมองคงจะปิดและจะให้ไปฝึกอ่าน-พูด-เขียน คงไม่มีแรงทำไหว

[2]คลิปที่จะเลือกมาเพื่อการฝึกฟังภาษาอังกฤษ เวลาที่เราขี้เกียจ ควรจะมีลักษณะ ดังนี้

  • -มีเนื้อหาที่เราชอบ สนใจ ไม่รังเกียจ หรือเป็นเรื่องที่เราพอรู้อยู่บ้าง
  • -เป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไปสำหรับเรา หรือไม่ยาวเกินไป
  • -ถ้ามี subtitle เป็นภาษาอังกฤษบนจอด้วยยิ่งดี ตอนดูคลิปถ้าเราต้องการก็อ่านได้ แต่ถ้าจะดูอย่างเดียวโดยไม่อ่านก็ทำได้เช่นกัน

[3] เพราะฉะนั้น ผมจึงขอแนะนำว่า ถ้าท่านเจอคลิปที่มีลักษณะตามข้อ [2] ให้ท่านทำ Favorites หรือ Bookmarks ไว้เลย และพอถึงเวลาที่จะฝึกภาษาอังกฤษอันเป็นกิจวัตรประจำวัน จะได้คลิกเข้าไปฝึกชมได้ทันที จะได้ไม่ต้องออกแรงหา เพราะเวลาที่ขี้เกียจเช่นนี้คงไม่มีแรงไปหา เพราะฉะนั้น ก็ให้ตุนไว้ตอนนี้เลย ตอนที่ขี้เกียจจะได้คลิกเข้าไปชมได้ทันที

[4] ขอให้ท่านคลิกฟังจนครบตามเวลาที่ตั้งใจไว้ เช่น ตั้งไว้ 30 นาทีก็ต้องฟังให้ครบ 30 นาที มันจะรู้เรื่องมากหรือน้อยก็ช่างมัน ขอให้ครบตามเวลาก็เป็นอันใช้ได้ แม้ฟังในครั้งแรก ๆ จะรู้เรื่องน้อย แต่ถ้าฟังไปบ่อย ๆ ทุกวัน ก็จะรู้เรื่องมากขึ้น ๆ เอง ดังที่บอกแล้วว่า ปริมาณนำไปสู่คุณภาพ

[5]ในเว็บ www.e4thai.com ในเมนูซ้ายมือของหน้า ที่ปุ่ม Watchingได้รวบรวมคลิปไว้มากพอสมควรให้ท่านเลือกคลิกชม ผมขอยกตัวอย่างสักเล็กน้อย ข้างล่างนี้

  1. AutoMagic English Speaking Lessons
  2. https://www.youtube.com/watch?v=lV1ikaNI0c8&list=PL03B1D8E42488C386
  3. https://www.youtube.com/watch?v=COofcJhuiW4&list=PL6DACA6F38EE2F1DD
  4. https://www.youtube.com/watch?v=vAi1JlMIQVM&list=PL63FB966A10363FAF
  5. https://www.youtube.com/watch?v=p73aCip8tg4&list=PLpCR8mo8DkOzwhhTg7aO1B1TzikBA4YGa

ท่านผู้อ่านครับ ผมขอชักชวนให้การฝึกดูคลิปภาษาอังกฤษเป็น 1 กิจวัตรประจำวันของท่านเถอะครับ และให้ท่านทำมันทุกวัน ทั้งวันที่ขี้เกียจและไม่ขี้เกียจ ผมขอรับรองว่า ผลดีที่ได้รับจากการฝึกนั้นคุ้มค่าครับ

พิพัฒน์

https://www.facebook.com/En4Th