การพูดให้เก่ง - ฝึกสำเนียง - อย่าทิ้งสำนวน
สวัสดีครับ
การพูดออกเสียงของคนเรา จากเด็กจนโตเป็นผู้ใหญ่ น่าจะมี step ดังนี้
1.พูดออกเสียงทีละคำ เริ่มต้นด้วยคำที่มีพยางค์เดียว หรือพูดเสียงสระ-เสียงพยัญชนะ ทีละเสียง
2.พูดออกเสียงทีละคำ โดยพัฒนาจากข้อแรก จากคำที่มีพยางค์เดียว เป็นคำที่มีหลายพยางค์
3.พูดทีละวลี, ทีละวรรค ไปจนถึงทีละประโยค
4.พูดคุย เล่าเรื่อง โต้ตอบ ได้หลาย ๆ ประโยค
คราวนี้สำหรับคนไทยเรา พอมีคนพูดขึ้นมาว่า จะหัดพูดภาษาอังกฤษ เราหมายถึงข้อไหน 1), 2), 3) หรือ 4)?
ผมว่าเราต้องยอมรับความจริงนะครับว่า ตอนที่เราอยู่ในโรงเรียน ถ้าเราฝึกพูดตามข้อ 1), 2), หรือ 3) มา “น้อยเกินไป” มันก็คงจะทำให้การพูดตามข้อ 4) คือ พูดคุย เล่าเรื่อง โต้ตอบ ได้หลาย ๆ ประโยค ติดต่อกัน ไม่ง่ายนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องออกเสียง หรือ pronounce ได้เหมือนฝรั่ง หรือ native speaker ไม่ครับ ไม่จำเป็นเลยครับ ไม่จำเป็นที่จะต้องพยายามจนหน้ามืดตามัวที่จะพูดให้มีสำเนียงเหมือนฝรั่งให้ได้ แต่อย่างน้อยก็ควรพูดให้คนชาติต่าง ๆ ที่เราสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ สามารถเข้าใจสำเนียงที่เราเปล่งออกไป ท่านก็เห็นแล้วนี่ครับว่า มีทั้งฝรั่งและญี่ปุ่นที่เป็นผู้ดำเนินรายการทีวีบางช่องในเมืองไทย เขาไม่ได้พูดด้วย Thai accent แต่เราก็ฟังเขาพูดรู้เรื่อง แถมยังชมเขาด้วยว่า พูดเก่งยังกะคนไทย ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ได้พูดสำเนียงไทย
การพูดให้รู้เรื่อง จะต้องใช้ทั้งสำเนียง และสำนวน ที่ฟังแล้วรู้เรื่อง ย้อนไปถึงผู้ดำเนินรายการทีวีที่ผมว่าเมื่อตะกี้ ท่านสังกตไหมครับว่า ในขณะที่ สำเนียงของเขามิได้เป็น Thai ชนิด perfect แต่ส่วนใหญ่เขาพูดสำนวนเป็นไทยเอามาก ๆ จนแทบไม่ต่างจากคนไทยเลย และเราก็เข้าใจสิ่งที่เขาพูดแบบ perfect ทีเดียว
ในเว็บนี้ ผมจึงได้พูดเน้นหลายครั้งว่า ถ้าเราพูดออกไปโดยใช้ศัพท์และสำนวนอย่างถูกต้อง (คือพูดง่าย ๆ นั่นแหละครับ ไม่ต้องใช้ศัพท์สูง – ไม่ต้องใช้ประโยคหรูหรา) เราก็จะสามารถทำให้คนที่เราพูดด้วย เข้าใจ-ประทับใจ-เห็นใจ-เห็นด้วย ฯลฯ
การใช้ศัพท์และสำนวนอย่างถูกต้อง จะได้มายังไง? สำหรับคนไทยโดยทั่วไป ที่ไม่มีโอกาสเรียนโรงเรียนอินเตอร์, ไม่ได้ไปเรียนเมืองนอก, ไม่ได้ไปเข้า summer camp ที่ต่างประเทศ, ไม่ได้มีแฟนเป็นฝรั่ง, และชาติที่แล้วก็ไม่ได้เกิดเป็นฝรั่งทำให้แม้พยายามระลึกชาติหนักขนาดไหนก็ไม่เจอ English vocab ตกค้างอยู่ใน brain database ถ้าท่านเป็นอย่างนี้ (ผมด้วยคนหนึ่ง) ทางเดียวที่จะช่วยได้ก็คือ อ่านเยอะ ๆ - ฟังเยอะ ๆ และสังเกตบวกจดจำ พอถึงเวลาที่จะพูด สิ่งที่ตุนไว้จากการอ่านและฟัง จะไหลผ่านสมองออกมาทางปาก และทำให้ท่านพูดได้เอง นี่เป็นประสบการณ์ส่วนตัว ที่น่าจะเป็นส่วนรวมได้ ผมเชื่อว่าอย่างนั้น
สรุปง่าย ๆ ก็คือ ถ้าท่านใดต้องการพูดให้มีสำเนียงที่ฟังรู้เรื่อง ต้องตุนสำนวนไว้ จากการอ่านและการฟัง เสมอ ๆ
เอาละคราวนี้มาพูดถึงเรื่องสำเนียง ที่ผมจั่วหัวไว้ตั้งแต่ต้น
ยุคนี้ การฝึกพูดสำเนียงอย่างถูกต้อง ทำได้สะดวกมาก เพียงแค่ท่านเข้าไปที่ www.YouTube.com และพิมพ์คำว่า English pronunciation หรือ ออกเสียงภาษาอังกฤษ
ก็จะมีคลิปวีดิโอมากมายให้ท่านศึกษาและฝึกฝน
หรือท่านจะไปที่รวมลิงค์นี้ที่เว็บ e4thai.com ก็ได้ครับ คลิก:Pronunciation
ที่พูดมาตั้งแต่ต้นจนถึงบรรทัดนี้เป็นไตเติ้ลครับ ซึ่งรู้สึกว่าจะยาวไปสักหน่อย แต่สิ่งที่ผมพยายามหามาฝากท่านโดยเจาะจงในวันนี้ก็คือ คำอธิบายที่เป็นภาษาไทยเกี่ยวกับ การออกเสียงภาษาอังกฤษ ซึ่งที่สมบูรณ์มีน้อยอย่างน่าประหลาดใจ ผมเจอเว็บเดียวเท่านั้น คือเว็บนี้ ซึ่งเขาอธิบายอย่างครบถ้วน ตั้งแต่ การออกเสียงเป็นพยางค์ เป็นคำ ๆ และเป็นประโยค ตามข้อ 1), 2) และ 3) ที่ผมพูดไว้ข้างต้น ท่านสามารถค่อย ๆ อ่าน, ค่อย ๆ ละเลียดทำความเข้าใจเรื่อย ๆ ไม่ต้องเร่งร้อน ครับ
การออกเสียงภาษาอังกฤษ โดย พล.ร.อ.ชุมศักดิ์ มัธยมจันทร์
http://www.navy.mi.th/dockyard/sara_engnew.htm
http://www.navy.mi.th/dockyard/knowledge.htm
ถ้าท่านใดเจอมากกว่านี้ช่วยบอกด้วยนะครับ
ขอแถม 4 ลิงค์ครับ
video การออกเสียงภาษาอังกฤษ อ.ปทุมพร วาดเขียน รร.สายน้ำทิพย์ (ฉบับเต็ม)
การออกเสียงภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใช้ภาษาไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาอังกฤษ
เว็บฝรั่งเรื่อง pronunciation ซึ่งรวบรวมไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ทีเดียว
พอหลุดจากเรื่อง การออกเสียง หรือ pronunciation แล้ว ก็เป็นเรื่องการพูด หรือ speaking ซึ่งท่านสามารถคลิกเข้าไปดูได้ที่ลิงค์ Speaking ของเว็บ e4thai.com นี่แหละครับ
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.