Google WWW Blog e4thai www.e4thai.com

เรียนภาษาอังกฤษ ตัว D-difficult มาก่อนตัว E-easy และตัว F-funny

def E

สวัสดีครับ

       ผมไม่ทราบว่า มีโรคนี้อยู่หรือเปล่า คือโรคกลัวภาษาอังกฤษ ถ้ามี คนไทยอาจจะเป็นกันไม่มาก  แต่ก็คงจะเป็นกันไม่น้อยแน่ ๆ

       ท่านอาจจะเถียงว่าไม่จริง อย่างคนรุ่นใหม่สนใจภาษาอังกฤษกันจะตาย อันนี้ผมก็ไม่เถียง สนใจนั้นสนใจอยู่หรอก แต่ก็สนใจแบบกลัว ๆ    ถ้าท่านเถียงว่าคนไทยไม่กลัวภาษาอังกฤษ  ยกตัวอย่างเช่น ครูคริสโตเฟอร์ ไรท์, ครูอดัม, ครูแอนดรูว์ บิกส์  เปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ หรือออกทีวีหรือออกคลิป มีคนเข้าไปเรียนเยอะแยะ

       ผมขอถามหน่อยเถอะครับว่า  ถ้าครูเหล่านี้พูดภาษาไทยไม่ได้เลยและฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องด้วย แกจะ popular เหมือนที่เป็นอยู่ไหม ผมรู้มาว่าฝรั่งที่เป็นครูสอนพูดภาษาอังกฤษในโรงเรียนสอนภาษา  หลายคนอยู่เมืองไทยมานานและพูดภาษาไทยได้ และตอนสอนก็ต้องมีภาษาไทยปนออกไปบ้าง ไม่อย่างนั้นคนไทยผู้เรียนไม่รู้เรื่อง หรือไม่พยายามให้มากพอที่จะรู้เรื่องเป็นภาษาอังกฤษ  หรืออย่างน้อยก็ไม่ชอบที่ฝรั่งพูดไทยได้แต่ไม่ยอมพูด

       นี่ไงครับที่ผมสรุปว่า คนไทยเป็นโรคกลัวหรือเกลียดภาษาอังกฤษ และโรคนี้แหละครับที่ทำให้คนไทยแย่เรื่องภาษาอังกฤษ  เมื่อจะเรียนภาษาอังกฤษกับฝรั่ง- ฝรั่งคนนั้นก็ต้องพูดภาษาไทยได้,  เมื่อจะเรียนภาษาอังกฤษผ่านเว็บ- เว็บนั้นก็ต้องอธิบายเป็นภาษาไทย

       ในเว็บ e4thai.com นี้ ผมทำลิงค์ 2 ลิงค์ นี้ ท่านดูสถิติก็จะเห็นอย่างที่ผมพูด

       สรุปอีกทีก็คือ ถ้าครูฝรั่งสอนภาษาอังกฤษแต่พูดไทยไม่ได้ คนไทยก็ไม่คบ และเว็บฝรั่งสอนภาษาอังกฤษ ต่อให้ดีปานใด คนไทยก็ไม่คบเช่นกัน

       และจุดนี้แหละครับที่ผมเห็นว่า ทำให้หลายประเทศในโลกนี้ต่างกัน เรื่องโอกาสในการพัฒนาทางการศึกษา  

       ถ้าเราเข้าไปดูรายชื่อของประเทศกำลังพัฒนา หรือ Developing country คลิก ซึ่งในอาเซียน 10 ประเทศนี้ มีเพียง 3 ประเทศที่ติดป้ายประเทศพัฒนาแล้ว คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย และบรูไน ส่วนอีก 7 ประเทศยังกำลังพัฒนาอยู่หรือด้อยพัฒนานั่นเอง ได้แก่ ไทย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, ลาว,กัมพูชา และ เมียนมาร์   ผมกำลังกังวลใจอยู่ว่า ใน 7 ประเทศนี้ ประเทศที่มีจำนวนคนซึ่งเป็นโรคกลัวภาษาอังกฤษมากที่สุดก็คือ ประเทศไทย หรือ Thailand นี่แหละครับ  และโรคนี้แหละ ที่จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไทยหรือประเทศไทย เดินไปข้างหน้าได้ช้ากว่าอีก 6 ประเทศในอาเซียนด้วยกัน

       ที่พูดมายืดยาวทั้งหมดนี้ เป็นการชักนำเข้าสู่บทเรียนครับ โดยบทเรียนในวันนี้ก็คือ ให้ทุกท่านที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ เข้าไปใช้ประโยชน์จากเว็บไซต์ภาษาอังกฤษบ้าง มันอ่านจะอ่านยาก ฟังยาก เข้าใจยาก ในตอนแรก แต่ถ้าเราลุยไม่เลิก ยากก็จะค่อย ๆ กลายเป็นง่าย

       ท่านคิดอย่างนี้แล้วกันครับ เมื่อเราเรียนภาษาอังกฤษ เราก็เปิด Dictionary ซึ่งตัว D (Difficult) มาก่อนตัว E (Easy) เราไม่ได้เปิดพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ซึ่งตัว ง (ง่าย) มาก่อน ตัว ย (ยาก)  เพราะฉะนั้น เมื่อเราเรียนภาษาอังกฤษกับเว็บฝรั่ง และเจออะไรที่มัน Difficult ก่อน มันก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ   เพราะบทเรียนที่เจอมันจะ  Difficult  ก่อน Easy เสมอ แต่มันจะ Difficult อยู่ไม่นานหรอกครับ เพราะตัว E มันตามหลังตัว D มาติด ๆ

       วันนี้วันหยุด วันเบา ๆ ผมขอนำบทเรียนจากเว็บฝรั่งมาฝากนิดหน่อยครับ

เว็บที่ 1: เขาให้เราคลิกฟังคำศัพท์ 1 คำ, และพิมพ์คำนั้นลงไป, เสร็จแล้วคลิกดูเฉลยว่าถูกไหม เว็บนี้ได้ฝึกฟัง, ฝึกพูดตาม, ฝึกพิมพ์สะกดคำ, และทบทวนศัพท์เก่า, รู้ศัพท์ใหม่, โดยมากเป็นคำพื้นฐานทั้งนั้นครับ

http://www.learnenglishfeelgood.com/listening/index.html

เว็บที่ 2: ยากขึ้นมาหน่อย ในแต่ละเรื่อง ลิงค์แรกให้เราคลิกฟังและอ่าน, ส่วนลิงค์ที่สอง ให้เราคลิกฟังและพิมพ์เติมคำในช่องว่าง (คลิก Play/pause), และคลิกดูคะแนนและเฉลย

http://www.agendaweb.org/listening/intermediate.html

http://www.agendaweb.org/listening/intermediate-2.html

http://www.agendaweb.org/listening/upperintermediate.html

http://www.agendaweb.org/listening/advanced.html

       ถ้าบทเรียนนี้ยังไม่ถูกใจ  ก็คลิกเข้าไปเลือกเองแล้วกันครับ มีอีกมากมายมหาศาล

ที่นี่: Top 100 English-Study Websites 

       อย่าลืมนะครับว่า  Difficult มาก่อน Easy แต่ Easy ก็ตามหลัง Difficult มาติด ๆ ขอเพียงเราลุยไม่เลิก เราก็จะเจอกับตัว E และตามด้วยตัว F คือ Fun หรือ Funny ที่เราบางคนไม่รู้สึกว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุก หรือ Funny ก็เพราะเราอยู่กับภาษาอังกฤษน้อยเกินไป  คืออยู่แค่ตัว D แต่ถ้าเราคลุกและขลุกอยู่กับมันไปเรื่อย ๆ เราก็จะค่อย ๆ เจอตัว E และตัว F มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ครับ

พิพัฒน์

This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

Google
Search WWW Search Blog e4thai Search www.e4thai.com