Articles
E-Book ส่งเสริมการอ่านภาษาอังกฤษ ระดับประถมศึกษา
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) การอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ
กลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ประกอบด้วย 7 ชุด มีเนื้อเรื่องชวนอ่านสนุกสนานตั้งแต่ระดับง่ายๆ จนขั้นสูง
ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการอ่านได้อย่างรวดเร็วขึ้น สร้างเสริมนิสัยรักการอ่าน
และสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการแสวงหาความรู้เพิ่มเติมในชีวิตประจำวันในระดับสูงต่อไป
ผู้จัดทำ
อาจารย์ลำดวน รอดสถิตย์
อีเมล์ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
โรงเรียนบ้านเนินไผ่ ต.วัดโคก อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
เนื้อหาหลัก
แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test)
เนื้อเรื่อง
คำศัพท์ (Vocabulary)
แบบฝึกเสริมทักษะ (Exercise)
แบบทดสอบหลังเรียน (Post-test)
เฉลยคำตอบ (Answer Key)
E-book ภาษาอังกฤษ 7 ชุด
1. Job, The Good Boy
2. Palm's Dream
3. John, The Bad Boy
4. The Big Black Swan
5. Going To The Sea
6. Paul's Family
7. Bob's Daily Routine
เข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์นี้:
https://sites.google.com/site/banrainarao/computer/ebook_english
กฎแห่งกรรม ที่หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน เล่าให้ฟัง (ภาษาไทย+อังกฤษ)
สวัสดีครับ
ผมเชื่อว่า กฎแห่งกรรม ซึ่งมีข้อความสั้น ๆ ว่า ทำดีได้ดี-ทำชั่วได้ชั่ว เป็นความจริงตลอดกาล ไม่ว่าใครจะเชื่อกฎนี้หรือไม่ก็ตาม กฎแห่งกรรมเป็นสัจจะสากลที่กำหนดวิถีชีวิตของคนทั้งโลก ไม่ว่าเขามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ในยุคปัจจุบัน เมื่อหลายพันปีที่แล้ว หรืออีกหลายหมื่นปีในอนาคต ไม่ว่าเขาจะเป็นชาวพุทธ หรือคนในประเทศใดก็ตามที่อาจไม่เคยได้ยินคำว่า Buddhism มาก่อนเลยในชีวิต
หลวงพ่อจรัญ และบุคคลใกล้ชิด ได้เล่าเรื่องราวของบุคคลและเหตุการณ์ที่แสดงวิถีแห่งกฎแห่งกรรมไว้ที่เว็บนี้
ภาษาไทย:
ดาวน์โหลด ebook
- กฎแห่งกรรม-ภาษาอังกฤษ-ไฟล์ pdf
- กฎแห่งกรรม-ภาษาไทย-ไฟล์ pdf
- กฎแห่งกรรม-ภาษาไทย-ไฟล์ doc
- ประวัติหลวงพ่อจรัญ-ภาษาไทย-ไฟล์ pdf
ฟังธรรม หลวงพ่อจรัญ
เว็บไซต์/ลิงค์
ดาวน์โหลดหนังสือ วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ของราม ฯ 4 เล่ม
สวัสดีครับ
เคยได้ยินมาว่า วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ของราม ฯ 4 เล่ม คือ
EN 101 ประโยคพื้นฐานและศัพท์จำเป็นในชีวิตประจำวัน
EN 102 ประโยคและศัพท์
EN 201 การอ่านเอาความ
EN 202 การอ่านตีความ
ทำให้นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงหลายคนเรียนไม่จบ บางคนติดตัวสุดท้ายอยู่ตัวเดียว สอบกี่ครั้งก็ไม่ผ่าน จนต้องรีไทร์หรือออกไปเรียนที่อื่น ไม่ happy ending ในการเรียน
ผมเองไม่ใช่เด็กรามฯ แต่เมื่อหยิบหนังสือข้างต้นมาดู สองเรื่องแรกที่สะดุดใจก็คือ
(1)หนังสือมีราคาถูกอย่างน่าสนใจมาก และ
(2)หนังสือมีหน้าตาไม่น่าสนใจเลย
แต่เมื่อมองลึกลงไปกว่าราคาและหน้าตาจึงได้เห็นว่า เนื้อหาของหนังสือเขียนได้อย่างน่าสนใจมาก แม้ว่าสไตล์การเขียนจะไม่ค่อยประคบประหงมคนอ่านมากสุด ๆ เหมือนตำราภาษาอังกฤษรุ่นใหม่ ๆ ก็ตาม
ผมนำหนังสือ 4 เล่มนี้มาให้ท่านผู้อ่านที่ไม่ใช่เด็กรามฯได้ดาวน์โหลดและสำรวจ ผมเชื่อว่าท่านจะได้รับประโยชน์จากหนังสือที่เรียบเรียงให้ผู้ใหญ่ได้ศึกษาด้วยตัวเองทั้งหมดนี้
เชิญครับ....
EN 101 ประโยคพื้นฐานและศัพท์จำเป็นในชีวิตประจำวัน - คลิก
EN 102 ประโยคและศัพท์ - คลิก
EN 201 การอ่านเอาความ - คลิก
EN 202 การอ่านตีความ - คลิก
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
พระทำกรรมฐาน กับ เราเรียนภาษาอังกฤษ ไม่ต่างกันเลยครับ !!
สวัสดีครับ
ท่านผู้อ่านลองดู 2 รูปข้างล่างนี้นะครับ
*
ท่านเห็นอะไรครับ?
รูปซ้ายคือหลวงพ่อกำลังนั่งทำสมาธิในกุฏิที่วัด ส่วนรูปขวาเป็นหญิงสาวกำลังเปิดหนังสือศึกษาภาษาอังกฤษ ดูแล้ว 2 คนนี้อยู่คนละโลก ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันเลย และทำกิจกรรม 2 อย่างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง !!
แต่ความจริงอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เห็น และผมกำลังจะพูดสิ่งที่ผมเห็น ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
ขอเริ่มที่รูปซ้ายคือหลวงพ่อก่อน ท่านกำลังนั่งสมาธิ ตามปกติถ้าเป็นศัพท์เทคนิคจริง ๆ จะใช้คำว่าทำกรรมฐาน ทำกรรมฐานคือทำอะไร? ตาม พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน บอกว่า กรรมฐาน คือ ที่ตั้งแห่งการงาน หมายเอาอุบาย ทางใจ มี 2 ประการ คือ สมถกรรมฐาน เป็นอุบายสงบใจ และ วิปัสสนา กรรมฐาน เป็นอุบายเรืองปัญญา อ่านจบแล้วยิ่งงงกว่าเก่า ตกลงว่าหลวงพ่อท่านนั่งทำอะไรกันแน่?
ท่านผู้อ่านคงได้ยินชื่อหลวงพ่อดัง ๆ ที่พวกเราชาวไทยเคารพนับถือว่า เป็นผู้นำชาวพุทธทางด้านจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่มั่น หลวงพ่อชา หรืออาจารย์พุทธทาส เป็นต้น ก่อนที่ท่านจะรู้ธรรมและนำธรรมที่ท่านรู้มาสั่งสอนพวกเราชาวพุทธและชาวโลก ทุกท่านล้วนผ่านกิจกรรมที่เรียกว่า นั่งกรรมฐาน มาแล้วทั้งนั้น
ท่านลองสมมุติตัวเองตามที่ผมกำลังจะว่าให้ฟังต่อไปนี้ก็ได้ครับ ท่านไปที่วัดป่าแห่งหนึ่ง ปูเสื่อเล็ก ๆ ที่ใต้ร่มไม้ต้นหนึ่ง นั่งขัดตะหมาดหลับตาทำความรู้สึกตามลมหายใจเข้า-ออก หายใจเข้านึกว่า “พุท” หายใจออกนึกว่า “โธ” ให้ความรู้สึกทั้งหมดตามจับอยู่ที่ลมหายใจ ทำต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จนใจสงบมากขึ้น ๆ ไปตามลำดับ... เป็นไงครับ เรื่องเล่าทำนองนี้คุ้นเคยบ้างไหมครับ
คำถามของผมก็คือ พอสงบเสร็จแล้วยังไงต่อล่ะ แล้วมันต่างอะไรกับการทำตัวให้เป็นท่อนหิน? ไม่ต่างกันเลยใช่ไหมครับ !!
เพราะจริง ๆ แล้วขณะที่กำลังตามลมหายใจเพื่อให้ใจมันเชื่องและสงบนั้น ใจคนเรามันจะพยศและไม่ยอมเชื่องง่าย ๆ ก่อนที่จะบวชเป็นพระหลวงพ่อท่านก็เป็นชาวบ้านธรรมดานี่แหละครับ และเมื่อนั่งทำสมาธิข้อมูลที่สะสมใน database สมองของท่าน จะโผล่ออกมารบกวน หรือ interfere ทำให้ใจท่านไม่สงบง่าย ๆ
ท่านกลับขึ้นไปอ่าน definition ของคำว่า กรรมฐานอีกครั้งซีครับ
กรรมฐาน คือ ที่ตั้งแห่งการงาน หมายเอาอุบาย ทางใจ มี 2 ประการ คือ
-สมถกรรมฐาน เป็นอุบายสงบใจ และ
-วิปัสสนา กรรมฐาน เป็นอุบายเรืองปัญญา
ตอนที่ท่านตามลมหายใจเพื่อทำให้ใจสงบหรือนิ่ง นี่เรียกว่า ทำสมถกรรมฐาน แต่ถ้าใจมันไม่ยอมสงบ ไม่ยอมเชื่อง ไม่ยอมนิ่ง ท่านจะทำยังไงต่อไป? ท่านก็ต้องทำตัวที่ 2 คือ วิปัสสนา กรรมฐาน เป็นอุบายเรืองปัญญา ทำยังไงล่ะ?
ถ้าท่านผู้อ่านศึกษาประวัติของพระอาจารย์ดัง ๆ ก็จะพบว่า ชีวิตตอนเป็นชาวบ้านของท่านก็ไม่แตกต่างจากคนทั่วไป หลายท่านเคยอกหัก มีเมียมาแล้ว บางท่านเคยเป็นโจรมาด้วยซ้ำ และมิหนำซ้ำหลายท่านถูกสีกาย่องเข้าไปหาในกุฏิตอนบวชเป็นพระแล้ว (ประวัติพวกนี้ไม่ค่อยมีการบันทึกแต่เล่าต่อ ๆ กันในกลุ่มลูกศิษย์ใกล้ชิด) และตอนที่ท่านทำสมาธิเหตุการณ์ในอดีตเหล่านี้ ที่ก่อให้เกิดความรัก ความชัง ความกลัว ความลังเลสงสัย ความท้อแท้หดหู่ เศร้าหมอง นานาประการ ก็จะเข้ามาแจมใจของท่านให้เป็นคลื่นที่ไม่สงบ บางท่านถึงกับเห็นภาพแปลก ๆ เช่น เห็นเทพองค์นั้นองค์นี้ หรือเห็นนางฟ้า เทวดา เห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็นสถานที่สวย ๆ ที่ไม่เคยไป หรือแม้แต่เห็นตัวเลข
วิธีที่ท่านแก้ไขปัญหาเหล่านี้ก็คือ ใช้ใจที่สงบหรือนิ่งอยู่บ้างนี้ มองดูความรู้สึกนึกคิดที่เป็นภาพเหล่านี้ที่เกิดขึ้นในใจ ท่านอาจจะถามว่า มองทำไม? คำตอบก็คือ มองเพื่อให้รู้ว่า แม้ว่าท่านจะเห็นจริง แต่สิ่งที่ท่านเห็นไม่ใช่ของจริง ถ้าเรารักษาใจให้สงบ ไม่ไปวี้ดว้ายกระตู้วู้กับมัน ความไม่สงบก็จะอยู่กับเราไม่นานนัก เดี๋ยวมันก็ไป พระท่านเรียกเทคนิคนี้ว่า “รู้แล้วละ- ปล่อยวาง-ไม่ยึดมั่นถือมั่น” และนี่คือความหมายของ “วิปัสสนา กรรมฐาน - อุบายเรืองปัญญา” พระที่ผ่านการปฏิบัติจนรู้แจ้งเห็นจริงเรื่องในใจเช่นนี้ ก็จะมาบอกเล่า(เทศน์)ประสบการณ์ของท่านเพื่อเป็นกำลังใจให้ชาวบ้านได้ปฏิบัติเพื่อรู้เองเห็นเองบ้าง เพื่อนำไปสู่ชีวิตที่สงบและไร้ทุกข์ในใจ
ถามว่า พระท่านที่ทำกรรมฐานเหล่านี้เจอปัญหาในการปฏิบัติบ้างไหม? เท่าที่ได้ยินได้อ่านทำให้ทราบว่า บางรูปก็เจอปัญหา เช่น
-ไม่จริงจังที่จะปฏิบัติสมถรรมฐาน ใจจึงไม่รู้จักสงบ
-จะปฏิบัติแต่สมถกรรมฐานอย่างเดียว มุ่งแต่จะบีบให้ใจสงบ ท่าน start การนั่งด้วยความอยากอย่างเปี่ยมล้นให้ใจสงบ เมื่อไม่สงบดังใจก็เครียด ยิ่งนั่งยิ่งเครียด แทนที่จะยิ่งนั่งยิ่งคลาย
-แต่ถ้าท่านรู้จักใช้ใจที่นิ่งอยู่บ้าง สำรวมจิตดูภาพหรือคลื่นที่เกิดขึ้นในใจ และปล่อยสิ่งที่เห็นให้มันสลายไปเอง (let it be) ท่านก็จะได้ใจที่นิ่งและเบาจากการปฏิบัติ
-แต่บางรูปก็ไม่สนใจที่จะนั่งสมาธิให้ใจสงบเลย ถือหลักว่า เมื่อเกิดความรู้สึกนึกคิดหรือนิวรณ์ในใจก็จะมองดูจนมันดับไป และบอกตัวเองว่า นี่คือการปฏิบัติ วิปัสสนา กรรมฐาน คือ มองให้รู้-ดูให้เห็น แต่เรื่องของเรื่องก็คือว่า ถ้าพื้นฐานใจของท่านไม่สงบมากพอ ท่านก็จะมองไม่ค่อยเห็นหรอกครับ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในใจเป็นนามธรรม ไม่เหมือนสิ่งของที่วางใส่มือใช้ตาเนื้อมองเห็นได้ง่าย แต่สิ่งของที่วางอยู่ในใจถ้าตาในไม่นิ่งก็มองเห็นยากครับ เมื่อไม่เห็นท่านก็ละมันไม่ได้ ใจของท่านก็เบาได้ยาก
ท่านอาจจะสงสัยว่า ผมนำเรื่องนี้มาเล่าทำไม?
ในฐานะ webmaster ของ e4thai.com ผมสังเกตว่า ปัญหาของเราซึ่งนั่งเรียนภาษาอังกฤษที่บ้าน ไม่ต่างจากปัญหาของพระที่นั่งทำกรรมฐานในกุฏิเลย ไม่ต่างยังไง ? ผมขอว่าไปทีละเรื่อง
1.ไม่ค่อยมีสมาธิในการรียน:
เราไม่สามารถนำความรู้สึกทั้งหมดให้จับอยู่ที่ตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่กำลังอ่าน หรือเสียงภาษาอังกฤษที่กำลังฟัง เมื่อฟังหรืออ่านด้วยจิตใจที่กระเจิดกระเจิงเช่นนี้ ต่อให้อ่านนานหรือฟังนาน ก็ได้แต่ปริมาณแต่ไม่มีคุณภาพ เหมือนพระที่นั่งทำสมาธิแต่เพียงท่าทางแต่ใจไปเที่ยว จึงเป็นการนั่งที่เสียเที่ยว
2.ไม่รู้จักเลือก “สัปปายะ”:
สำหรับพระที่ทำกรรมฐาน ครูบาอาจารย์จะสอนให้รู้จักเลือกสถานที่ที่เอื้อต่อการทำกรรมฐาน เช่น ไม่มีเสียงอึกทึก จอแจจ้อกแจ้ก และมีกลุ่มเพื่อนพระภิกษุที่มีความเพียรด้วยกัน เป็นต้น คนที่จะฝึกภาษาอังกฤษก็ต้องรู้จักเลือก “สัปปายะ” ที่เอื้ออำนวยต่อการฝึกภาษาอังกฤษเช่นเดียวกัน เช่น เรียนที่ไหน เรียนกับใครหรือใกล้ใคร(หรือควรจะไกลใคร) เรียนยังไง เหล่านี้ต้องรู้จักเลือกครับ
3.มีสมาธิ แต่ไม่มีวิปัสสนา ก็พาไปไม่ไกล
ตอนที่เรานั่งลงที่โต๊ะเพื่อฝึกอ่านหรือฝึกฟังภาษาอังกฤษ สำหรับหลายท่านที่ใจไม่พร้อม มันจะมี “มาร”มากมายเข้ามารบกวนจิตใจทำให้เราไม่อยากเรียน มารพวกนี้ภาษาพระท่านเรียกว่า “นิวรณ์” เช่น ขี้เกียจ, เซ็ง, เบื่อ, ท้อแท้, หงุดหงิด, ใจฟุ้งซ่านไม่อยู่กับบทเรียน, ง่วง, อยากผลัดไปทำย่างอื่นก่อน, ใจร้อนอยากรู้เรื่องเร็ว เมื่อเร็วไม่ได้ก็เลยไม่เรียน, อายที่จะฝึกพูดให้คนอื่นได้ยิน และขี้เกียจที่จะฝึกพูดคนเดียวให้ตัวเองได้ยิน เป็นต้น
เมื่อ start ด้วยการนั่งลงเรียนด้วยความตั้งใจ แต่พอมารพวกนี้ปรากฏตัวก็เสียศูนย์และสูญเสียจิตใจใฝ่เรียนอย่างรวดเร็ว ผมอยากจะบอกว่า ท่านอย่าเสียเวลาไปกับการขับไล่มารเลยครับ เพราะมารพวกนี้มันก็คือตัวตนของเราเองในอดีต มันคือตัวตนที่ราสร้างขึ้นมาเอง อาจจะในชาตินี้ที่เราจำได้หรือลืมไปแล้ว หรือในชาติก่อนที่เราระลึกไม่ได้ เมื่อมารมาก็อย่าไปไล่มัน เพียงแต่ไม่สนใจและมันก็จะไปของมันเอง โดยเราไม่ต้องไปสนใจมัน เมื่อมันเรียกก็เพียงได้ยินแต่ไม่ต้องขานตอบ และไม่ต้องไปขุ่นเคืองมันด้วย นี่คือการใช้กรรมฐาน คือ สมาธิพร้อมวิปัสสนา ในการเรียนภาษาอังกฤษ คือเรียนด้วยใจที่นิ่ง รู้และละสิ่งที่เข้ามารบกวนจิตใจ โดยไม่ต้องไปขับไล่มัน
สิ่งที่ผมพูดมาจนถึงบรรทัดนี้ ถ้าท่านมีความคิดว่าทำไม่ได้ ผมก็ขอบอกว่า ท่านก็ไม่ต้องสนใจความคิดนี้ของตัวเองหรอกครับ ความคิดนี้เกิดขึ้นจริง ท่านเห็นมันจริง ๆ แต่มันไม่ใช่ของจริง เมื่อมันไม่ใช่ของจริง ท่านเพียงรับรู้ว่ามันเป็นความคิดลวง ๆ และก็ไม่ต้องไปใส่ใจ
ด้วยใจที่นิ่งพร้อมที่จะเรียน ตื่นตัวเพื่อรู้และละความรู้สึกนึกคิดหลอกลวงที่เกิดขึ้น และพยายามเรียนอย่างไม่ลดละ ท่านก็จะประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษ เหมือนพระคุณเจ้าประสบความสำเร็จในการทำกรรมฐานนั่นแหละครับ
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
การเขียนหนังสือราชการภาษาอังกฤษ
ชุดฝึกอบรมทางไกล |
A Distance Training Package |
รองศาสตราจารย์ ดร. จรัสวัฒน์ ไตรรัตน์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ตอนที่ 1
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับหนังสือราชการภาษาอังกฤษ
ตอนที่ 2
หลักการเขียนและการใช้ภาษาในหนังสือราชการภาษาอังกฤษ
ตอนที่ 3
การเขียนหนังสือราชการภาษาอังกฤษเพื่อจุดประสงค์ต่างๆ
http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/oce/index.html
เชิญครับ....
วัตถุประสงค์ของชุดฝึกอบรม: Aims
เนื้อหา: Content เข้าไปแล้วคลิกที่
แบบฝึกหัด: Activities