Articles
นำศัพท์มาฝาก ให้คลิกทบทวนดูเล่น ๆ สนุุก ๆ ครับ
นำศัพท์มาฝาก ให้คลิกทบทวนดูเล่น ๆ สนุุก ๆ ครับ
http://www.pnu.ac.th/webpnu/file_academic/files/vocabulary.pdf
จำภาษาโต้ตอบจาก story – จำภาษาเล่าเรื่องจาก news
สวัสดีครับ
หลายท่านที่ฟิตภาษาอังกฤษ ได้ตั้งเป้าว่าต้องพูดภาษาอังกฤษให้ได้ ในเว็บนี้ได้รวบรวมแหล่งการฝึกพูดไว้ที่ลิงค์นี้:[Speaking] หรือท่านที่เริ่มต้นฝึก จะไปที่นี่ก็ได้ครับ:[ฝึก ฟัง – พูด ภาษาอังกฤษ ทีละคำ ทีละประโยค ]
โดยทั่วไป คนที่รับภาษาอังกฤษไว้เยอะจากการอ่านและฟัง พอถึงเวลาที่จะนำออกใช้โดยการเขียนและพูด ก็มักไม่ยากนัก เพราะได้สะสมวัตถุดิบไว้เยอะแล้ว
และโดยทั่วไปเมื่อเราพูด ก็พูดอยู่ 2 แบบ คือ
- สองฝ่ายพูดโต้ตอบกัน หรือ dialogue
- พูดอยู่ฝ่ายเดียวนานสักหน่อย เรียกว่า เล่าเรื่อง
เฉพาะในเรื่องของการอ่าน เพื่อใช้ประโยชน์ในการพูด ผมมีความเห็น ดังนี้
- การอ่านนิยาย หรือ story ซึ่งมีบทสนทนาเยอะ เราจะได้เห็น style การพูดจา ซึ่งเราสามารถจดจำมาใช้พูดโต้ตอบได้
- การอ่านข่าว หรือ news ซึ่งเป็นการนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว มารายงานหรือเล่าต่อ จะช่วยให้เราเห็น style การเล่าเรื่อง ซึ่งเราสามารถจดจำมาใช้พูดเล่าเรื่องราว ขณะที่สนทนาได้
การเล่าเรื่องใน style ข่าว เป็นสิ่งที่น่าใส่ใจศึกษา เพื่อนำมาปรับใช้ในการเล่าเรื่องเมื่อเราพูดสนทนา เพราะอะไรหรือครับ? ก็เพราะการรายงานข่าว ต้องเขียนให้ชัดเจน เขียนเรื่องยาวให้สามารถจบสั้น ๆ, เขียนเรื่องซับซ้อนยอกย้อนให้เข้าใจง่าย ๆ, เขียนเรื่องเทคนิคโดยใช้ศัพท์ชาวบ้าน นี่คือเสน่ห์ของการเล่าเรื่องแบบสไตล์ข่าว
แต่เมื่อท่านอ่านข่าว เช่นจาก หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ท่านจะสังเกตได้ว่า เขาจะเขียนเป็นย่อหน้าสั้น ๆ โดยใน 1 ย่อหน้าจะมีใจความหลักเพียงใจความเดียว และตาม format การเขียนข่าวตามทฤษฎี เขาก็มักจะแจ้งว่าเนื้อหาในแต่ละย่อหน้า ใครเป็นคนพูดหรือให้ข่าว อย่างเช่น ข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดข่าวนี้ จะมีการแจ้งแหล่งข่าวแทบทุกย่อหน้า คลิกดู
แต่ทุกวันนี้ก็มีหลายสำนักข่าว ที่เขียนข่าวออกในแนวเล่าข่าว คือนำข่าวมาเล่า, โดยไม่ต้องแจ้งแหล่งข่าวทุกย่อหน้า, และแทรกข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้คนอ่านเข้าใจข่าวได้ง่ายขึ้น
ข่าวลักษณะนี้ ที่ผมขอแนะนำเป็นพิเศษ มี 2 เว็บ คือ
เว็บที่ 1: Bangkok Post Learning
แต่ละข่าว มีให้ทั้งอ่านและฟัง, และที่ท้ายข่าว มีคำศัพท์พร้อมความหมายภาษาอังกฤษ และคำแปลไทยให้ไว้ด้วย
http://www.bangkokpost.com/learning/
- ระดับง่ายสุด:Really easy news
- ระดับกลาง:Easy news
- ระดับยากสุด:Learning from news
- รวมข่าว จาก Bangkok Post Learning จากล่าสุดย้อนไปในรอบ 1 เดือน คลิก
เว็บที่ 2: Learning English VOA News
ข่าวสำนักนี้มีเอกลักษณ์พิเศษ คือ ใช้ศัพท์เพียงแค่ 1,500 คำ, มีให้ทั้งอ่านและฟัง, และที่ท้ายข่าว มีคำศัพท์พร้อมความหมายภาษาอังกฤษให้ดู
ที่เว็บนี้: http://learningenglish.voanews.com/
แบ่งออกเป็น 3 level ง่ายไปยาก ให้เราเลือกคลิกศึกษา
- ระดับง่ายสุด:Level One
- ระดับกลาง:Level Two
- ระดับยากสุด:Level Three
- รวมข่าว จาก Learning English VOA News เกี่ยวกับประเทศไทย จากล่าสุดย้อนไปในอดีต คลิก
และผมยังมีไฟล์ pdf มาให้พิเศษ เป็นนิตยสารข่าวเพื่อการฝึกอ่านภาษาอังกฤษ รายครึ่งเดือน ตั้งแต่ฉบับที่ 216 (6 กพ. 2014)ถึงฉบับที่ 238 (11 ธค. 2014)
และถ้าท่านต้องการดาวน์โหลดไฟล์ฉบับที่ล่ากว่านี้ ก็ให้ไปที่ http://englishtips.org/, Register, Log in, พิมพ์คำว่า newsademic และดาวน์โหลดไฟล์ฉบับใหม่กว่าที่ต้องการ
- คลิกดูตัวอย่าง ฉบับที่ 238 ซึ่งมีข่าวเกี่ยวกับวันที่ 5 ธันวาคม 2557 วันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์ไทยด้วย คลิกอ่านตัวอย่าง 1 ฉบับ
คำแนะนำในบทความวันนี้อาจจะสั้นไปสักนิด แต่ผมอยากจะเรียนอย่างหนักแน่นว่า การอ่านข่าวมีประโยชน์มากต่อการพัฒนาความสามารถในการพูดเล่าเรื่อง อย่างที่เรียนไว้แต่ต้น คือ style ของข่าวที่เราอ่านบ่อย ๆ จะช่วยฝึกให้เราสามารถ เล่าเรื่องยาก ยาว ซับซ้อน ให้เข้าใจง่าย ๆ โดยไม่ยืดเยื้อ และเว็บและไฟล์ที่ผมแนะนำในวันนี้ ก็เป็นเว็บข่าวคุณภาพดีที่สามารถช่วยท่านได้ในเรื่องนี้
ท่านผู้อ่านครับ บ่อยครั้งที่ผมสรุปบทความอย่างย่อหน้าข้างบน และได้รับคำถามกลับมาทันทีว่า จะให้ทำยังไงเพราะอ่านไม่รู้เรื่อง ผมขอถามท่านว่า ถ้าท่านจะได้รับเงิน 1 ล้านบาทอย่างแน่ ๆ ถ้าท่านเดินทางจากจุดเริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพฯ ไปบรรลุอนุสาวรีย์ย่าโมที่โคราช พอไปถึงที่นั่นก็แสดงบัตรประชาชนและรับเงิน 1 ล้านบาทได้ทันที แต่มีข้อแม้ว่า ท่านห้ามเดินทางด้วยพาหนะทุกประเภท ต้องเดินทางด้วยเท้าของตัวเองเท่านั้น วันละ 6 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย และต้องเดินทุกวันห้ามหยุด ยกเว้นวันที่ล้มป่วยจริง ๆ หากท่านบอกว่า การเดินเท้าไปโคราชท่านทำไม่ได้ มันเหมือนกับให้ท่านบินไปดาวอังคาร แต่ผมบอกว่า แม้มันทำได้ยากเพราะเหนื่อยแต่มันก็ทำได้ เพราะมันมีทางให้เท้าเดินไปบนดิน ไม่เหมือนไปดาวอังคารซึ่งทำไม่ได้เพราะไม่มีปีกให้บินไปในอวกาศ
จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นการฝึกอ่านภาษาอังกฤษทุกวันไม่หยุด หรือการเดินทุกวันด้วยเท้าไปโคราชไม่หยุด มันก็เหนื่อยทั้งนั้น แต่มันก็ทำได้ถ้าเราตั้งใจทำ แต่ประโยชน์ที่จะได้จากภาษาอังกฤษถ้าเราเข้าใจและใช้เป็นมันมีค่าประมาณไม่ได้, มันมากกว่าเงิน 1 ล้านบาทด้วยซ้ำ แต่ถ้าท่านบอกว่า ท่านอ่านไม่ได้ ท่านเดินไม่ได้ ท่านไม่มีเวลา ท่านไม่มีแรง ท่านไม่รู้เรื่อง มันยากเกินไป มันเหนื่อยเกินไป ไม่มีใครช่วย ไม่มีใครสอน ไม่มีใครพยุง อย่างนี้ก็แล้วแต่ท่านครับ เพราะชีวิตของท่าน-ท่านเป็นเจ้าของ
พิพัฒน์
ขอความกรุณาช่วยหาเว็บ “คำศัพท์สับสน” ให้ผมหน่อยครับ
สวัสดีครับ
คำศัพท์น่าจะเป็นหน่วยย่อยสุดของการเรียนภาษา
- เมื่อรู้คำศัพท์ และเอาศัพท์หลายคำมารวมกัน กลายเป็นวลี
- หลายวลีรวมกัน กลายเป็นประโยค
- หลายประโยครวมกัน กลายเป็นย่อหน้า กลายเป็นหน้า กลายเป็นบท กลายเป็นหนังสือทั้งเล่ม
ทุกอย่างจึงเริ่มต้นที่คำศัพท์เป็นคำ ๆ
ในภาษาอังกฤษ ซึ่งมีศัพท์มากมายนับไม่ถ้วน สำหรับคนต่างชาติ ศัพท์เป็นเรื่องหนึ่งที่ชวนงง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำคู่หรือกลุ่มคำที่คล้ายกัน
- spelling คล้ายกัน, เช่น desert(ทะเลทราย) – dessert(ของหวาน)
- pronunciation คล้ายกัน, เช่น heaven(สวรรค์) – haven(ที่หลบภัย)
- definition/meaning คล้ายกัน, เช่น affect (เป็น V=มีผลต่อ) – effect(เป็น V=ก่อให้เกิด)
- grammar คล้ายกัน หรือต่างกันไปเลย, เช่น advise(เป็น V=แนะนำ) – advice(เป็น N=คำแนะนำ,ข้อเสนอ)
ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องที่ชวนงงทั้งสิ้น
ฝรั่งเองเขาก็คงจะรู้ปัญหานี้ จึงมีเว็บไซต์มากมายที่อธิบายให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ ซึ่งในเว็บนี้ผมได้รวบรวมบางเว็บไว้ที่บทความนี้
และผมก็พยายามหาเว็บไทยที่อธิบายเรื่องนี้เป็นภาษาไทย แต่ก็หาได้น้อยมาก ข้างล่างนี้
- http://writer.dek-d.com/BOBTOIZ/story/view.php?id=514610
- http://www.tellmemoreclub.com/ศัพท์อังกฤษ-10-คู่ที่สับส/
- http://www.l3nr.org/posts/506503
- http://tinyurl.com/l6rztrk (เกี่ยวกับความรู้สึกและอารมณ์ต่างๆ)
- http://www.dailyenglish.in.th/category/vocabulary/confusing-words/
ส่วนลิงค์ข้างล่างนี้ คุณ Rangrunya ช่วยหาให้เพิ่มเติม ขอบคุณมากครับ
เว็บไทย
- http://www.amornie.com/?p=confusedwords
- http://tinyurl.com/ls3w459http://tinyurl.com/kuvcgk5
- http://benxlr8.exteen.com/20090814/entry
- http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=96678
เว็บอังกฤษ
- http://www.vocabulary.com/articles/chooseyourwords/abhorrent-aberrant/
- http://www.perfectyourenglish.com/vocabulary/confusing-words-similar-sound.htm
- http://www.davidappleyard.com/english/vocabulary.htm
- http://www.alphadictionary.com/articles/confused_words.html
- http://www.gingersoftware.com/english-online/spelling-book/confusing-words/
- http://www.bristol.ac.uk/arts/exercises/grammar/grammar_tutorial/page_20.htm
- http://www.learnenglish.de/mistakes/CommonMistakes.html
- http://grammar.ccc.commnet.edu/grammar/notorious.htm
จึงอยากจะเรียนขอร้องในที่นี้ว่า ถ้าท่านพบเว็บไทย, Facebook ไทย, บล็อกไทย, ที่อธิบายการใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่งงง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบบที่เป็นประโยชน์มาก คือ นำคำศัพท์คู่หนึ่ง หรือกลุ่มหนึ่ง มาอธิบายเปรียบเทียบให้เห็นความเหมือนหรือความต่าง ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจและใช้เป็น ถ้าท่านเจอ web-Facebook-blog แบบนี้ ขอความกรุณาช่วยแจ้งด้วยนะครับ ผมอยากจะรวบรวมไว้ในที่เดียวกัน ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้คนที่ต้องการศึกษาเรื่องนี้กับเว็บไทย ได้เข้าไปใช้งานโดยสะดวก
ตอนแจ้งผม ก็ทำง่าย ๆ ครับ เพียงเขียน comment ไว้ที่ท้ายบทความใดก็ได้ของเว็บนี้ โดย copy+paste URL ของลิงค์หรือเว็บที่ท่านเจอ ไว้ที่นั่น แล้วผมจะรวบรวมเอง
รบกวนด้วยนะครับ ขอบพระคุณมากครับ
พิพัฒน์
สิ่งที่น่าจะทำได้ทันที เพื่อฉุดไทยไม่ให้เป็นประเทศบ๊วยเรื่องภาษาอังกฤษ
สวัสดีครับ
บ่อยครั้งเมื่อได้อ่านผลการศึกษาเกี่ยวกับการเปรียบเทียบทักษะภาษาอังกฤษของประเทศต่าง ๆ [เช่น บทความนี้] แล้วเจอว่าลำดับของไทยก็คล้าย ๆ เดิม คือใกล้ ๆ บ๊วย ผมจะมีความรู้สึก 3 อย่างปนกัน คือ ทำใจ แปลกใจ แต่ใฝ่ฝัน
ทำใจ คือ ชักจะปลงแล้วว่า หรือประเทศไทยมันจะได้แค่นี้
แปลกใจ ก็คือ งง เพราะจริง ๆ แล้ว ประเทศไทยก็ไม่ใช่ประเทศจน มีชื่อเสียงในเวทีโลกด้านนั้นด้านนี้ที่ดี ๆ หลายด้าน และดูเหมือนว่า หน่วยงานหรือคนที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการทำให้คนไทยเก่งอังกฤษก็ทำงานหนัก แต่ทำเมืองไทยยังอยู่ในกลุ่มประเทศบ๊วย
แต่ 2 ความรู้สึกนี้ คือ ทำใจและแปลกใจ ก็แผ่วเบามาก เมื่อเปรียบเทียบกับความรู้สึกสุดท้ายที่หนักแน่น คือ ใฝ่ฝัน – ผมใฝ่ฝันว่า เมืองไทยและคนไทยจะก้าวไปข้างหน้า เพราะได้พัฒนาทักษะภาษาโลกภาษานี้ – คือ ภาษาอังกฤษ
ตามรายงานการศึกษา ปี 2014 ของบริษัททางการศึกษา EF ซึ่งสำรวจข้อมูลประชาชน อายุ 18 ปีขึ้นไป กว่า 750,000 คน ใน 63 ประเทศทั่วโลกซึ่งภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ ตามผลที่ได้รับ เขาแบ่งทักษะภาษาอังกฤษของคนในประเทศเหล่านี้ออกเป็น 5 กลุ่ม ตั้งแต่ดีที่สุดจนถึงแย่ที่สุด ปรากฏว่าประเทศไทยอยู่ในกลุ่มแย่สุด หรือ very low proficiency ขอให้ท่านดูในแท่งสีส้มขวาสุด เมื่อคลิกภาพข้างล่างนี้
[ -เมื่อเปิดหน้าไฟล์ pdf แล้ว, ให้กด Control ค้างไว้, และกลิ้งล้อบนเมาส์ ไป-มา เพื่อเพิ่ม-ลด ขนาดตัวหนังสือให้เหมาะกับสายตาของท่าน - ] [ที่มา]
ผมติดใจ key word สั้น ๆ ล่างสุดในเอกสารนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 วลีนี้
- Defining English proficiency as a core competency.
- Developing assessment standards that evaluate effective communication.
คือ จากประสบการณ์การทำงานในหน่วยราชการแห่งหนึ่ง ผมเคยเสนอว่า ควรจะมีการกำหนดให้การผ่านการทดสอบทักษะภาษาอังกฤษเป็นแต้มพิเศษในการได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือน หรือเป็นเกณฑ์บังคับในการได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เพื่อกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ได้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตัวเอง โดยเกณฑ์นี้อาจจะไม่ต้องสูงนักแต่ควรตั้งไว้ เป็นคล้าย ๆ วิชาบังคับที่นักศึกษาทุกคนต้องผ่าน แต่หน่วยกิตอาจจะไม่ต้องสูงนัก เช่น สัก 1 หรือ 2 หน่วยกิต
ข้อเสนอของผมถูกเมิน ผมเข้าใจว่า ข้าราชการทั้งรุ่นเก่าที่ใกล้วันเกษียณ และข้าราชการรุ่นใหม่ที่ไกลวันเกษียณบางคน ไม่อยากเหนื่อยเพราะต้องฟิตภาษาอังกฤษของตัวเองถ้าเกณฑ์เช่นนี้ถูกกำหนดออกมา
แต่ถึงแม้จะเจออย่างนี้ ผมก็ยังมีความใฝ่ฝันอันแรงกล้าว่าภาษาอังกฤษของคนไทยจะดีขึ้น และที่ยังคงทำเว็บไซต์นี้ ก็เพราะความใฝ่ฝันอันนี้แหละครับ
พิพัฒน์