Articles
ศัพท์ภาษาอังกฤษที่ชวนสงสัย-สับสน –ฝึกหาคำตอบให้ตัวเอง !!
สวัสดีครับ
ผมเชื่อว่า ในทุกภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาไทย หรือภาษาใด ๆ ก็ตาม จะมีคำที่คล้าย ๆ กัน และทำให้คนใช้สับสน ทั้งคนที่เป็นเจ้าของภาษา และคนชาติอื่นที่มาศึกษาภาษานั้น ความคล้ายที่ว่านี้ อาจจะสะกดคล้ายกัน, ความหมายคล้ายกัน, การวางรูปประโยคคล้ายกัน, การออกเสียงคล้ายกัน เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความคล้ายก็คือความคล้ายไม่ใช่ความเหมือน และนี่คือปัญหาเพราะมันแยกกันยาก
ในภาษาอังกฤษ มีผู้รู้รวบรวมคำหลายสิบหลายร้อยคู่เหล่านี้มาอธิบายว่ามันต่างกันอย่างไร ในเว็บนี้ผมได้รวบรวมไว้ที่บทความนี้
==>ศัพท์ภาษาอังกฤษที่ชวนสงสัย-สับสน หาคำตอบได้ที่ไหน
ส่วนในเว็บไทย ก็มีผู้รู้อธิบายไว้เป็นภาษาไทยอยู่เหมือนกัน แต่มีน้อย เช่นที่ 2 ลิงค์นี้
มีอย่างหนึ่งที่ผมขอชักชวนท่านผู้อ่านที่รักจะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตัวเอง คือ อย่างที่ผมเรียนแล้วว่า เว็บที่ผู้รู้อธิบายเรื่องนี้ไว้เป็นภาษาไทยนั้นมีน้อย ถ้าเรามัวหวังแต่จะหาอ่านเว็บพวกนี้ ทักษะภาษาอังกฤษของเราก็จะเตี้ยไม่รู้จักโตซะที เพราะฉะนั้น เราน่าจะพยายามลองอ่านเองดีกว่า บางท่านอาจจะบอกว่ายาก เรื่องนี้ผมไม่เถียง แต่ทุกอย่างต้องมีก้าวแรก และก้าวแรกเราต้องก้าวเอง
ที่เว็บ englishdaily626.com เขารวบรวมคำคู่ที่คล้ายกันไว้ทั้งหมด 76 คู่ ที่ลิงค์นี้
คู่แรก: http://www.englishdaily626.com/wd.php?001
คู่สุดท้าย: http://www.englishdaily626.com/wd.php?076
ท่านสามารถศึกษาไปทีละคู่ ๆ เมื่อจะศึกษาคู่ถัดไปก็คลิกที่ Next>> ที่มุมบนขวาของหน้า
และเพื่อเป็นตัวอย่าง ผมได้แปลมาให้ท่านดูเล็กน้อย สัก 20 คู่ ข้างล่างนี้ โดยแต่ละคู่ ให้ท่านคลิกลิงค์สีแดงด้านล่าง เพื่อเข้าไปอ่านคำอธิบายและตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติม ผมเชื่อว่า ถ้าท่านแข็งใจอ่านเรื่องที่ยาก ทักษะของท่านก็จะแข็งไปด้วย
เราเคยได้ยินสำนวนบ่นที่คนไทยพูดบ่อยว่า “ภาษาอังกฤษของฉันไม่ค่อยแข็งแรง” ผมอยากจะให้คนไทยมีคำพูดใหม่ที่ติดปากอย่างห้าวหาญว่า “ภาษาอังกฤษของฉันวันนี้ดีกว่าเมื่อวาน และพรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้”
ลองแข็งใจอ่านดูนะครับ....
able = มีทักษะหรือคุณสมบัติที่จะทำได้ (ความหมายกว้างกว่า)
capable = มีความสามารถหรือศักยภาพที่จะทำได้ (ความหมายแคบกว่า)
capable = มีนัยะแสดงความเป็นไปได้
able = ไม่มีนัยะในการใช้ในความหมายนี้
ability = ความสามารถได้มาโดยผ่านการฝึกอบรม
capability = ไม่เกี่ยวกับการฝึกอบรม
http://www.englishdaily626.com/wd.php?001
คลิก
ฝึกดูของจริงพร้อมฟังคำอธิบายในคลิปเดียวกัน – ตัวช่วยเรียนภาษาอังกฤษที่น่าสนใจมาก
สวัสดีครับ
หลายครั้งที่ผมเจอข้อความในเว็บบอร์ดทำนองนี้
“ฟังข่าวภาษาอังกฤษมาเป็นปีแล้ว ภาษาอังกฤษยังไม่กระดิกเลย”
“ฝึกฟังภาษาอังกฤษกับ VOA ไม่ได้เรื่องหรอก ฝรั่งจริง ๆ ไม่มีใครเขาพูดช้าอย่างนั้นหรอก พอไปเจอของจริงก็ฟังไม่รู้เรื่อง”
“ดูหนังเสียงในฟิล์มมาตั้งนานแล้ว ยังไม่รู้เรื่องเลย”
“มันต้องได้ไปอยู่เมืองนอกถึงจะรู้เรื่อง อยู่เมืองไทยไม่มีทางพูดคล่องหรอก”
ท่านผู้อ่านครับ ข้อความทำนองนี้สื่อความรู้สึกท้อแท้ผิดหวัง ว่าชาตินี้คงเอาดีด้านภาษาอังกฤษไม่ได้
วันนี้ ผมขอเสนอทางออกสั้น ๆ อย่างนี้แล้วกันครับ
คือปัญหาอย่างนี้ฝรั่งเขาก็รู้ว่า คนทั่วโลกเรียนภาษาของเขาก็เจออย่างนี้ เขาก็พยายามสร้างเครื่องมืออย่างนั้น อย่างนี้ อย่างโน้นสารพัดอย่าง เพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ เครื่องมือพวกนี้มีเยอะมาก และเราในฐานะผู้เรียนก็ต้องยอมลงทุนเข้าไปฝึกดูว่า วิธีไหน, เครื่องมืออะไร, ตัวช่วยตัวไหน, บทเรียนบทใด ฯลฯ ที่มันเหมาะสมกับเราที่สุด อันนี้เป็นงานแรกที่เราต้องทำ ปฏิเสธไม่ได้ วานให้คนอื่นทำแทนก็ไม่ได้ เหมือนยาแก้โรคหรือยาบำรุงร่างกาย ให้คนอื่นกินแทนไม่ได้
เรื่องที่สอง ที่อยากเสนอก็คือ ผมไปเจอว่า มีหลายคลิปที่เขาทำออกมาสอนภาษาอังกฤษในลักษณะนี้ คือ เขานำภาษาอังกฤษที่เป็นลักษณะของจริง เช่น ละครหรือรายการในทีวีจริง ๆ ข่าวจริง ๆ หนังจริง ๆ พูดเร็ว พูดย่อ พูดสแลง จริง ๆ มาให้เราดู แต่ไม่ยาวนัก และก็สลับด้วยคำอธิบายที่ใช้ภาษาง่าย ๆ พูดช้า ๆ พูดชัด ๆ และมี subtitle บนจอให้เราอ่านขณะที่ฟังด้วย
เมื่อได้เจอคลิปทำนองนี้ก็รู้สึกว่าวิเศษมาก เพราะเท่ากับเราได้เจอของจริงที่เข้าใจและเข้าถึงยาก แต่ก็มีครูที่ช่วยชี้ให้เข้าใจ และพาให้เข้าถึง
ในเว็บนี้ผมเคยเสนอคลิปทำนองนี้ครั้งหนึ่งแล้ว เป็นละคร 42 ตอนจบ
ที่บทความนี้
==> ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับวีดิโอละครสั้น 42 ตอนจบ
วันนี้ผมขอเสนออีกชุดหนึ่ง มีทั้งหมด 26 CD แบ่งเป็นหลายระดับ ข้างล่างนี้
ผมเชื่อว่า ถ้าท่านอดทนเรียนด้วยใจที่สงบ ท่านจะได้อะไรเยอะทีเดียว จาก CD ชุดนี้
- CD 1-4 ระดับ Beginner Level
- CD 5-8 ระดับ Elementary Level
- CD 9-12 ระดับ Lower Intermediate Level
- CD 13-17 ระดับ Upper Intermediate Level
- CD 18-22 ระดับAdvanced Level
- CD 23-26 ระดับ Business
พิพัฒน์
ข่าว Bangkok Post เกี่ยวกับพระธัมมชโย
หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ลงข่าววันนี้เรื่อง Armed with magic, a monk eyes true power ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่ของข่าวเป็นเรื่องราวจากการบอกเล่าของ Dr Mano ซึ่งเคยบวชและเป็นพระคนสนิทกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ตอนนี้ Dr Mano เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ข่าวชิ้นนี้ค่อนข้างยาวทีเดียว โดยประโยคสุดท้าย Dr Mano พูดถึงเจ้าอาวาสวัดธรรมกายว่า
“I couldn’t live with myself if I still believed in him. He lies, he cheats, and he also did many things that a monk is not supposed to do.”
ลองอ่านดูนะครับ
สูตรในการฝึกพูดภาษาอังกฤษผ่านเน็ต และการฝึกพนักงานบริษัทให้พูดภาษาอังกฤษต้อนรับลูกค้า(AEC)
สวัสดีครับ
เว็บต่าง ๆ ที่ทำขึ้นมาเพื่อให้ผู้เรียนฝึกพูดภาษาอังกฤษมักมี 3 ขั้นตอนที่ให้ฝึกดังนี้
- อ่านประโยคภาษาอังกฤษ
- คลิกและฟังเสียงอ่านประโยคภาษาอังกฤษ(พยายามหาให้เจอว่า ต้องคลิกตรงไหน)
- พูดออกเสียงตามประโยคนั้น (คลิกซ้ำ – ฝึกพูดซ้ำ หลาย ๆ ครั้ง)
ต่างเว็บอาจจะมีวิธีสอนปลีกย่อยที่ต่างออกไปจากนี้ แต่วิธีฝึกที่ได้ผลก็มี 3 ขั้นตอนนี่แหละครับ เพราะมันเป็นการฝึกที่ได้ครบทุกอย่าง คือ
- การอ่านประโยคภาษาอังกฤษ ได้ฝึก reading, vocabulary, idiom, grammar และโครงสร้างประโยคที่ใช้ในการสนทนา
- การฟังเสียงอ่านประโยค ได้ฝึก listening
- การพูดออกเสียงตาม ได้ฝึกการออกเสียง คำ วลี ประโยค เสียงเน้น-ไม่เน้น, เสียงสูง-เสียงต่ำ, เสียงหนัก-เสียงเบา หรือฝึก pronunciation และ speaking นั่นเอง
เมื่อได้หลักเกณฑ์เช่นนี้ ต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพยายามของท่านผู้เรียนแหละครับว่าจะมีมากน้อยเพียงใด และในแง่นี้มีอีก 2 เรื่องที่ผมอยากจะฝากไว้ คือ
[1]ในแง่หนึ่ง การพูดก็เหมือนกับการอ่านหรือการฟัง ท่านควรลงทุนหาให้พบว่า มีประโยคลักษณะใดบ้างที่ท่านต้องใช้พูดบ่อยๆ ท่านก็เริ่มฝึกพูดจากประโยคพวกนี้ หรือท่านอาจจะวางแผนว่า มีบางประโยคที่ท่านมีโอกาสพูดในอนาคตถ้าท่านพูดเป็น ท่านก็ไปรวบรวมประโยคพวกนั้นมาฝึกพูดไว้ การฝึกพูดอย่างเจาะจงเช่นนี้ย่อมมีประโยชน์มากกว่าฝึกพูดอย่างสะเปะสะปะ
[2] มีเว็บไทยหลายเว็บ ที่มีประโยคสนทนาพร้อมคำแปลไทยให้ท่านเสร็จสรรพ นี่อาจจะสะดวกเพราะท่านไม่ต้องเหนื่อยแปลเอง แต่เว็บไทยพวกนี้ก็มีไม่เยอะ ถ้าจะให้ดีผมขอแนะนำให้ท่านฝึกกับเว็บฝรั่ง ที่มีประโยคสนทนาหลากหลายให้ท่านเลือก และมีไฟล์เสียง หรือ audio ให้ท่านคลิกฟังเสียงอ่านประโยค(พยายามหาให้เจอว่า ต้องคลิกตรงไหน) เพราะฉะนั้น เว็บฝรั่งพวกนี้ท่านจะได้ฝึกครบถ้วน ทั้ง reading, listening และ speaking
ผมขอรวบรวมเว็บที่ท่านสามารถฝึกพูดภาษาอังกฤษตามสูตร (อ่าน+ฟัง+พูดตาม) ข้างล่างนี้ครับ
เว็บที่ 1:
เข้าไปแล้ว ให้ดูที่ Speaking English Lessons ที่คอลัมน์ซ้ายมือ แล้วเลือกฝึกตามปุ่มข้างล่างนี้ ตามที่เหมาะสมกับท่าน
คลิก
- English Speaking Basics
- Regular English Lessons
- Business English Lessons
- Interview English Lessons
- Travel English Lessons
- Idioms and Phrases
- Special Topics
- Full Lesson Index
เว็บที่ 2:
http://free-english-study.com/home/speaking.html
มี 6 ระดับ ดังนี้
คลิก
เว็บที่ 3:
http://www.englishspeak.com/th/
มีคำแปลภาษาไทยให้ด้วย
คลิก
- 100 บทเรียน: http://www.englishspeak.com/th/english-lessons.cfm
- 1000 วลี: http://www.englishspeak.com/th/english-phrases.cfm
- 1500 คำศัพท์: http://www.englishspeak.com/th/english-words.cfm
เว็บที่ 4:
http://www.eslgold.com/speaking.html
ให้ศึกษาส่วนแรก คือ Phrases for Conversation
ตอนจะฟังเสียงให้คลิกที่ Click for audio โดยให้เปิดใน tab ใหม่
คลิก
- http://www.eslgold.com/speaking/low_beginning.html
- http://www.eslgold.com/speaking/high_beginning.html
- http://www.eslgold.com/speaking/low_intermediate.html
- http://www.eslgold.com/speaking/high_intermediate.html
- http://www.eslgold.com/speaking/advanced.html
เว็บที่ 5:
http://www.speakenglish.co.uk/phrases/?lang=th
มีคำแปลภาษาไทยให้ด้วย
คลิกประโยค / วลี / คำศัพท์ ภาษาอังกฤษ เพื่อฟังเสียงอ่าน
คลิก
- วลีภาษาอังกฤษ: http://www.speakenglish.co.uk/phrases/?lang=th
- คำศัพท์ภาษาอังกฤษ: http://www.speakenglish.co.uk/vocab/?lang=th
รวมให้ฝึกอีกมากมายที่นี่:
http://www.spokenenglishcourse.net/
ท้ายสุด ผมมีคำแนะนำสำหรับหน่วยงานราชการหรือบริษัทที่ต้องติดต่อกับผู้รับบริการที่เป็นคนต่างชาติ เช่น พนักงานหน้าร้าน หรือพนักงานประจำเคาน์เตอร์ ผมเชื่อว่า ขณะนี้ท่านจำเป็นต้องรีบฝึกเจ้าหน้าที่ของท่านให้พูดภาษาอังกฤษให้ได้ เพราะในอนาคตอันใกล้นี้เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ยุค AEC เต็มตัว และมีคนจากอีก 9 ประเทศในกลุ่มอาเซียน และประเทศอื่น ๆ เดินทางมาประเทศไทยไทยมากขึ้น ท่านก็ต้องใช้เจ้าหน้าที่เหล่านี้มากขึ้นในการติดต่อสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ และเมื่อพูดถึงการฝึกบุคลากรทั้งประเทศ ผมเห็นว่าวิธีจัดการที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด คือการฝึกให้เขาสามารถฟังและพูดภาษาอังกฤษที่จำเป็นที่ต้องใช้ในหน้างาน ยกตัวอย่างเช่น พนักงานขายสินค้าประจำร้าน อาจจะเป็นร้านในห้าง ในแหล่งท่องเที่ยว ในสนามบิน หรือร้านแฟรนไชส์ที่ไหนก็ตาม ท่านอาจจะเริ่มต้นด้วยการทำคู่มือขึ้นมา 1 เล่ม ซึ่งเนื้อหาประกอบด้วย
- ศัพท์ทั่วไป ศัพท์เฉพาะ และศัพท์เทคนิค ที่พนักงานของท่านต้องใช้ชี้แจงหรือตอบคำถามผู้ที่มาติดต่อ พยายามรวบรวมมาให้ครบถ้วน
- ประโยคที่แต่งโดยใช้คำศัพท์พวกนี้ ท่านอาจจะประชุมผู้ที่มีประสบการณ์หรือผู้รู้ในองค์กรของท่าน ให้ช่วยกันแต่งประโยคเหล่านี้ ในลักษณะที่สามารถสื่อความได้อย่างชัดเจน โดยใช้ภาษาที่ง่าย ๆ สุภาพ และเป็นกันเอง ให้พยายามแต่งประโยคพวกนี้ให้ครบทุกสถานการณ์ที่ต้องใช้พูด แต่เอาเข้าจริง ๆ อาจจะมีประโยคที่ใช้พูดบ่อย ๆ ไม่เกิน 50 - 100 ประโยค
- นำคำศัพท์ในข้อ 1 และประโยคในข้อ 2 ไปทำเป็นหนังสือคู่มือ 1 เล่ม และไฟล์เสียง 1 แผ่น (อาจจะเป็นไฟล์ audio หรือ video ก็ได้)
- จัดอบรมโดยใช้หนังสือ และไฟล์ (audio/video) ในข้อ 3 เป็นคู่มือประจำตัวผู้เข้าฝึกอบรม พยายามเน้นให้เขาฟังให้เข้าใจและพูดให้ได้
ผมคิดว่ายิ่งบริษัทของท่านมีสาขามากเท่าใด ความจำเป็นที่จะต้องฝึกพนักงานในลักษณะนี้ก็จะมีมากเท่านั้น หรือถ้าหน่วยราชการใดซึ่งมีหน้าที่ให้บริการด้านนี้จะเริ่มงานรุกในลักษณะนี้ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะคู่มือ 1 ชุดที่ทำขึ้นมา เช่น คู่มือพนักงานร้านรับซ่อม smart phone เมื่อทำขึ้นมา 1 ชุด ก็สามารถใช้อบรมประชาชนจำนวนไม่จำกัดที่ประกอบอาชีพนี้ ในครั้งแรกอาจจะยังไม่ต้องพิมพ์จำนวนมาก เพราะเมื่อมีการอบรมครั้งต่อ ๆ ไป ก็สามารถปรับปรุงในการพิมพ์ครั้งที่ 2, 3, 4...
สุดท้ายที่อยากจะบอกก็คือ เท่าที่ผมเห็น บางหน่วยงานใช้งบประมาณจ้างอาจารย์มหาวิทยาลัยทำตำราอย่างที่ผมว่านี้ ตามความเห็นของผม อาจารย์จำนวนมากที่สอนภาษาอังกฤษ แม้จะรู้เรื่องภาษาและวัฒนธรรมในการใช้ภาษา แต่ถ้าไม่ใช่คนในอาชีพนั้น เขาไม่รู้หรอกครับว่า ประโยคอะไรที่ต้องใช้พูดจริง ๆ เพราะฉะนั้น เนื้อหาในตำราจะต้องมาจากคนสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่ (1)คนที่รู้เรื่องงานจริง ๆ และ กลุ่มที่ (2)คนที่รู้เรื่องภาษา อย่าได้เหมาให้คนกลุ่มที่ (2)ซึ่งรู้เรื่องเพียงส่วนเดียวทำงานทั้งหมด มันจะเสียงบประมาณของหลวงหรือของบริษัทไปอย่างไม่คุ้มค่าครับ
พิพัฒน์
สูตรการคุยกับฝรั่ง
How to talk to Farang.
เคยรู้สึกกันแบบนี้ไหมครับ
Have you ever felt this way?
"จริงๆก็พอจะพูดได้นะภาษาอังกฤษเนี้ยะ แต่ไม่รู้จะคุยอะไร"
" I actually can speak a bit of English but I don't know what to say".
ผมจะบอกให้ครับ เวลาผมคุยกับฝรั่งทุกครั้งเขาจะบอกผมว่า
Let me tell you , every time I talk to Farang they always tell me that
"เฟิร์น คุยกับยูแล้วสนุกมากเลย ยูคุยเก่งมาก"
" Fern, it is really fun talking to you, you are a very talkative".
ในความเป็นจริงผมแทบไม่ได้พูดอะไรมาก ผมแค่ถามอย่างเดียว
As the matter of fact, I don't normally talk a lot. I only ask a lot of questions.
การเรียนภาษาเราจะแค่เรียนออกเสียงหรือท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองเฉยๆไม่ได้
We can't only learn English by pronunciation or memorising like a parrot.
มันต้องรู้เขารู้เรา คือต้องรู้จักวัฒนธรรมของเขาด้วย
We need to know the way they think which is by understanding their cultures.
ฝรั่งส่วนใหญ่พูดเก่งมากๆ แล้วจะค่อนข้างชอบเล่าเรื่องของตัวเองโดยไม่ต้องถูกถามก่อน
Most Farang are talkative and willing to talk about their stories without being asked.
ผิดกับคนไทยที่ไม่สนิทจริงๆหรือไม่ถามก็จะไม่พูด ฝรั่งเขาถึงชอบว่าคนไทยเงียบ
Unlike Thai people, we will not talk about it if we are not very closed or asked before. That is why Farang think that Thai people are quiet.
เวลาผมคุยกับฝรั่ง ผมจะมีคำถามที่ใช้ประจำอยู่พอสมควร
When I talk to Farang, I have a set of questions that I normally use.
มากพอที่ฝรั่งจะนั่งคุยกับผมได้ถึงเช้าเลย
It is enough to hold a conversation until the next morning.
ดังนั้นไม่ต้องกลัวนะครับว่าไม่รู้จะพูดอะไร ตอนแรกๆแค่ถามให้เป็นแล้วก็พยายามเป็นผู้ฟังที่ดี
So you don't have to be afraid that you will not know what to say. You can start off by asking questions and being a good listener.
ไม่เข้าใจก็ยืนยิ้มไปครับ อย่าเดินหนีเพราะถ้าคุณหนีแล้วเมื่อไรจะเป็นล่ะครับ
If you don't understand, just keep standing there and smiling because you will never learn if you walk away.
ประโยคที่เอาไว้คุยกับฝรั่งที่มาเที่ยวเมืองไทยนะครับ
These sentences are for Farang who are visiting Thailand.
How are you, my friend? เป็นไงบ้างเพื่อน
Where are you from? มาจากไหน
Have you been to Thailand before? เคยมาเมืองไทยมาก่อนไหมครับ
How long will you stay in Thailand จะอยู่เมืองไทยนานแค่ไหนครับ
What do you plan to see หรือ where do you plan to go during your stay in Thailand ? วางแผนจะทำอะไรหรือจะไปไหนบ้างครับระหว่างที่อยู่เมืองไทย
Do you like Thai food? ชอบอาหารไทยไหม
What is your favorite Thai dish? ชอบทานอาหารไทยอะไร
Have you tried _________? ลองทาน________รึยังครับ (ชื่ออาหาร)
How is the weather here, too hot for you? อากาศที่นี่ร้อนไปไหม
What is the weather like in your country? แล้วประเทศของคุณอากาศเป็นไงบ้างครับ
What do you do back home, work or study? คุณทำอะไรที่ประเทศคุณ ทำงานหรือเรียน
Have you been traveling a lot? เดินทางท่องเที่ยวบ่อยไหมครับ
Where else have you been? แล้วไปเที่ยวประเทศไหนมาแล้วบ้างครับ
Which one do you like best so far? แล้วชอบที่ไหนมากที่สุดล่ะครับ
เอาแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน ยังมีอีกเยอะแค่นี้ก็คุยกับฝรั่งได้เป็นชั่วโมงแล้วครับ
I think we have enough for today, it should be cool to talk for a few hours with these questions.
อย่าลืมลองเอาไปใช้ดูนะครับ ได้ผลยังไงเอามาเล่าให้ฟังด้วยนะครับ
Don't forget to try to put them in practice. Let me know how you go.
ครูเฟิร์น