Articles
อ่าน encyclopedia – การค้นหาความรู้ที่ควรฝึกเด็กให้ติดเป็นนิสัย
สวัสดีครับ
ทุกปี วันที่ไปหาซื้อหนังสือในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ก็เห็นคนไปที่นั่นกันแน่น ทำให้ดีใจเพราะเดาว่าคนไทยอ่านหนังสือกันเยอะ
แต่ตามรายงาน การสํารวจการอ่านหนังสือของประชากร พ.ศ. 2556 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ มีข้อความอย่างนี้
แผนภูมิที่ 4 หน้า 20/252
เด็กเล็กอ่านหนังสือนอกเวลาเรียนเฉลี่ย 27 นาทีต่อวัน
ตาราง 5 หน้า 30/252:
ประชากร อายุ 6 ปีขึ้นไปที่ไม่อ่านหนังสือนอกเวลาเรียน หรือนอกเวลาทำงาน เพราะ (1)ชอบดูโทรทัศน์ (2)อ่านหนังสือไม่ออก (3)ไม่มีเวลาอ่าน (4) ไม่ชอบอ่าน หรือ ไม่สนใจ
จากรายงาน 2 หน้านี้ จะให้ตีความว่ายังไง?
มีหนังสือประเภทหนึ่งที่ผมสนใจตั้งแต่เป็นนักเรียน คือหนังสือประเภทสารานุกรม หรือ encyclopedia ซึ่งในภาษาอังกฤษ เห็นที่ห้องสมุดในมหาวิทยาลัยมีอยู่ 2 ยี่ห้อ คือ Britannica และ Americana 2 ยี่ห้อนี้ที่โรงเรียนมัธยมที่ผมเรียนไม่มีเพราะทั้งชุดราคาคงแพงซื้อไม่ไหว
มาในยุคนี้ สารานุกรมที่มีให้อ่านฟรีผ่านเน็ต คือ Wikipedia ซึ่งมีสารพัดเรื่องราวให้อ่าน แต่ผมเคยได้อ่านและได้ยินบางคนพูดว่า นักเรียนนักศึกษาที่ประเทศสหรัฐฯถูกห้ามไม่ให้ใช้ข้อมูลจาก Wikipedia มาอ้างอิงในการทำรายงานหรือการบ้าน แต่ก็เคยอ่านพบอีกว่า วิกิพีเดียอ้างว่า ผลการสำรวจพบว่า คนไว้ใจข้อมูลจากวิกิพีเดียวเท่า ๆ กับหรือมากกว่าสารานุกรมดัง ๆ ยี่ห้ออื่น
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ผมเพียงแต่จะบอกว่า (1)เราคนไทยควรอ่านหนังสือให้มากกว่าทุกวันนี้ เพราะชาติใดที่มีคนอ่านหนังสือเยอะ คนในชาตินั้นก็ฉลาด และคนฉลาดก็สามารถพาชาติเจริญ (2)นอกจากอ่านภาษาไทยแล้ว ควรหัดอ่านภาษาอังกฤษด้วย (3)ควรเลือกประเภทหนังสือที่อ่าน และประเภทหนึ่งที่ทุกคนไม่ควรรังเกียจคือหนังสือความรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สารานุกรม หรือ encyclopedia (4)แม้ encyclopedia ยังไม่มีข้อยุติเด็ดขาดเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับเนื้อหา encyclopedia ไม่ว่ายี่ห้อใดก็ตามก็ควรเป็นแหล่งแรกให้เราเข้าไปหาความรู้เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับอ้างอิงหรือคิดต่อ ผมยังหวังว่าในอนาคตประเทศจีนจะผลิต encyclopedia เป็นภาษาอังกฤษชุดใหญ่ขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อเป็นแหล่งอ้างอิงเพื่อการศึกษาให้ชาวโลกได้ใช้ เพื่อถ่วงดุลกับมหาอำนาจตะวันตกที่ครอบงำความคิดทางวิชาการของคนทั้งโลก ด้วยตำราหรือแหล่งอ้างอิงภาษาอังกฤษที่เขาผลิตขึ้น
ด้วยการที่เป็นคนรักการอ่าน ผมจึงไปซื้อ CD Encyclopedia Britannica ปี 2014 มาแผ่นหนึ่ง ราคา 150 บาท ในแผ่นเดียวนี้มีรวมทั้ง 3 เวอร์ชัน คือ ของผู้ใหญ่, นักศึกษา และของเด็ก ผมลองอ่านข้อมูลเกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ โดยในขั้นแรก เลือก 10 ประเทศอาเซียน และประเทศอื่น ๆ ที่มีอำนาจและอยู่ในกระแสข่าวของโลก โดยเลือกอ่านเวอร์ชันของเด็ก และก็ได้ความคิดว่า เด็กไทยเราควรได้รับการปลูกฝังให้รักการหาความรู้จากแห่งอ้างอิงประเภท encyclopedia ให้ติดเป็นนิสัย โดยในครั้งแรกควรฝึกให้เขาอ่านเวอร์ชันเด็ก ๆ อย่างนี้ไปก่อน เพราะภาษาอังกฤษที่ใช้จะใช้ศัพท์และโครงสร้างประโยคที่ไม่ซับซ้อน และเนื้อหาก็นำแต่เรื่องพื้นฐานมาให้เด็กรู้
ไฟล์ pdf ข้างล่างนี้ผมนำมาจาก เวอร์ชันเด็ก ของ Encyclopedia Britannica 2014 ผมหวังว่า คุณครูจะสามารถนำไปปรับใช้ให้เด็กศึกษาหรือทำเป็นการบ้านหรือรายงานได้บ้าง และถ้าสามารถกระตุ้นให้เด็กเกิดไฟรักการอ่านหนังสืออ้างอิงที่เป็นประเภท Encyclopedia ภาษาอังกฤษ ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อเขาและต่อประเทศชาติในอนาคต
เชิญครับ
10 ประเทศในอาเซียน
ประเทศในเอเชีย
ประเทศอื่น ๆ
พิพัฒน์
R-L, CH-SH, TH-S-T-D, S-Z, V-W: เสียงภาษาอังกฤษที่คนไทยไม่คุ้นหู-ไม่คุ้นปาก
สวัสดีครับ
ครั้งหนึ่ง ผมเคยถามสาวคนหนึ่งจากนิวยอร์กซึ่งเป็นครูสอนคอร์สสนทนาภาษาอังกฤษที่โรงเรียนแถว ๆ อนุสาวรีย์ชัยฯว่า คำว่า top ฝรั่งออกเสียงว่า ท้อป แต่ทำไม stop ไม่ออกเสียงว่า สท้อป กลับออกเสียงเป็น สต๊อป เธอตอบว่า สท้อป หรือ สต๊อป มันก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ
ผมเคยบ่นกับผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมันซึ่งมาทำงานที่กรมซึ่งผมทำงานอยู่ว่า ผมลำบากในการออกเสียง th เช่น คำว่า the, these, those ให้เหมือน native speaker เยอรมันคนนี้ตอบว่า ช่างมันเถอะ พูดได้แค่ไหนก็แค่นั้น เสียงภาษาอังกฤษบางเสียงแกก็ออกไม่ได้เหมือนกัน
และคล้าย ๆ กับจำได้ว่า เคยคุยกับคนญี่ปุ่นและคนเกาหลี เขาก็มีปัญหาในการออกเสียงบางเสียงของภาษาอังกฤษ เช่นกัน รู้สึกว่าจะเป็นเสียง ง.งู หรือเสียง ฟ. ฟัน อะไรทำนองนี้แหละที่ออกไม่ค่อยได้
และเมื่อผมคิดเรื่องที่จะเขียนบทความในวันนี้ คือ เสียงภาษาอังกฤษที่คนไทยฟังไม่ค่อยออก และพูดไม่ค่อยได้ ผมจึงเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะคนแต่ละชาติก็พูดภาษาของตัวเองมาตั้งแต่เกิด พอโตขึ้นจนหูแข็ง-ลิ้นแข็ง แล้วค่อยเรียนภาษาของชาติอื่น ถ้ามันจะเพี้ยนไปบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรนักหนา อย่างเช่น สำหรับคนไทย เสียงภาษาอังกฤษ ที่ยาก ก็น่าจะเป็น 4 – 5 คู่นี้ คือ R-L, CH-SH, TH-S-T-D, S-Z, V-W
เอาเป็นว่า เราพยายามให้เต็มที่แล้วกันครับ ในการฟังให้ออก และออกเสียงให้ได้ หรืออย่างน้อยก็ฟังให้ออก แต่ถ้าออกเสียงไม่ได้อย่างเขา, ไม่ได้จริง ๆ ก็ช่างมันเถอะครับ ให้เป็นหน้าที่ของคนฟังที่จะต้องเดาเอาบ้างหากคิดที่จะติดต่อคบค้ากัน ตอนฝรั่งสั่งอาหารแม่ค้าที่หัวหินโดยพยายามพูดภาษาไทยว่า “ผมชอบกินแกงเผ็ด” แม่ค้ายังรู้เลยว่า ฝรั่งสั่งแกงเป็ด และเสิร์ฟอาหารได้ถูกต้องตามสั่ง
คลิปวีดิโอข้างล่างนี้ นำเสียงบางเสียง ที่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับคนไทยมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ท่านก็ลองฝึกฟังและฝึกออกเสียงดูแล้วกันครับ
English Pronunciation - R & L
https://www.youtube.com/watch?v=ipqDNqUDiMI
Speaking English: How to say CH & SH
https://www.youtube.com/watch?v=KpsA2b-gKpU
English Pronunciation - Th & S
https://www.youtube.com/watch?v=LTIGndXwCXk&t=12
Pronunciation - V & W
https://www.youtube.com/watch?v=e8NbVrMGrh8
S or Z | Pronunciation | Learn English
https://www.youtube.com/watch?v=zFezTa9SGuU
word final -s = /s, z, Iz/
https://www.youtube.com/watch?v=r8ksyiycxq4
'th' /θ/ & /ð/ vs. / t / & / d / - American English Pronunciation Lesson
https://www.youtube.com/watch?v=ewQyUi4QvC0
และมีอีก 24 lesson ที่ลิงค์นี้
ผมขอแนะนำ 4 ลิงค์นี้ที่น่าจะฝึกเป็นพิเศษ
Minimal Pairs - Lesson 4: lake-rake, ...
Minimal Pairs - Lesson 10: thick-sick, ...
Minimal Pairs - Lesson 16: climb-crime, ...
Minimal Pairs - Lesson 18: they-day, ...
ฝึกเพิ่มเติม:
พิพัฒน์
แปลงไฟล์วีดิโอ เป็นไฟล์ mp3 เพื่อใช้ฝึกฟังภาษาอังกฤษ
สวัสดีครับ
คลิปวีดิโอมีประโยชน์มากในการฝึกภาษาอังกฤษ และในเว็บนี้ผมได้แนะนำวิธีง่าย ๆ ในการดาวน์โหลดคลิปวีดิโอ ที่บทความนี้
คลิก:4 วิธีง่าย ๆ ในการดาวน์โหลดคลิปวีดิโอ YouTube
กรณีที่ท่านไม่สะดวกที่จะดูคลิป แต่สะดวกที่จะฟังอย่างเดียว อย่างนี้ท่านอาจจะต้องการแปลงไฟล์คลิปเป็นไฟล์เสียง mp3 เพื่อเปิดฟัง เช่น ฟังในรถขณะขับรถ หรือฟังคนเดียวขณะเดินทางในรถสาธารณะ หรือฟังฆ่าเวลาขณะนั่งรอเพื่อน ก็สามารถทำได้โดยมีหลายโปรแกรมให้ท่านเลือกใช้ วันนี้ผมขอแนะนำโปรแกรมคุณภาพดีที่ผมใช้อยู่และไม่เจอปัญหาในการใช้เลย คือ โปรแกรม YTD Video Downloader
ดาวน์โหลด:http://www.ytddownloader.com/download.html
หลังจากติดตั้งโปรแกรม และเปิดโปรแกรมขึ้นมาแล้ว หน้าตาของโปรแกรมจะเป็นอย่างนี้
ให้ท่าน...
คลิกหมายเลข 1 เพื่อให้โปรแกรม convert ไฟล์
คลิกหมายเลข 2 เพื่อไปยัง Drive หรือ Folder ที่เก็บไฟล์วีดิโอที่ท่านต้องการแปลงเป็น mp3
คลิกหมายเลข 3 เพื่อกำหนดให้โปรแกรมแปลงไฟล์วีดิโอ เป็นไฟล์ mp3
คลิกหมายเลข 4 เพื่อเลือก Drive ที่จะเก็บไฟล์ mp3 หรือจะสร้าง Folder ขึ้นมาต่างหากเพื่อเป็นที่เก็บไฟล์ mp3 ก็ได้
คลิกหมายเลข 5 เพื่อให้โปรแกรม convert ไฟล์วีดิโอ เป็นไฟล์ mp3
รอจนโปรแกรมทำงานเสร็จ
เมื่อไปยัง Drive หรือ Folder ที่เก็บไฟล์ ก็จะเจอไฟล์ mp3 ที่ต้องการ
พิพัฒน์
howjsay.com – อยากให้ท่านจำชื่อเว็บนี้ให้ได้ เพราะใช้ง่าย และประโยชน์เยอะ
สวัสดีครับ
ท่านช่วยดูภาพข้างล่างนี้ครับ
ผมอยากให้ท่านจำชื่อเว็บนี้ให้ได้ เพราะมันใช้ง่าย และมีประโยชน์เยอะ สำหรับทุกท่านที่ต้องการฝึกภาษาอังกฤษ ดังนี้ครับ
ดูภาพด้านบนประกอบ
[1] ท่านพิมพ์คำศัพท์ลงไป จะได้ยินเสียงอ่านทันที และเมื่อวางเมาส์บนคำศัพท์สีชมพู ตามหมายเลข 1 (ไม่ต้องคลิก) ก็จะได้ฟังซ้ำ จะซ้ำกี่ครั้งก็ได้ นี่สะดวกมากเพราะท่านจะได้ฝึกฟังเสียงอ่านคำศัพท์มากครั้งจนคุ้นหู และฝึกพูดตามได้จนคุ้นปาก นี่เป็นการฝึกตามสูตรเลยครับ เพราะการจะจำคำศัพท์ได้ฝังใจไม่ลืม แค่คุ้นตาอย่างเดียวไม่พอ ต้องครบทั้ง 3 คุ้น คือ คุ้นตา-คุ้นหู-คุ้นปาก ขอบอกว่าเว็บนี้บริการเรื่องนี้ดีที่สุด เพราะแค่วางเมาส์ ก็ออกเสียงให้ฟังทันทีกี่ครั้งก็ได้โดยไม่ต้องคลิก ท่านหาอย่างนี้ไม่เจออีกแล้วครับ
[2] เมื่อคลิกที่หมายเลข 2 (ตามภาพข้างบน) และคลิก Thai ก็จะมีคำแปลใน new window เป็นภาษาไทยให้ท่านดู ตามภาพข้างล่างนี้
[3] เมื่อคลิกที่หมายเลข 3 (ตามภาพข้างบน) ก็จะมีคำความหมายปรากฏใน new window เป็นภาษาอังกฤษให้ท่านอ่าน (ตามภาพข้างล่าง) แต่ถ้าความหมายมันยาว ท่านต้องคลิกรูปมุมหัวชี้ลงที่ด้านล่าง ตามภาพในวงรีสีแดงที่แสดง มันจางมาก ท่านอาจจะมองไม่เห็น ต้องเพ่งหน่อย
[4] สำหรับท่านที่ใช้ smart phone โปรแกรม Android ก็คลิกหมายเลข 4 ตามภาพใหญ่ข้างบน เพื่อดาวน์โหลด App
[5] สำหรับท่านที่ใช้ iphone ก็คลิกหมายเลข 5 ตามภาพใหญ่ข้างบน เพื่อดาวน์โหลด App
สรุปก็คือ www.howjsay.com มีประโยชน์และใช้ได้ง่ายมาก เกี่ยวกับการพัฒนาคำศัพท์ ทั้งในเรื่องการฟัง การฝึกออกเสียงคำศัพท์ การรู้คำแปลจากดิก อังกฤษ-ไทย การอ่านความหมายคำศัพท์จากดิกอังกฤษ-อังกฤษ และยังมี App ให้ใช้กับ iphone และ android อีกด้วย
ลองฝึกใช้ดูนะครับ
พอถึงตรงนี้ ท่านจำชื่อเว็บนี้ได้หรือยังครับ
พิพัฒน์
อ่านนิทานเวตาล ภาษาไทย – ภาษาอังกฤษ
สวัสดีครับ
สมัยที่ผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม ในวิชาวรรณคดีมีนิทานเวตาลให้อ่าน จำความรู้สึกได้ว่าชอบอ่านนิทานเล่มนี้เพราะสนุกและชวนคิด วันนี้ผมเข้าไปที่ร้าน 7-11 เจอหนังสือเล่มนี้วางขาย ผมเลยกลับมาค้นในเน็ต และเจอทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ผมขอชวนให้ท่านเข้าไปอ่านดู หนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งใน 100 เล่มหนังสือดีที่คนไทยควรอ่าน /Eng(เล่มที่ 43)อย่างที่คณะกรรมการฯ เขาคัดเลือกแล้วจริง ๆ
เชิญครับ...
บทความเกี่ยวกับเรื่องนิทานเวตาล
เป็นภาษาไทย: http://th.wikipedia.org/wiki/นิทานเวตาล
เป็นภาษาอังกฤษ: http://en.wikipedia.org/wiki/Baital_Pachisi
เล่าเรื่องย่อนิทานเวตาลเป็นภาษาไทย: http://share.psu.ac.th/blog/overtime/9912
Ebook ภาษาไทย โดย น.ม.ส. (10 เรื่อง)
Ebook ภาษาไทย โดย ศาสตราจารย์ ดร.ศักดิ์ศรี แย้มนัดดา (25 เรื่อง)
Ebook ภาษาอังกฤษ
อ่านนิทานเวตาล online ภาษาอังกฤษ
คลิกลิงค์ 1♦คลิกลิงค์ 2♦คลิกลิงค์ 3
https://www.youtube.com/watch?v=edxZW6vbo7
พิพัฒน์