Articles
ดาวน์โหลด English through Pictures 3 เล่ม
สวัสดีครับ
ผมมีหนังสือชุด English through Pictures มาฝาก 3 เล่ม หนังสือชุดนี้แต่งครั้งแรกนานแล้วก่อนผมเกิดซะอีก แต่เอามาปรับปรุงใหม่ เขานำศัพท์พื้นฐานไม่เกิน 1000 คำมาสอนด้วยภาพและประโยคง่าย ๆ ให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายและการใช้ คุณครูลองคลิกดูแล้วกันครับ ถ้าใช้ไม่ได้ทั้งเล่ม บางหน้าหรือบางบทน่าจะใช้ได้ ดาวน์โหลดง่ายขนาดไม่กี่ MB
เชิญดาวน์โหลดได้เลยครับ...
เพิ่ม 30 ตุลาคม 2559
video ชุด English through Pictures
พิพัฒน์
เล่นเกมก็ช่วยให้เก่งอังกฤษได้
สวัสดีครับ
ในอินเทอร์เน็ตมีเกมมากมายที่เล่นแล้วช่วยฝึกสายตาและประสาทมือให้ประสานกันอย่างรวดเร็ว ที่เรียกว่า hand-eye coordination เกมพวกนี้เล่นแล้วติด อยากทำแต้มให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนเกมทางภาษาเราไม่ได้วัดการประสานมือกับสายตา แต่เราพยายามหาสิ่งเร้าใจต่าง ๆ มาช่วยให้ผู้เล่นเกมได้อ่านและฟังภาษาอังกฤษ โดยเอาความสนุก ความเร้าใจ และความท้าทายของเกมเป็นสิ่งล่อ และบางเว็บก็ทำเกมพวกนี้ออกมาได้ดี
ผมขอชวนให้ท่านลองเข้าไปเล่นเกมเหล่านี้จากเว็บไซต์ของ BBC มันมีด้วยกันหลายเกม ท่านลองคลิกเข้าไปเล่นเองแล้วกันครับ มันอาจจะไม่สนุกสุด ๆ เหมือนเกมประเภท hand-eye coordination แต่ก็มีประโยชน์มาก และก็สนุกพอใช้ได้ครับ
ผมขอยกตัวอย่างสัก 3 เกมข้างล่างนี้ครับ
แถม:
ขอแถมไฟล์ flash เพื่อการพัฒนาคำศัพท์และการอ่านที่ 2 ลิงค์ข้างล่างนี้ ท่านเลือกเอาหน่อยแล้วกันครับ บางลิงค์ท่านอาจจะไม่ชอบ แต่บางลิงค์ก็น่าสนใจมาก ๆ
พิพัฒน์
เล่นเกมกริยา 3 ช่องและ phrasal verb ที่เว็บ macmillandictionary.com
สวัสดีครับ
Macmillan Dictionary เป็นดิกคุณภาพดี มีชื่อเสียงติดอันดับ Oxford, Longman, Cambridge
ที่นี่: www.macmillandictionary.com
ในเว็บนี้ยังมีเรื่อง ดี ๆ ให้ศึกษาอีกหลายเรื่อง เช่น 2 ลิงค์ข้างล่างนี้
- http://www.macmillandictionary.com/learn/english-language-resources.html
- http://www.macmillandictionary.com/buzzword/recent.html
วันนี้ผมขอนำ 3 เกมมาให้ท่านลองเล่น
เกมที่ 1: irregular verb wheel.
นำ irregular verb ที่พบบ่อย มาผันตามรูป verb ช่อง 1,2,3, infinitive และ verb+ing
เกมที่ 2: phrasal verbs 1
คลิกเลือก phrasal verb ที่มีความหมายเหมือน (synonym) หรือตรงข้ามกับ (antonym) คำศัพท์ที่ให้มา
เกมที่ 3: phrasal verbs 2
คลิกคำที่ใช้เติมเพื่อทำให้ประโยคสมบูรณ์
พิพัฒน์
การออกเสียงตามโฟเนติกส์ ที่แสดงไว้ในดิก อังกฤษ-อังกฤษ (2)
สวัสดีครับ
ในดิกอังกฤษ-อังกฤษ ทุกยี่ห้อ เช่น Oxford, Longman, Cambridge เป็น ต้น เขาจะมีอยู่หน้าหนึ่งที่แสดงสัญลักษณ์ของโฟเนติกส์ คือ การออกเสียงคำศัพท์ ถ้าเราอ่านโฟเนติกส์ออก เราก็รู้ว่าศัพท์ทุกคำในดิกเล่มนั้นออกเสียงอย่างไร เรื่องนี้ไม่ยาก แต่ต้องอาศัยการดูบ่อย ๆ เพื่อให้คุ้นเคยและคล่อง จำได้และหัดออกเสียงไปด้วย
ผมได้นำตารางการออกเสียงตามโฟเนติกส์ จาก Longman Basic English – Thai Dictionary มาเขียนเสียงภาษาไทยเทียบลงไป เผื่อน้อง ๆ ที่มีดิกพวกนี้จะได้ใช้ดู คลิกดาวน์โหลด
และถ้าต้องการฟังการออกเสียงของโฟเนติกส์แต่ละตัวเหล่านี้ ก็เชิญไปที่ลิงค์ข้างล่างนี้
โดย..
- คลิกที่สัญลักษณ์โฟเนติกส์ เพื่อฟังการออกเสียงแต่ละตัว
- วางเมาส์ที่หัวสามเหลี่ยมชี้ลง และคลิกคำศัพท์เพื่อฟังการออกเสียง
อย่าปิดหูปิดตาฝึกพูดภาษาอังกฤษ
สวัสดีครับ
คนไทยจำนวนมากที่แทบไม่เคยพูดภาษาอังกฤษกับคนต่างชาติ พอมีโอกาสจะพูดจึงไม่กล้า กลัวไปสารพัดอย่าง และก็คิดว่าจะพูดได้ต้องไปเรียนที่โรงเรียนสอนพูดภาษาอังกฤษ เมื่อเรียนมาแล้ว บางคนก็พูดได้ดีขึ้นเยอะ บางคนก็พูดได้ดีกว่าเดิมนิดหน่อย แต่บางคนก็พูดไม่ได้เหมือนเดิม วันนี้ผมจะคุยกับท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้
พอท่านเดินเข้าประตูโรงเรียนสอนพูดภาษาอังกฤษ และบอกเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ว่าจะมาสมัครเรียนคอร์สสนทนาภาษาอังกฤษ สิ่งแรกที่เขาจะให้ท่านทำก็คือทดสอบวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษของท่าน ซึ่งมักจะมี grammar, reading และ listening เมื่อรู้ผลแล้วเขาก็จะแนะนำคอร์สที่เหมาะสมที่ท่านควรเริ่มเรียน
จุดที่หลายคนอาจจะผิดหวังเริ่มจากตรงนี้
เรื่องที่ 1: เขาอาจจะจำกัดจำนวนผู้เรียนไม่เกิน 10 – 15 คนต่อ 1 ห้องต่อการเรียน 1 ครั้งประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง ท่านลองคำนวณดูด้วยตัวเองก็ได้ครับว่า เมื่อหักเวลาที่อาจารย์พูดอธิบายออกไป จะเหลือเวลาให้ผู้เรียนฝึกพูดกี่นาที และเมื่อหารด้วยจำนวนคนเรียนทั้งห้อง แต่ละคนจะได้ฝึกพูดกี่นาที ถ้าการอยู่ในห้องเรียน 1 ครั้งท่านได้พูดประมาณ 15 นาที รวมทั้งคอร์สกี่ครั้ง ท่านจะได้พูดรวมแล้วทั้งหมดกี่นาที ถ้าท่านฝึกพูดเฉพาะเวลาที่อยู่ในห้อง โอกาสพูดคล่องจะมีไหม?
เรื่องที่ 2: ตามหลักการนั้น โรงเรียนจะจัดกลุ่มผู้เรียนที่เก่ง-อ่อนใกล้เคียงกันให้เรียนในห้องเดียวกัน เพราะถ้าคนเก่งไม่เท่ากันเรียนห้องเดียวกันครูจะสอนลำบาก แต่หลักการนี้หลายโรงเรียนอาจจะไม่ได้ปฏิบัติ เพราะว่าจำนวนผู้เรียนที่มีผลการ test ในระดับนั้นระดับนี้มันไม่พอดีกับจำนวนห้อง และถ้าโรงเรียนต้องจัดโดยยึดผู้เรียนเป็นหลัก ก็อาจจะได้ผู้เรียนไม่เต็มห้องตามยอดที่ตั้งไว้ ไม่คุ้มกับค่าครูที่โรงเรียนต้องจ่ายและค่าโสหุ้ยอื่น ๆ บางโรงเรียนก็แก้ปัญหา(ของโรงเรียน)ด้วยวิธีง่าย ๆ คือจัดให้ผู้เรียนที่มีทักษะคนละระดับอยู่ในห้องเดียวกันเพื่อจะได้มีนักเรียนเต็มห้อง และให้ครูผู้สอนแก้ปัญหาเอาเองเมื่อถึงเวลาสอน ท่านลองจินตนาการเอาเองแล้วกันครับว่า ถ้าท่านไม่ค่อยเก่งแล้วต้องไปเรียนร่วมห้องกับคนเก่งพูดคล่องหรือช่างพูด มันจะเป็นยังไง
เรื่องที่ 3: ชาวต่างชาติที่โรงเรียนจ้างเป็นผู้สอนคอร์สสนทนาภาษาอังกฤษนั้น หลายคนก็ไม่ได้จบการศึกษามาทางด้านการสอน และไม่มีประสบการณ์ในการสอนภาษา แม้ว่าจะเป็นภาษาของเขาก็ตาม บางคนก็เป็น backpacker มารับจ้างสอนชั่วคราว เพราะฉะนั้น ในข้อเท็จจริงอย่างนี้ การหวังมากเกินไปคงไม่ดีนัก
เอาละ อาจจะมีโรงเรียนสอนสนทนาภาษาอังกฤษบางแห่งที่โฆษณาว่า ปัญหาทั้ง 3 เรื่องที่ว่ามานี้ที่โรงเรียนของเขาไม่มี เพราะเขาเรียนเป็นกลุ่มย่อยไม่เกิน 3 – 4 คน และทุกคนอยู่ในระดับเดียวกัน และครูต้องได้รับ certificate รับรองความรู้ความสามารถในการสอน นอกจากนี้โรงเรียนของเขายังจัดสิ่งแวดล้อมที่ช่วยกระตุ้นเร่งเร้าให้ผู้เรียนพูดภาษาอังกฤษทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในโรงเรียนหรือห้องเรียน มีครูที่ปรึกษาประจำตัวคอยถามไถ่ แก้ปัญหา ให้กำลังใจผู้เรียนทุกคน และยังมีบริการอีกสารพัดอย่างเสิร์ฟให้ คำถามของผมคือ ท่านพอจะเดาได้ไหมว่า ค่าเรียนที่โรงเรียนคิดต่อ 1 คอร์สนั้นเท่าไหร่ ท่านจะมีเงินสู้ไหวไหมสำหรับตัวท่านเองที่อยากเรียน หรือสำหรับลูกหลานที่ท่านอยากส่งเขาเข้าไปเรียน
ผมขอชี้ให้ท่านดูอีกภาพหนึ่ง ท่านอาจเคยได้ยินเพื่อนบอกว่า ไปเรียนที่นั่นที่นี่ซี ไม่เครียด อาจารย์สอนสนุก ฮาทั้งชั่วโมง ผมขอถามหน่อยว่า ท่านต้องการไปเรียนฝึกพูดภาษาอังกฤษหรือต้องการไปฟังทอร์คโชว์ ท่านได้หลักเกณฑ์ที่สามารถนำมาฝึกพูดด้วยตัวเองบ้างไหม หรือทุกครั้งที่จะฝึกพูด จะต้องไปฝึกพูดกับครู ไปฟังครูพูด ไปพูดให้ครูฟัง ชีวิตนี้ขาดครูไม่ได้เลยหรือ
เพื่อนผมคนหนึ่งลาออกจากราชการมาทำธุรกิจส่วนตัว เขาจะต้องพูดกับเอเย่นต์และลูกค้าต่างชาติเป็นภาษาอังกฤษแต่ก็พูดได้กระท่อนกระแท่นมาก จึงแก้ปัญหาด้วยการให้หลานที่เรียนจบสหรัฐฯมาช่วยพูดติดต่อให้ แต่มันก็ไม่ได้ดังใจ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจไปเข้าคอร์สสนทนาภาษาอังกฤษยาวหลายเดือนพร้อมกับอยู่กับครอบครัวฝรั่งที่เมืองนอก เขาหวังว่าเมื่อจบคอร์สกลับมาเมืองไทยจะพูดฝรั่งได้คล่อง การตัดสินใจของเพื่อนคนนี้มีเพื่อนหลายคนเห็นด้วย ในความเห็นของเขา ถ้าไม่มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษพูดจาในชีวิตจริงก็ไม่มีทางพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง
ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า ที่พูดมายืดยาวทั้งหมดนี้ผมต้องการจะบอกอะไร ผมต้องการจะบอกอย่างนี้ครับ:
[1] ทุกคนรู้แล้วว่า ทุกวันนี้ประเทศไทยเปิดตัวติดต่อกับโลกทั้งโลก และเราจำเป็นต้องพูดกับชาวโลกให้รู้เรื่องด้วยภาษาสากลของโลก คือ ภาษาอังกฤษ
[2] พวกเราทุกคนรู้ และชาวโลกก็รู้ ว่าทักษะในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษของคนไทยอ่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านสามัญ คนที่ยังเรียนหนังสือ คนที่ทำงานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงานส่วนตัว งานราชการ งานเป็นลูกจ้างบริษัท ถ้างานนั้นต้องพูดภาษาอังกฤษที่ยากสักหน่อย คนไทยจะเดี้ยง
[3] และเมื่อจะฝึกพูดภาษาอังกฤษให้พูดเป็น พูดคล่อง สิ่งแรก (และสิ่งเดียว)ที่คนไทยส่วนมากมักนึกถึง ก็คือครูสอนภาษาอังกฤษ และโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ ถ้าไม่มีครูผู้สอนและไม่มีโรงเรียน การเรียนก็เกิดขึ้นไม่ได้
[4] แต่ปรากฏการณ์ที่เห็นและเป็นอยู่ เกี่ยวกับการฝึกพูดภาษาอังกฤษของคนไทยเพื่อให้มีทักษะนี้รับกระแสโลก กลับมีแต่เรื่องน่าผิดหวัง เพราะว่า ดูเหมือนมันไม่มีคำตอบเอาซะเลย ทำไมล่ะ ?
- แม้ว่าโรงเรียนสอนภาษาเอกชนบางแห่งที่พอสู้ราคาไหวจะเป็นที่พึ่งได้บ้าง แต่หลายแห่งก็พึ่งไม่ได้อย่างที่คุย และเสียเงินอย่างไม่คุ้มค่า
- โรงเรียนสอนภาษาเอกชนที่มีชื่อว่าสอนดี ก็แพงจนหูฉี่สู้ค่าสอนไม่ไหว
- จะไปเรียนเมืองนอก ก็ไม่มีเงิน ไม่มีเวลา
จึงมาถึงข้อสรุปเดิม ๆ ที่ผมพูดไว้หลายครั้งในเว็บนี้ ว่า
[1] ท่านฝึกเองเถอะครับ แต่อย่าปิดหูปิดตาฝึกพูดภาษาอังกฤษ คำว่า “ปิดหู” คือไม่ยอมฝึกฟัง และคำว่า “ปิดตา” คือไม่ยอมฝึกอ่าน เมื่อไม่ได้ฝึกฟังและไม่ได้ฝึกอ่าน ก็ไม่ได้สำเนียง ไม่ได้สำนวน และไม่ได้ศัพท์ ก็ยากนักที่การฝึกพูดจะได้ผลดี ตาและหูคือครูที่แท้จริงของปาก ปากจะพูดได้ดีเพราะมีตาและหูเป็นผู้ช่วย สิ่งที่เราอ่านผ่านตาและฟังผ่านหู จะเป็นครูที่บอกเราว่า พูดอย่างไรให้ผิดน้อยหรือไม่ผิดเลย
[2] ท่านอย่ารอครูเลยครับ อย่าทำเหมือนกับว่า ครูเป็นบ๋อยที่นำอาหารคือบทเรียนมาเสิร์ฟท่านถึงที่โต๊ะ ท่านต้องเสิร์ฟตัวเองครับ และในเน็ตก็มีบทเรียนมากมายให้ท่านเลือก โดยเฉพาะบทเรียนจากเว็บฝรั่งที่มากกว่าเว็บไทยทั้งปริมาณและคุณภาพ ลูกเล่น เทคนิค รายละเอียดดี ๆ ต่าง ๆ มากมาย ท่านต้องลงทุนสืบค้นและเสิร์ฟตัวเอง อย่ารอครูเลยครับ เมื่ออยู่ในโรงเรียนท่านอาจจะเป็นนักเรียนที่ขยัน ครูสอนให้ทำอะไรก็ทำหมด แต่ตอนนี้ที่ท่านไม่ได้เป็นนักเรียนแล้ว ไม่มีครูมามอบการบ้าน ท่านจึงต้องเป็นครูมอบการบ้านให้ตัวเอง และเคี่ยวเข็ญตัวเองให้ทำการบ้านนั้น
[3] ในการฝึกพูด ถ้ามีคนจริง ๆ ให้ฝึกพูดด้วยก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้ายังไม่มีก็ฝึกอย่างอื่นแทนไปก่อนได้ การฝึกเปล่งเสียงคำศัพท์เป็นคำ ๆ, ฝึกพูดประโยคสนทนาทีละประโยค โดยเลือกประโยคที่มีโอกาสใช้นำมาฝึกพูดก่อน, การฝึกอ่านออกเสียงวันละ 1 หน้า, การฝึก present ต่อกลุ่มผู้ฟังในจินตนาการวันละ 1 เรื่อง ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นบทฝึกพูดด้วยตัวเองที่ได้ผลโดยไม่ต้องมี partner เป็นคนจริง ๆ
[4] การฝึกพูดภาษาอังกฤษให้ได้ผล จิตใจเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าความอยากเยอะแต่ความพยายามน้อย, สมาธิสั้นแต่ความกังวลยาว ก็คงทำอะไรไม่สำเร็จ
พูดมาถึงตรงนี้ ทำให้อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเพลงเก่าเพลงนั้นของวงแฮมเมอร์ ท่านลองคลิกฟังดูก็ได้ครับ
4 วรรคแรกของเนื้อเพลงบอกว่า....
ทำไมครูที่นี่มีน้อยนัก
เด็กๆมักถามถึงครูอยู่เสมอ
ครูคนใหม่อยู่ไหนกันเล่าเออ
เด็กชะเง้อคอยครูอยู่ทุกวัน
ทุกวันนี้เมื่อเราต้องการฝึกพูดภาษาอังกฤษ เราไม่ต้อง “ถามถึงครูอยู่เสมอ” และไม่ต้อง “ชะเง้อคอยครูอยู่ทุกวัน” หรอกครับ เพราะครูก็คือตัวเราเอง คือปากที่เปิดพูด คือหูที่เปิดฟัง และคือตาที่เปิดอ่าน
ตัวเราเอง ใจของเราเอง ปาก-หู-ตาของเราเอง เป็นห้องเรียนภาษาอังกฤษที่เราเปิดประดูเข้าไปฝึกได้ทุกวัน
พิพัฒน์