Articles
เรียนภาษาอังกฤษกับการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา
เรียนภาษาอังกฤษกับการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา
ไทย:▬► http://www.tmd.go.th/index.php
อังกฤษ:▬► http://www.tmd.go.th/en/
หนังสือภาพสอนภาษาอังกฤษเด็กเล็ก ๆ + mp3
มีหนังสือภาพสอนภาษาอังกฤษเด็กเล็ก ๆ มาฝากคุณครูครับ ชอบเล่มไหนก็คลิกเล่มนั้น, มีทั้ง eBook, คลิกทีละหน้าอ่าน online, และดาวน์โหลดไฟล์ mp3
▬► http://www.kidsenglishbooks.com/
ข้อสอบ ที่ใช้วัดระดับทักษะภาษาอังกฤษของคนไทย
คงจะข้อสอบทำนองนี้แหละครับ ที่เขาทดสอบเราและก็ประกาศว่า ระดับภาษาอังกฤษคนไทยแย่ ลองทำดูก็ได้ครับ
→ https://www.efset.org/th/
ถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยนทำข้างล่างนี้ก็ได้ครับ
→ http://www.ef.co.th/test1/#/options
→ http://www.transparent.com/learn-english/proficiency-test.html
เข้าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ free online – มีประโยชน์มาก
สวัสดีครับ
การเรียนภาษาอังกฤษผ่านเน็ต รู้สึกว่าจะมี 2 อย่าง
อย่างที่ 1 คือ อยากจะรู้ -อยากจะเรียนอะไร ก็เข้าไปที่หน้า →Google Search และพิมพ์คำค้นลงไป วิธีนี้จะเรียนอะไร เรียนเมื่อไหร่ ทำได้ทั้งนั้น หรือจะดาวน์โหลด eBook หรือคลิปมาเรียนโดยไม่ต้องต่อเน็ต ก็ทำได้
อย่างที่ 2 คือ เข้าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษขณะต่อเน็ต ซึ่งมีคอร์สให้เรียนมากมายโดยไม่ต้องเสียเงิน
ทั้ง 2 อย่างนี้ผมรู้สึกว่า คนไทยชอบเรียนอย่างแรกมากกว่าอย่างหลัง... มากกว่ามาก ๆ
สำหรับท่านที่ไม่คุ้นเคยกับ คอร์สเรียนภาษาอังกฤษ free online ผมขอเล่าให้ฟังนิดหน่อย ดังนี้ครับ
[1] คอร์สเรียนภาษาอังกฤษ free online เป็นเนื้อหาที่บางเว็บไซต์จัดให้ผู้เรียนได้ศึกษาเนื้อหาเป็นชุด ๆ (ซึ่งมีทั้งชุดเล็ก ๆ และชุดใหญ่) ผู้เรียนต้องเรียนไปตามลำดับ ตั้งแต่ บทแรกจนจบบทสุดท้าย จึงจะเรียกว่าเรียนจบ ไม่ใช่เลือกเรียนเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สนใจจะเรียน
[2] โดยทั่วไป ทางเว็บจะให้ผู้เรียน register ก่อน เมื่อจะเข้าเรียน ก็ log in เข้าไปในวิชาที่เลือกเรียน, เดี๋ยวนี้การ register – log in ทำผ่าน Facebook ก็ได้ ง่ายมากครับ
[3] บางเว็บมีให้ผู้เรียนทดสอบระดับภาษาอังกฤษของตัวเองก่อน จะได้สามารถเลือกได้ถูกต้องว่า level ที่เว็บจัดให้เลือกเรียน คือ beginner – intermediate – advanced นั้น ตนน่าจะ start ที่ level ไหน
[4] สำหรับเว็บใหญ่ ๆ มักมีหลายคอร์สให้ผู้เรียนเลือกได้ตามความสนใจ อันนี้ถือว่าเป็นบริการที่ดีมาก แถมบางเว็บยังมี apps พิเศษให้ดาวน์โหลดเพื่อเรียนกับ smartphone หรือ tablet อีกด้วย
[5] โดยทั่วไปในแต่ละคอร์ส หลังจากที่ log in เข้าไปเรียนวันแรก ทางเว็บจะกำหนดเวลาซึ่งต้องเรียนให้จบ เช่น ต้องเรียนให้จบภายใน 1 – 3 เดือน หากเรียนไม่จบ มักจะต้องเริ่มเรียนกันใหม่
[6] สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษกับสำหรับคอร์ส online ก็คือ เนื้อหาที่จัดทำมักมีลักษณะ interactive เช่น มีวีดิโอให้คลิกดู(อาจจะมีให้เลือกคลิกว่า จะดูคลิปพร้อมอ่าน transcript หรือไม่) โดยภาพในวีดิโอนั้น อาจจะเป็นคนจริง ๆ หรือคนการ์ตูนพูดกับผู้เรียนโดยเฉพาะ ทำให้รู้สึกใกล้ชิด หรือถ้าเป็น exercise หรือ test เมื่อคลิกตอบคำถามแต่ละข้อ ก็มีเฉลยให้ดูทันทีว่าตอบผิดหรือถูก เป็นต้น
[7] หลายเว็บเมื่อเรียนจบถึงบทสุดท้าย จะมี final test ถ้าสอบผ่านก็จะได้รับ certificate print ออกมาได้เลย
ลักษณะที่น่าสนใจมาก ๆ ของการเรียนแบบเข้าคอร์สออนไลน์ก็คือ เนื้อหาที่จัดทำเป็นชุดนี้ ทำให้ผู้เรียนได้เรียนอย่างค่อนข้างสมบูรณ์ ในวิชาที่ตนเองเลือกจะเรียน แต่สิ่งที่อาจจะทำให้หลายคนไม่ชอบการเรียนแบบนี้ก็คือ ผู้เรียนจะต้องมีวินัยสูง เมื่อเริ่มเรียนแล้วก็ต้องไม่เลิกเรียน ต้องอึดเรียนไปจนจบ ซึ่งสำหรับคนที่รักเรียนนี่เป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะเรามีโอกาส ทั้ง train และ test ตัวเองอย่างเป็นกิจจะลักษณะ และการพยายามเรียนจนจบทีละหลักสูตร ๆ นี้ มันชี้ให้เห็นทั้งความสำเร็จและความก้าวหน้าไปพร้อมกัน
สำหรับท่านที่รับผิดชอบงานฝึกอบรมบุคลากรของหน่วยงาน ถ้าหน่วยงานของท่านไม่มีงบประมาณมากเพียงพอในการจัดหลักสูตรเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของพนักงาน ผมขอแนะนำให้ท่านลองหาหลักสูตร free online ซึ่งมีเนื้อหาตามที่ท่านต้องการในเน็ต ถ้าโชคดีอาจจะเจอ เมื่อเจอก็มีวิธีเรียนอยู่ 2 วิธี คือ
(1)มอบหมายให้แต่ละคนเรียนด้วยตัวเองที่บ้าน และถ้าคอร์สนั้นมี final test ก็ให้ print ผลการสอบหรือ certificate มาแสดงด้วยเมื่อเรียนจบ
(2)จัดห้องเรียนที่ office ให้กลุ่มพนักงานที่ได้รับการคัดเลือกมาเข้าเรียนพร้อมกันตามเวลาที่กำหนด โดยฉายภาพขึ้นจอใหญ่หน้าห้อง และถ้าเป็นไปได้ก็จัดให้พนักงานที่เก่งภาษาอังกฤษสัก 1 คนเป็นคนอธิบายประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือจัดแจงอย่างอื่นในลักษณะนี้ ที่ใช้งบน้อย แต่ได้ผลมาก
สำหรับเว็บเมืองไทยที่ให้เข้าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ ผมเจออยู่ 2 เว็บที่เนื้อหาน่าสนใจทีเดียว คือ
เว็บที่ 1 Thailand Cyber University
- http://www.thaicyberu.go.th/th
- http://cloud.thaicyberu.go.th/Account/login
- http://www.thaicyberu.go.th/th/taxonomy/term/31
หลักสูตรที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ มีถึง 27 หลักสูตร ดังนี้
→ คลิก
เว็บที่ 2 มสธ.
มี 4 หลักสูตรให้เรียน คือ
- English Grammar in Use-ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร
- Common Grammar and Writing Problems-ปัญหาที่พบเสมอด้านไวยากรณ์และการเขียน
- Welcoming Guests-การต้อนรับชาวต่างประเทศ
- Official Correspondence in English-การเขียนหนังสือราชการภาษาอังกฤษ
→ คลิก
สำหรับการเรียนคอร์ส online กับเว็บต่างประเทศนั้น มีมากมายทีเดียว
Google Search → english language courses free online หรือ → kidrex.org Search
ในที่นี้ ผมขอยกตัวอย่างมาให้ท่านดูเล็กน้อย
- VOA Let's Learn English ถ้าจบคอร์ส จะมีทั้งหมด 52 lesson ขอแนะนำเป็นพิเศษ
- BBC Learning English •→ http://www.bbc.co.uk/learningenglish/english/hygiene/course-information
- MOOEC •→ http://mooec.com/courses
- http://www.cambridgeenglish.org/learning-english/free-resources/mooc/
- http://www.britishcouncil.org.eg/en/english/learn-online
- https://www.futurelearn.com/partners/british-council
- https://alison.com/subjects/11/English-Language-Skills / https://alison.com/courses/language
- http://www.english-online.org.uk/course.htm
- http://www.learn-english-online.org/
พอเขียนแนะนำมาถึงบรรทัดนี้ ผมมาคิดดูก็รู้สึกว่า คอร์สพวกนี้ถ้าคนพื้นอ่อนเรียนด้วยตัวเอง โดยไม่มีครูคอยชี้แนะหรือไม่มีเพื่อนร่วมเรียน จะต้องมีความอึดเป็นพิเศษ เพราะมันอาจจะท้อและเบื่อได้ง่าย แต่คิดดูอีกที คนที่ล้มเหลวกับคนที่ประสบความสำเร็จก็ต่างกันตรงนี้ คือท้อแล้วถอยกับท้อแล้วทน เบื่อแล้วยอมแพ้กับเบื่อแล้วยืนหยัด เราทุกคนเป็นคนธรรมดา ไม่มีใครเป็นคนพิเศษ แต่ทุกคนมีสิทธิเลือกว่าจะเป็นคนธรรมดาแบบไหน
พิพัฒน์: review 13 Jan 2018
https://www.facebook.com/En4Th
วิธี search เนื้อหาการเรียนภาษาอังกฤษจาก (10) ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
สวัสดีครับ
เมื่อเราให้ Google หาเนื้อหาการเรียนภาษาอังกฤษ เนื้อหาที่กูเกิ้ลโชว์มักจะมาจากเว็บไซต์ใน 2 ประเทศ คือ US และ UK ไม่ว่าจะเป็น text, clip, mp3, image, eBook, program หรือเนื้อหาอะไรก็แล้วแต่ที่เราใช้เรียนภาษาอังกฤษ สรุปง่าย ๆ ก็คือ US และ UK คือ 2 ประเทศใหญ่ที่ป้อนข้อมูลการเรียนภาษาอังกฤษให้คนในโลกนี้ทั้งโลก
แต่ว่า ถ้าเราต้องการหาข้อมูลการเรียนภาษาอังกฤษ โดยเจาะจงลงไปเลยว่า เป็นข้อมูลจากประเทศ A, B, C, D... เราก็สามารถทำได้ โดย
- ไปที่ → Google Advanced Search,
- พิมพ์คำค้นลงไปในช่อง Find pages with...,
- ตรงบรรทัด language: ให้คลิกเลือก English
- ตรงบรรทัด region: ให้คลิกเลือกประเทศ,
- และคลิก Advanced Search ที่ข้างล่าง
ถามว่า การระบุประเทศ ให้ผลต่างยังไงจากการ search แบบธรรมดา?
ตอบว่า ในบางเรื่อง เนื้อหาที่มาจากประเทศนั้นมีความต่าง ยกตัวอย่าง เมื่อเราพิมพ์คำค้นข้างล่างนี้ลงไป โดยระบุประเทศตามวิธีที่ผมว่าไว้ มันมีโอกาสมากขึ้นว่า เนื้อหาที่ Google Search โชว์นั้น ถูกเขียนหรือทำขึ้นโดยคนในประเทศนั้น ซึ่งบางทีก็อาจจะดีที่เราได้อ่าน เช่น อ่านเรื่องฝังเข็มที่คนจีนเขียน, อ่านเรื่องปิรามิดที่คนอียิปต์เขียน, อ่านเรื่องนินจาที่คนญี่ปุ่นเขียน, หรือ(คนต่างชาติได้)อ่านเรื่องสมเด็จพระนเรศวรที่คนไทยเขียน เป็นต้น
ท่านลองคลิกดูตัวอย่างข้างล่างนี้นะครับ และก็คลิกที่ปุ่ม Videos และ Images ด้วย เพราะมันก็มาจากประเทศนั้น ๆ ด้วยเหมือนกัน
- English stories for kids (อินเดีย),
- Chinese acupuncture (จีน),
- history of ninja (ญี่ปุ่น),
- biography of Naresuan (ไทย),
- Indonesian folktales (อินโดนีเซีย),
- secret of pyramid (อียิปต์)
วิธี search ที่พูดมาข้างบนนี้เป็นหลักทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติอาจจะมีปัญหาเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าประเทศนั้นคนส่วนใหญ่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ หรือภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นภาษาทางการ เราจึงหวังไม่ได้เต็มที่ว่า สิ่งที่เราจะอ่านเป็นภาษาอังกฤษมันจะมีให้เราอ่าน เพราะเว็บไซต์ส่วนใหญ่ในประเทศเขา เขาก็คงเขียนด้วยภาษาของเขา ซึ่งเราอ่านไม่ออก
ณ นาทีนี้ ผมกำลังคิดว่า เราน่าจะเข้าไปดูเว็บไซต์ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการหรือคนส่วนใหญ่ (majority) พูดภาษาอังกฤษ ประเทศเหล่านี้จำนวนมากที่สุดอยู่ในทวีปแอฟริกา ที่เหลือก็กระจายอยู่ในทวีปอเมริกา ยุโรป เอเชีย และประเทศเกาะไม่กี่แห่ง มีประเทศใดบ้าง?
→คลิกดู
แล้วก็ลองหาดูว่า เนื้อหาที่นักการศึกษาหรือครูอาจารย์ในประเทศนั้น เขาทำขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนหรือเด็กในประเทศของเขา ใช้เรียนภาษาอังกฤษ มันเป็นยังไงบ้าง ผมคิดเอาเองว่า มันน่าจะมีอะไรต่างจากเนื้อหาที่กูเกิ้ลดึงมาให้เราดูจากเว็บในประเทศ US และ UK
หลังจากที่ลองค้นดูอยู่พักใหญ่ก็ได้ข้อสรุปว่า มีเพียงประเทศค่อนข้างร่ำรวย หรือไม่จนเท่านั้นซึ่งเว็บไซต์ของเขามีเนื้อหาที่เราต้องการ และวิธีที่ง่ายสุด ๆ ก็คือ ไปที่หน้า Google Search, พิมพ์คำค้นลงไป และ copy ข้อความที่ไฮไลท์นี้ และ paste ตามหลังคำค้น
site:AU OR site:CA OR site:IN OR site:IE OR site:NL OR site:NZ OR site:PH OR site:SG OR site:UK OR site:US
นั่นก็คือ เราจะ search ทีเดียวหลาย ๆ ประเทศ แต่ก็เฉพาะ 10 ประเทศนี้ที่เราต้องการเท่านั้น
ลองคลิกดูผลการ Search ครับ
- stories for kids site:AU OR site:CA OR site:IN OR site:IE OR site:NL OR site:NZ OR site:PH OR site:SG OR site:UK OR site:US
- basic english grammar site:AU OR site:CA OR site:IN OR site:IE OR site:NL OR site:NZ OR site:PH OR site:SG OR site:UK OR site:US
- english listening practice site:AU OR site:CA OR site:IN OR site:IE OR site:NL OR site:NZ OR site:PH OR site:SG OR site:UK OR site:US
- basic english vocabulary and meanings site:AU OR site:CA OR site:IN OR site:IE OR site:NL OR site:NZ OR site:PH OR site:SG OR site:UK OR site:US
- basic english level test site:AU OR site:CA OR site:IN OR site:IE OR site:NL OR site:NZ OR site:PH OR site:SG OR site:UK OR site:US
- easy english news site:AU OR site:CA OR site:IN OR site:IE OR site:NL OR site:NZ OR site:PH OR site:SG OR site:UK OR site:US
- toeic test free online site:AU OR site:CA OR site:IN OR site:IE OR site:NL OR site:NZ OR site:PH OR site:SG OR site:UK OR site:US
- english speaking practice free online site:AU OR site:CA OR site:IN OR site:IE OR site:NL OR site:NZ OR site:PH OR site:SG OR site:UK OR site:US
ท่านผู้อ่านครับ ผมไม่ขอรับรองว่า วิธีการ search โดยเจาะจงเว็บไซต์ใน 10 ประเทศนี้จะให้ผลดีกว่าการ search แบบธรรมดา แต่ผมเชื่อว่า มันจะให้ผลที่แปลกไปกว่าเดิม และท่านอาจจะใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น จากเนื้อหาที่หลากหลายมากกว่าเดิมเช่นนี้ และสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษมากกว่าเดิม
ลอง Search เล่นดูบ้างซีครับ
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th