Articles
การเลือกคณะที่จะเรียน-เลือกงานที่จะทำ และ... ประสบการณ์ส่วนตัวของผม
♦ บทความนี้ ❝Bridging the gap❞ที่ นสพ. Bangkok Post น่าสนใจมาก เขาพูดถึงปัญหาเด็กไทยเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในคณะที่ตนไม่ได้รักจะเรียนหรือรักอาชีพในสายนั้นเมื่อเรียนจบ จึงเกิดการย้ายคณะ หรือการสอบเข้าคณะใหม่ และก็ยังพูดถึงเรื่อง gap year คือการใช้เวลา 1 ปีหลังจบชั้นมัธยมเพื่อค้นหาให้เจอว่า ตัวเองชอบอะไรจริง ๆ ก่อนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย และก็พูดถึงปัญหาว่าระบบการศึกษาของเมืองไทยหรือพ่อแม่ก็ไม่ค่อยได้ช่วยเหลืออะไรในเรื่องนี้มากนัก
ลองอ่านดูที่นี่ครับ ▬► คลิก
♦ ผมอ่านเรื่องนี้จบแล้วก็รู้สึกเห็นใจทั้งผู้เรียนและพ่อแม่ และก็รู้สึกว่าบทความนี้มีบางด้านที่ไม่ได้เขียน เช่น การ "ค้นพบตัวเอง" ให้เจอนั้น ผู้ค้นหานอกจากรู้ว่าตัวเองมี "ฉันทะ" ในเรื่องอะไรแล้ว ยังต้องมี "สติ" และ "ขันติ" อย่างถูกสัดส่วนกับฉันทะด้วย ไม่ใช่พิจารณาโดยใช้ฉันทะอย่างเต็มที่แต่ขาดสติและขันติในปริมาณที่ควรจะมี
♦ ถ้าจะให้สรุปก็ต้องบอกว่า เรื่องนี้พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ผู้เรียน และครู ควรจะได้ปรึกษาหารือกันอย่างจริงจัง และไม่ใช่คุยกันครั้งเดียวเลิก อาจจะต้องคุยกันหลายครั้ง หรือออกไปคุยกับคนนอกบ้างถ้าทำได้ การได้ฟังหลายทัศนะจะช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น ผมเคยเข้าคอร์สฝึกอบรมเรื่อง Career Path ที่ประเทศเยอรมนีรวมกับคนหลายชาติจากเอเชียและแอฟริกา จึงได้รู้ว่ามันเป็นปัญหาของทุกชาติ แม้แต่อาจารย์ก็ไม่กล้าฟันธงลงไปเด็ดขาดว่า คนเรียนจะต้องใช้เกณฑ์อะไรในการเลือกคณะที่เรียนหรือสาขาที่ทำงาน
♦ ผมไม่สามารถใช้ประสบการณ์ของตัวเองจากชีวิตนักศึกษามาแนะนำท่านผู้อ่านได้เลย ตอนเรียนชั้นมัธยม ผมเป็นเด็กที่เรียนเก่ง และตาลุ้น(บังคับ)อย่างหนักให้เลือกสอบ entrance คณะนิติฯ ผมไม่เลือกคณะนิติฯ ไม่ใช่เพราะเกลียดคณะนี้ แต่เกลียดการถูกบังคับ(นี่เป็นการวิเคราะห์ตัวเองได้ในภายหลัง) ผมเลือกเรียนคณะวารสารศาสตร์ฯ ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นคณะที่ไม่ค่อยรู้จักสักเท่าไหร่ เมื่อได้เข้าไปเรียนจึงรู้สึกว่าไม่ค่อยชอบ ตลอดช่วง 5 ปีจึงเอาดีไม่ค่อยได้กับวิชาในคณะนี้ แต่ใช้เวลามาก ๆ ไปกับการฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง และช่วงที่ยังเรียนไม่จบก็ทำงานหาเงินโดยไปรับจ้างแปลข่าวต่างประเทศที่หนังสือพิมพ์รายวัน 2 ฉบับ รู้สึกดีใจที่ได้เงินเดือนมากกว่าคนจบปริญญาตรีเสียอีกทั้ง ๆ ที่ยังเรียนไม่จบ แม้เกรดเฉลี่ยที่คณะวารสารฯ จะลดอย่างน่าใจหาย จาก 3.2 เหลือ 1.6 แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะวิชา " แปลข่าว" ที่มหาวิทยาลัย ผมได้เกรด A โดยใช้เวลาทำแค่ 15 นาที จาก 3 ชั่วโมง ก็ส่งกระดาษคำตอบ
♦ ช่วงทำงานเป็นพัฒนากร 10 ปี แรกในต่างจังหวัด ผมไม่มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษที่สุดรักเลย ได้แต่อ่าน Bangkok Post ทุกวัน แต่อีก 22 ปีที่ย้ายมาทำงานในกรุงเทพที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ภาษาอังกฤษที่รักคอยมารับใช้อย่างเต็มที่ ทั้ง-ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ทำให้ได้ไปทำงานและท่องเที่ยวมาแล้ว 25 ประเทศ ตอนนี้เกษียณแล้ว ของที่เก็บสะสมไว้ในช่วงหลายสิบปีที่ทำงานก็เอามาแบ่งปันในฐานะ Webmaster ของ e4thai.com นี่แหละครับ
♦ สรุปก็คือ ท่านจะเลือกเรียนคณะใดก็ให้ไตร่ตรองด้วย ❝ฉันทะ-สติ-ขันติ❞ อย่างรอบด้าน แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมขอรับรองว่า ไม่ว่าท่านจะเลือกเรียนคณะใด ถ้าท่านรักภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษก็จะรักท่าน สำหรับผม ภาษาอังกฤษช่วยให้ได้ทำงานที่รัก ได้เงินใช้ ได้เพื่อนต่างชาติ ได้ท่องเที่ยวไปหลายทวีป และสุดท้ายได้ความสุขตอนแก่ เพราะได้เป็น Webmaster ของ e4thai.com
พิพัฒน์
คำศัพท์ อังกฤษ - ไทย หลาย list ในเว็บ e4thai.com
♦ในเว็บ e4thai.com มีรายการคำศัพท์ อังกฤษ - ไทย ให้ท่านดูหลาย list ทีเดียว
ลองดูได้เลยครับ อาจจะมีประโยชน์บ้าง
→ http://tinyurl.com/m2w5uwk
ศึกษาการใช้คำศัพท์ ที่หน้า Usage Notes ของดิก Oxford
♦ศึกษาการใช้คำศัพท์ ที่หน้า Usage Notes ของ Oxford Learner's Dictionaries ♦
ที่ลิงก์นี้ของเว็บดิก Oxford เขารวบรวมคำอธิบายไว้อย่างมากมายละเอียดลออ เกี่ยวกับคำศัพท์
→ http://www.oxfordlearnersdictionaries.com/wordlist/english/usage_notes/
【1】อันดับแรกให้ท่านดูที่คอลัมน์ซ้ายมือ แล้วคลิกหัวข้อที่ท่านสนใจอยากจะศึกษา เช่น สมมุติว่าตอนนี้ท่านคลิกหัวข้อ Express Yourself
【2】คำศัพท์ที่เขาจะอธิบายในหัวข้อนั้น ๆ จะปรากฎที่คอลัมน์ขวามือ เรียงตามตัวอักษร a b c.... x y z , ถ้ามีเยอะ ก็จะมีเลข 1 2 3 4 > ให้คลิกดูหน้าต่อไปเรื่อย ๆ
【3】คลิกคำที่ท่านสนใจ เช่น ในกรณีนี้ สมมุติว่าท่านคลิกคำแรก คือ คำว่า advice
【4】คลิกที่แถบที่มีชื่อหัวข้อ คือแถบ ✚Express Yourself
♠ ถึงตรงนี้ท่านจะได้อ่านคำอธิบายที่ค่อนช้างละเอียด ชัดเจน และกระชับ เกี่ยวกับคำนี้ พร้อมประโยคตัวอย่าง
♠ ลิงก์นี้ลิงก์เดียว ถ้าพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือก็เล่มโตทีเดียว แต่การค้นจากหน้าเว็บแบบนี้ ทำให้ได้ข้อมูลที่สงสัยได้อย่างรวดเร็วมาก เร็วกว่าเปิดหน้าหนังสือซะอีก
♠ อีกอย่างหนึ่งที่ดีมาก ๆ ก็คือ เมื่ออ่านคำอธิบายแล้วเจอศัพท์ที่ไม่รู้จัก ก็ดับเบิ้ลคลิกศัพท์ตัวนั้น มันจะเป็นลิงก์ไปหน้าหน้าที่โชว์ความหมายของคำศัพท์ อย่างนี้จึงเป็นการฝึกใช้ ดิก อังกฤษ-อังกฤษ พร้อมกับเพิ่มคำศัพท์มากขึ้นเรื่อย ๆ
♦ ลองสำรวจและฝึกดูนะครับ ดีมากจริง ๆ ♦
หนังสือ/คำสอน หลวงพ่อชา-อจ.พุทธทาส ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ
♦รวม คำสอน/หนังสือ ของหลวงพ่อชา สุภัทโท ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ
【1】 http://www.amaravati.org/book-authors/ajahn-chah/?fpmtp_languages=english
【2】 http://www.dhammatalks.net/index.htm (ดูที่คอลัมน์ซ้ายมือ -ท่านแรก)
【3】 http://www.abhayagiri.org/books (พิมพ์ Ajahn Chah ลงในช่อง Filter by keyword, และ Category เลือก PDF)
【4】 http://www.ajahnchah.org/book/index.php
【5】 http://www.e4thai.com/e4e/images/pdf2/FH.pdf
【6】 http://www.accesstoinsight.org/lib/thai/chah/index.html
♦ รวมหนังสือคำสอนของ ท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ
【1】 http://www.bia.or.th/en/index.php/buddhadasa-media/books-texts/ebooks/pdf
【2】 http://www.dhammatalks.net/index.htm (ดูที่คอลัมน์ซ้ายมือ เลื่อนลงไปถึงท่านที่ 6)
ดู หนังสั้น (short film) ที่ YouTube
ที่ YouTube มี short film ให้ท่านเข้าไปดูเพลิน ๆ และฝึกภาษาอังกฤษ
♦ short film → http://tinyurl.com/lcofwzl
แต่ท่านสามารถ Search แบบเจาะจงมากขึ้นอีกนิด โดยพิมพ์คำค้น ตามตัวอย่างข้างล่างนี้
♦ เจาะจงประเทศที่มาของ short film
เช่น short film site:us → http://tinyurl.com/jwerzq7
♦ เจาะจงชื่อหรือประเภทของหนัง (+ประเทศ)
เช่น short film true story site:uk → http://tinyurl.com/m7xn63z
♦ เจาะจงให้มี subtitles บนจอ
เช่น modern China short film, CC → http://tinyurl.com/kwgacc9