Articles
การพัฒนา listening skill โดยการฟัง audiobook English story ผ่าน YouTube
การพัฒนา listening skill โดยการฟัง audiobook English story ผ่าน YouTube เป็นวิธีฝึกที่ได้ผลดีวิธีหนึ่ง, audiobook พวกนี้จำนวนมากมีทั้ง 3 อย่างครบ คือ ①มีเสียง ②มีภาพ ③มีsubtitles
ผมขอแนะนำวิธีฝึก 3 ข้อในการเพิ่มทักษะการฟังภาษาอังกฤษกับคลิปพวกนี้, ให้ท่านปฏิบัติตามทั้ง 3 ข้อ, อย่าขาดแม้แต่ข้อเดียว
【1】 หาให้เจอ story ที่รู้สึกชอบ, ถ้าหาไม่เจอ ต้องพยายามหาให้เจอ, นี่เป็นเรื่องแรกที่ต้องลงทุน เพราะถ้าทนฟังเรื่องที่ไม่รัก ใจที่ให้กับการฝึกจะไม่เต็มร้อย เพราะฉะนั้นต้องหาเรื่องที่ตัวเองรักจะฝึกฟังให้เจอ และควรจะหาเอง อย่ารอให้คนอื่นหาให้
【2】 เลือกฝึกฟังเรื่องที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับตัวเอง - ไม่ง่ายไม่ยากเกินไป, อย่าเลือกเรื่องที่ง่ายมากฟังรู้เรื่องหมด, และก็อย่าเลือกเรื่องที่ยากมากฟังแทบไม่รู้เรื่องเลย, แต่ให้เริ่มฝึกฟังเรื่องที่พอจะเข้าใจแต่ไม่ทั้งหมด เพื่อให้เราได้ออกแรงฝึกฟัง-เดา-ตีความ ส่วนที่ฟังไม่เข้าใจซึ่งไม่ยากเกินไปให้รู้เรื่อง
【3】 อย่าฟังพร้อมกับอ่าน subtitles - อย่าเด็ดขาด, เพราะความที่อยากรู้เรื่อง เราจะจ้องตาอ่านมากกว่าตั้งหูฟัง ทำไปทำมามันก็จะเป็นการฝึกอ่านมากกว่าฝึกฟัง, แต่ในที่นี้เรากำลังฝึกฟัง เพราะฉะนั้น ให้ฟังโดยไม่อ่าน subtitles, จะเหลือบไปอ่านก็เฉพาะประโยคที่ฟังแล้วไม่รู้เรื่องเท่านั้น, โดยถ้าอ่านไม่ทันก็รีบหยุด subtitles ไว้ก่อนโดยกดแป้น Spacebar หรือแป้นตัว K, พออ่านจบก็กดแป้นซ้ำเพื่อ Play คลิปฟังต่อ, อย่าลืมนะครับ เหลือบสายตาไปอ่านเฉพาะประโยคที่ฟังไม่รู้เรื่องเท่านั้น ส่วนประโยคที่พอฟังรู้เรื่องหรือพอเดาได้อย่าไปอ่าน เพราะนี่เรากำลังฝึกฟัง
ข้างล่างนี้เป็น audiobook English story ที่แยกเป็น Level ให้ท่านเลือกฝึก
【1】Learn English through story "level 1"
→ คลิก
【2】Learn English through story "level 2"
→ คลิก
【3】Learn English through story "level 3"
→ คลิก
【4】Learn English through story "level 4"
→ คลิก
【5】Learn English through story "level 5"
→ คลิก
【6】Learn English through story "level 6"
→ คลิก
【7】Learn English through story รวมหลาย Level ให้เลือก
→ คลิก
ข้อสุดท้ายที่ขอบอกก็คือ ฝึกฟังทุกวันนะครับ เรื่องขัดข้องติดขัดทั้งหลายที่เราเจอขณะฟัง เราจะค่อย ๆ แก้ไขได้ด้วยการฟังบ่อย ๆ เพราะนี่คือการเจอของจริงด้วยตัวเอง และ ขอแถมอีกนิดครับ ให้ฟังอย่างตั้งใจแต่อย่าฟังนานเกินไปมันจะเครียด เช่น ฟังสัก 15 นาที, จดไว้ว่าอยู่ที่นาทีเท่าไร, แล้วกลับมาฟังใหม่ → อย่าตึงเกินไปแต่ก็อย่าหย่อนครับ
ดาวน์โหลด eBoook เรียนภาษาอังกฤษสั้น ๆ 6 เล่ม
ท่านผู้อ่านครับ ในฐานะ webmaster ของเว็บเรียนภาษาอังกฤษ e4thai.com ผมพยายามหาตำราภาษาอังกฤษมานำเสนอ เพื่อท่านจะได้นำไปใช้ศึกษา ตำราที่ผมหานั้นมี 2 ประเภทที่ต่างกันคนละขั้ว คือ
【1】 ประเภทแรก เป็นตำราที่ละเอียดที่สุด ซึ่งมักจะยาวมาก หนาหลายร้อยหน้า เรียกว่ารวมไว้ทุกหัวข้อเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ หาอะไรก็เจอ
【2】 ประเภทที่ 2 เป็นตำราภาษาอังกฤษที่สั้นที่สุด ยาวไม่เกินสิบหน้า หรือไม่กี่สิบหน้า ไม่ต้องละเอียดมาก แต่เนื้อหาในเล่มคัดมาเฉพาะสิ่งที่ควรรู้เป็นเบื้องแรก อะไรที่ยากหรือซับซ้อนเกินไปยังไม่ต้องเอามาไว้ในเล่มนี้
และตำราประเภทที่ 2 นี่แหละครับที่ผมอยากได้เยอะ ๆ เพราะอะไรหรือครับ? เพราะผมอยากให้คนไทยได้อ่านตำราภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ไม่ใช่เรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยพึ่งคำอธิบายหรือคำแปลเป็นไทยที่ครูหรือผู้เชี่ยวชาญจัดให้ เพราะถ้าเราเอาแต่พึ่งคนอื่นและไม่เริ่มเข้าไปจับต้องตำราภาษาอังกฤษด้วยตัวเองจริง ๆ เราก็จะไม่รู้จักเก่งสักที แต่ตำรายาว ๆ มันอ่านยาก เพราะฉะนั้นถ้าได้ตำราดี ๆ ที่สั้น ๆ มาเป็นบันไดให้ก้าวขั้นแรก อย่างนี้คงพอไหว
และวันนี้ผมได้ eBoook เรียนภาษาอังกฤษสั้น ๆ มาฝากท่าน 6 เล่ม เกี่ยวกับคำศัพท์ การประกอบอาชีพ และการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ผมหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ในการฝึกอ่านตำราภาษาอังกฤษด้วยตัวเองบ้าง ไม่มากก็น้อย
เชิญดาวน์โหลดไปศึกษาได้เลยครับ
Everyday English: Improve Your English Day by Day - 38 หน้า
English Idioms - 24 หน้า
Writing Your CV - 16 หน้า
Interview English - 17 หน้า
Getting a Promotion - 32 หน้า
Dating in English - 22 หน้า
ที่มา: https://englishlive.ef.com/en-gb/resources/english-language-ebook/
ผู้ช่วยสุดวิเศษในการฝึกพูดภาษาอังกฤษ
ท่านผู้อ่านครับ ที่เว็บ e4thai.com ได้รวบรวมหนังสือ "อ่านนอกเวลา" ภาษาอังกฤษจำนวนมากมายไว้ที่ 2 ลิงก์นี้
【1】→ http://www.e4thai.com/e4e/index.php?option=com_content&view=article&id=161:penguin-readers&catid=70&Itemid=130
【2】→ http://www.e4thai.com/e4e/index.php?option=com_content&view=article&id=3963:story&catid=70:downloadsitscat&Itemid=130
บางท่านอาจจะเห็นว่าหนังสือพวกนี้มีไว้สำหรับฝึกให้อ่านเก่ง นั่นก็ถูกต้องครับ แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวผมขอมองอีกแง่หนึ่งว่า หนังสือพวกนี้ซึ่งมีหลาย Level ยาก-ง่าย ให้เลือก มีประโยชน์อย่างยิ่งในการเพิ่ม speaking skill เพราะว่าถ้อยคำสำนวนภาษาในหนังสือพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็น "บทพูด" หรือ "บทเล่าเรื่อง" มักจะ❶กระจ่าง ❷กระชับ และ❸กระตุ้นความสนใจให้อ่านต่อ
เมื่อเราอ่านหนังสือพวกนี้เป็นประจำ โดยเริ่มจาก Level ที่เหมาะสมกับตัวเอง และค่อย ๆ ขยับ Level ให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ ตาม skill ที่เพิ่มขึ้น อยากจะบอกว่า นี่แหละครับคือเครื่องมืออันวิเศษสุด ที่ช่วยให้ถ้อยคำที่เราพูดสามารถดูดซับของดีจากสำนวนภาษาที่เราได้อ่าน คือ ช่วยให้เราพูดได้อย่างกระชับ-กระจ่าง-และกระตุ้นความสนใจของคนที่เราพูดด้วย
จริงอยู่ในตำราอาจจะมีหลักเกณฑ์ที่บอกเราว่า ต้องฝึกพูดอย่างนั้น-อย่างนี้-อย่างโน้น แต่เอาเข้าจริง ๆ วิธีฝึกที่ได้ผลมากที่สุด นอกจาก❶ใช้ปากฝึกพูดตรง ๆ แล้ว ยังต้อง ❷ใช้ตาฝึกอ่าน คือฝึกให้ตัวเองได้คุ้นเคยกับสำนวนภาษาที่เราสามารถยึดเป็นแบบอย่างได้ โดยอ่านเรื่อย ๆ อย่าหยุด และศัพท์-สำนวน-ภาษา ดี ๆ ที่เป็นธรรมชาติ มันจะไหลเข้าตัวเราโดยไม่รู้ตัว
วันนี้ผมมีเรื่องใหม่มาให้ลองอ่านเล่น ๆ 2 เล่ม ถ้าไม่ถูกใจ ก็เข้าไปหาเล่มอื่น ๆ ที่ถูกใจ ที่ 2 ลิงก์ข้างบน มีให้เลือกเยอะครับ
【1】 Footprints in the Forest
→ http://www.e4thai.com/e4e/images/pdf2/Footprints-in-the-Forest.pdf
【2】 The Amazon Rain Forest
→ http://www.e4thai.com/e4e/images/pdf2/TheAmazonRainForest.pdf
ทดสอบคำศัพท์กับ ดิก Merriam-Webster มียาก-ง่าย ให้เลือกเล่น
ดิก Merriam-Webster เป็นดิกดังระดับโลกของประเทศสหรัฐอเมริกา และมี 2 เวอร์ชั่น คือ เวอร์ชั่นง่ายกับเวอร์ชั่นยาก และที่เว็บของทั้ง 2 เวอร์ชั่น มีแบบทดสอบคำศัพท์ให้ทำ เราเข้าไปทำได้เรื่อยๆ แต่ละชุดคำศัพท์ที่เว็บป้อนให้เราทำมักไม่ซ้ำกัน ลองเล่นเรื่อย ๆ จะได้ทบทวนทั้งศัพท์เก่าและได้เพิ่มศัพท์ใหม่
♦เวอร์ชั่นง่าย→ http://learnersdictionary.com/quiz/vocabulary-start
♦เวอร์ชั่นยาก→ https://www.merriam-webster.com/word-games/vocabulary-quiz