Articles
แม่ค้ามะม่วงสุดเจ๋ง ครู กศน.สอนภาษาอังกฤษแค่ 6 วัน สปีคกับลูกค้าฝรั่งสนั่นแผง
แม่ค้ามะม่วงสุดเจ๋ง ครู กศน.สอนภาษาอังกฤษแค่ 6 วัน สปีคกับลูกค้าฝรั่งสนั่นแผง
==> https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_2231549
ขอชวนให้ท่านอ่านข่าวนี้ ซึ่งผมขอสรุปว่า สำหรับเราคนไทยซึ่งมีอาชีพที่ต้องคุยกับลูกค้าต่างชาติ คำว่า "พูดอังกฤษคล่อง" นั้น แค่พูดคล่องในงานอาชีพก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดคล่องทุกเรื่องตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ และถ้าหน่วยราชการใดจะสอนกลุ่มเป้าหมาย ก็เพียงจัดหลักสูตรอบรมที่ประกอบด้วยคำศัพท์และประโยคพื้นฐานที่ต้องใช้พูดบ่อย ๆ ให้เขาฝึกพูดและจดจำ เมื่อเขาพูดไปเรื่อย ๆ เขาก็จะสามารถนำศัพท์ไปสร้างประโยคใหม่ได้เอง ตามรูปแบบประโยคที่เราสอนเขานั่นแหละครับ
ศึกษาเพิ่มเติม :
【1】คำแนะนำหน่วยงานซึ่งกำลังจะจ้างครู(ฝรั่ง)มาสอนพนักงานพูดภาษาอังกฤษ
==> https://tinyurl.com/y5yw285c
【2】ประโยคภาษาอังกฤษ ที่ผมเองเคยฝึกอบรมพนักงานนวดเพื่อใช้พูดกับผู้ใช้บริการ
==> https://tinyurl.com/jbhd689
พิพัฒน์
www.facebook.com/en4th
Tip ในการพูดภาษาอังกฤษ แต่นึกศัพท์ไม่ออก
ทุกวันนี้ มีหลายเว็บไทย สอนคำศัพท์ วลี สำนวน ประโยค ฯลฯ ภาษาอังกฤษพร้อมบอกคำแปลที่ผู้เรียนสามารถจดจำนำไปใช้พูดได้ทันที ซึ่งมีประโยชน์มาก และคุณครูที่ทำคลิปอธิบายเรื่องนี้มากที่สุดก็เห็นจะเป็นอาจารย์อดัม แบรดชอว์ ซึ่งน่าขอบคุณมาก ๆ เพราะท่านอธิบายง่าย ๆ ให้ตัวอย่างชัดเจน และฝึกออกเสียงหรือพูดตามได้ทันที ยิ่งฝึกและจำได้มากเท่าไหร่ก็มีประโยชน์มากเท่านั้น เพราะสำนวนที่ท่านสอนนั้นฝรั่งเขาใช้พูดกันจริง ๆ บางสำนวนภาษาอังกฤษและไทยไปด้วยกันได้ คือเห็นภาษาอังกฤษก็พอเดาไปถึงภาษาไทยได้ แต่บางสำนวนอาจารย์ก็จะหาหรือให้ประโยคง่าย ๆ หลาย ๆ ประะโยค ให้ผู้เรียนจดจำไปใช้พูด ผมเชื่อว่า ถ้าท่านสามารถนำสำนวนพวกนี้ไปพูดได้มากเท่าไหร่ ฝรั่งก็จะรู้สึกทึ่งท่านมากเท่านั้น คือทึ่งว่าท่านพูดอังกฤษเก่ง
==> https://tinyurl.com/y2cg83k4
==> https://tinyurl.com/yy5qp7p8
==> https://tinyurl.com/y25po9ma
แต่คำถามที่ผมนึกได้ตอนนี้ก็คือ ถ้าเมื่อถึงเวลาพูดแต่นึกไม่ออกล่ะ จะทำยังไง ? เราจะพูดอะไรออกไปเพื่อใช้สื่อข้อความตามสำนวนที่เราจำไม่ได้
ผมขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวสักนิดนะครับในการแก้ปัญหานี้
【ข้อที่ 1】 - ท่านไม่ต้องกังวลมากมายเกินไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพูดอย่าง " ไม่เป็นทางการ " หรืออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต้องเคร่งพิธีรีตอง เพราะว่านอกจากคำพูดที่เราพูดออกไป คนฟังยังสามารถเข้าใจเนื้อหาที่พูดคุยผ่านสีหน้า ท่าทาง น้ำเสียงของเรา หรือวัตถุ อุปกรณ์ สิ่งของ ตรงนั้น ก็ช่วยให้คนฟังเข้าใจมากขึ้น ไม่ใช่ว่าต้องฟังเราพูด 100 % จึงเข้าใจ
【ข้อที่ 2】- มีวิธีที่พอจะช่วยให้พูดได้ไม่จนแต้มเรื่องคำศัพท์
- ใช้ศัพท์ทั่วไป แทนศัพท์ยากหรือศัพท์ที่เจาะจงใช้ศัพท์สั้น ๆ แทนศัพท์ยาว
- สรุปเรื่องที่ยืดยาวซับซ้อนที่จะเล่า ให้เป็นคำพูดสั้น ๆ, ตัดรายละเอียดทิ้งไปก่อน, เรียงลำดับก่อน-หลัง ให้เหมาะ, แล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษง่าย ๆ ให้เขาฟัง
【ข้อที่ 3】 - ศัพท์สั้น ๆ พวกนี้ ใช้พูดได้ง่าย ๆ แทนคำบอกเล่ายาว ๆ ช่วยให้ไม่ต้องพูดมาก
- - this, these, that, those
- - ใช้เรียกสิ่งนี้ สิ่งนั้น แบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องพูดยาว ๆ ว่า thing หรือ object
- - ใช้คำสั้น ๆ คือ now (ตอนนี้), then (ตอนนั้น) ระบุถึงกาลเวลาแบบรวม ๆ ในปัจจุบันหรืออนาคต
- - ส่วนคำที่ระบุสถานที่ ก็ใช้ here (ที่นี่) หรือ there (ที่นั่น)
【ข้อที่ 4】 - แยกคำศัพท์ หรือกลุ่มคำศัพท์ ที่ราจะพูด ออกเป็นกลุ่ม ๆ ซึ่ง 3 กลุ่มใหญ่แรก ก็คือ
- คำนาม หรือกลุ่มคำนาม (noun)
- คำกริยา หรือกลุ่มคำกริยา (verb)
- คำคุณศัพท์ หรือ กลุ่มคำคุณศัพท์ (adjective)
- คำกริยาวิเศษณ์ หรือกลุ่มคำกริยาวิเศษณ์ (adverb)
【ข้อที่ 5】 - ทำไมต้องแบ่งประโยคเป็นส่วน ๆ และวิธีง่าย ๆ ในการแบ่ง
ถ้าข้อความที่จะพูดมันเป็นศัพท์หรือวลีสั้น ๆ ที่เรารู้จักอยู่แล้ว เราก็พูดออกไปได้เลย แต่ถ้ามันเป็นข้อความยาว ๆ หรือซับซ้อน ต้องใช้ประโยคยาว ๆ หรือหลายประโยคอธิบาย บางทีเราก็งงว่า จะพูดยังไงดีนะให้เขาเข้าใจได้ง่าย ๆ
ขอให้ท่านสังเกตอย่างนี้ครับ แม้ข้อความที่จะพูดนั้นยาว แต่โดยพื้นฐานแล้ว แต่ละประโยคที่จะพูด มันก็คือ ประธาน + กริยา + กรรม แต่ความลำบากก็คือ เพราะมีส่วนขยายหรือเรื่องต้องบอกเยอะ ทั้งประธาน / กริยา / กรรม จึงมักเป็นกลุ่มคำ บางทีมากกว่า 10 คำ หน้าที่ของเราก็คือ หาคำสั้น ๆ มาใช้พูดแทน noun, verb, adjective หรือ adverb ที่ทำหน้าที่เป็น subject (ประธาน), verb (กริยา) หรือ object (กรรม)
หลักที่ผมขอแนะนำก็คือ " สรุปเรื่องที่ยืดยาวซับซ้อนที่จะเล่า ให้เป็นคำพูดสั้น ๆ, ตัดรายละเอียดทิ้งไปก่อน, เรียงลำดับก่อน-หลัง ให้เหมาะ, แล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษง่าย ๆ ให้เขาฟัง " โดยหาภาษาอังกฤษสั้น ๆ ง่าย ๆ มาเล่าเรื่องที่ยาว ๆ
แต่จะเล่ายังไงล่ะ ? จริง ๆ ก็เล่าได้หลายแบบตามถนัดของแต่ละคน โดยอาจจะใช้แค่ 3 - 4 ประโยคก็พอ แต่การจะทำได้อย่างนี้ต้องใช้ความสามารถส่วนตัวในการสรุปความ, จับประเด็นสำคัญ, และเรียงลำดับการพูดก่อน-หลังให้เหมาะสม เป็นทักษะที่ต้องฝึกอยู่เหมือนกัน, พอทำได้แล้วจึงค่อยแปลมันเป็นภาษาอังกฤษ
【ข้อที่ 6】 : สะสม / จดจำ คำศัพท์พื้นฐาน ที่มีความหมายตรงกันข้าม หรือ antonym เช่น ที่นี่
- adjective ความหมายตรงกันข้าม 40 คู่ พร้อมคำแปลไทย
- "คำตรงข้าม" 300 คู่ ตั้งแต่ A-Z พร้อมคำแปลไทย
- 550 คู่ คำศัพท์ ความหมายตรงกันข้าม
ศัพท์ใน list พวกนี้ หลายคู่น่าสนใจและมีประโยชน์มาก ๆ เพราะเรานำมาใช้พูดได้หลายกรณี
ยกตัวอย่างคำ adjective ที่ใช้บอกคุณลักษณะของคำนาม (noun) ซึ่งเป็น คน-สัตว์-สิ่งของ-เรื่องราว ฯลฯ
- บอกอารมณ์/ความรู้สึก : happy - sad สุข - เศร้า
- บอกเรื่องราว/กรณี/ ฯลฯ : hard, difficult - easy ยาก - ง่าย
- บอกผิด/ถูก : right - wrong ผิด - ถูก
- บอกขนาด : big - small ใหญ่ - เล็ก
- บอกระยะทาง : near - far ใกล้ - ไกล
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือ เราจะพูดว่าเขารู้สึกอย่างนั้นอย่างนี้ เช่น รู้สึกในด้านบวก ก็อาจจะมีคำพวกนี้ผุดขึ้นในใจมากมาย (เช่น ยินดี, เป็นสุข, สุขใจ, สบายใจ, เบิกบาน, เริงร่า, ระรื่น, สำราญใจ, ปีติ, ชื่นชม ฯลฯ) หรือเป็นคำในเนื้อข่าว เราไม่ต้องไปเปิดดิกหรือคิดมาก พูดคำง่าย ๆ ออกไปเลยว่า happy ก็ใช้ได้
หรือคำที่เป็นความรู้สึกในด้านลบ เช่น เสียใจ, ระทด, รันทด, ตรอมใจ, โทมนัส, ระทวย, อับเฉา, เจ้าทุกข์, เศร้าใจ, โศกเศร้า, ไม่ผ่องใส, น่าหดหู่, เศร้าซึม ฯลฯ เราใช้คำว่า sad พูดออกไปเลยก็ได้
หรือคำที่บอกเรื่องราว/กรณี ว่า ยาก, ลำบาก, กร้าว, ขัดสน, มีอุปสรรค, ยากเข็ญ, หรือ ยุ่งยาก เราก็บอกไปเลยว่า มัน difficult และคำนี้สามารถใช้บอกทั้งเรื่องราวที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ และที่เป็นนามธรรมความรู้สึกจับต้องไม่ได้
หรือคำกริยา (verb) ก็ในทำนองเดียวกัน เช่น คำว่า ก้าวหน้า, เกิดขึ้น, ขยาย, ขึ้น, งอกขึ้น, งอกงาม, งอกเงย, เจริญ, เจริญงอกงาม, เจริญวัย, เติบโต, เติบใหญ่, ทวี, แผ่ขยาย, พัฒนา, เพิ่ม, เพิ่มพูน ฯลฯ เราถนัดหรือชอบคำใดง่าย ๆ ที่รู้จักอยู่แล้ว ก็หยิบมาใช้ได้เลย เช่น increase หรือ grow ไม่ต้องไปคิดมากว่า มันจะตรงกับความหมายนั้นเด๊ะ ๆ หรือเปล่า คือถ้าสามารถสื่อไปในแนวนั้นได้ ก็ใช้ได้
หรือคำนาม (noun) ทั่วไปที่มีคำแปลให้เลือกหลาย ๆ คำ เช่น สิ่ง, สิ่งของ, ข้อเท็จจริง, เนื้อความ, เรื่อง, เรื่องราวเหตุการณ์, วัตถุ, วัสดุ เราใช้คำว่า thing หรือ เมื่อพูดไปเรื่อย ๆ ก็ใช้สรรพนาม it เรียกมันก็ได้
แต่ noun ที่มีปัญหาคือบางตัวที่ความหมายเจาะจง เช่น สนามบิน คือคำว่า airport (และคำอื่น ๆ เช่น landing field, airfield, aerodrome, airdrome ) ถ้าเราไม่รู้จัก นึกไม่ออก หรือลืมไปแล้ว และะในระหว่างพูดจะต้องมีคำนี้ เราจะทำยังไง ? เช่น He will go to meet her at the airport tomorrow.
ปัญหานี้แก้ได้ยากอยู่เหมือนกัน ก็ต้องถูไถขยับขยายกันไปตามหน้างาน เช่น ก็พูดคำว่า สุวรรณภูมิ ออกไป ให้เขาเดาเอาเองว่า เราหมายถึงสนามบินแห่งนั้น
หรือบางทีการพูดทับศัพท์ออกไปเลยก็อาจจะพอใช้ได้ แต่เราต้องเสริมด้วยคำง่าย ๆ อีกสักหน่อย อย่างเช่น ขณะกำลังนั่งกินกันที่โต๊ะอาหาร และมีแกงไตปลาของทางใต้ เราก็บอกไปเลยว่า " This is แกงไตปลา " เราไม่ต้องนึกให้เหนื่อยหรอกว่า แกงนี่ภาษาอังกฤษว่ายังไง ไตล่ะ ปลานี่ก็ fish แล้ว แกงไตปลา นี่มัน fish อะไรนะ เราใส่ไปง่าย ๆ เลยว่า This is hot, very hot, from south of Thailand, it's from fish. การพูดถูไถอย่างนี้แล้วแต่ลูกเล่นของใครของมันครับ แต่ก็อย่างที่ผมพูดแล้ว เมื่อบวกกับการใช้สีหน้า ท่าทาง น้ำเสียง และสิ่งของประกอบในที่นั้น การพูดคุยก็ทำได้แทบทุกเรื่อง
【ข้อที่ 7】 ทำ " คำศัพท์ที่ฉันต้องรู้ "
แต่ถึงยังไง ถ้าเข้าที่คับขันจริง ๆ ลูกเล่นพวกนี้ก็ไม่พอใช้งานหรอกครับ ผมคิดดูแล้ว ถ้าเราต้องการพูดได้อย่างพัฒนา เราหนี " การบ้าน " ไม่พ้นหรอกครับ ซึ่งก็คือ การสำรวจศัพท์หมวดที่เราควรรู้ เพราะมันต้องใช้ แต่เพื่อไม่ให้งานหนักเกิน ก็ให้เข้าไปไล่คำพวกนั้นและดึงจดใส่สมุดโน้ตส่วนตัว " คำศัพท์ที่ฉันต้องรู้ "
เรื่องของเรื่องก็คือ ศัพท์หมวดที่แต่ละคนต้องใช้ และคำในหมวดนั้น ๆ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องหาเอาเอง
การ Search ก็ไม่ยาก (ถ้ามันมีอยู่ในเน็ตให้อ่าน ฟรี ) เพียงพิมพ์คำค้นทำนองนี้ เช่น
- ศัพท์ภาษาอังกฤษสำหรับคนขายของที่ระลึก
- ศัพท์ภาษาอังกฤษสำหรับคนขับรถรับจ้าง
- ศัพท์ภาษาอังกฤษสำหรับพนักงานเสิร์ฟอาหาร
- ศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับการขายกาแฟ
- ศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับอาชีพ
ข้อสังเกตของผมก็คือ คำศัพท์, วลี หรือประโยคสนทนาพวกนี้ ยิ่งเป็นเรื่องเจาะจงมากเท่าไหร่ ในเน็ตยิ่งมีน้อยหรือหายากมากเท่านั้น เพราะฉะนั้น ท่านอาจจะต้องไปหาจากหมวดใกล้เคียง และดึงมารวบรวมเพื่อทำเป็น list ของตัวเอง
และผมไปเจอลิงก์ข้างล่างนี้ มีคำศัพท์อังกฤษแปลไทยหลายหมวด นำมาฝาเผื่อท่านจะใช้ได้บ้าง
- ศัพท์ ๔๘ หมวด รวบรวมจากดิกชันนารี สอ เสถบุตร
- https://th.speaklanguages.com/อังกฤษ/คำศัพท์
- https://teen.mthai.com/education/107084.html
- รวมศัพท์หมวดที่น่าสนใจมากมายที่นี่ (เว็บภาษาอังกฤษ)
สรุปก็คือ การบ้านชิ้นนี้ต้องทำ หรือรวบรวมคำศัพท์ อังกฤษ - ไทย ที่คิดว่าตนเองมีโอกาสใช้พูดเรื่อย ๆ และถ้าจะให้วิเศษ ควรแยกออกเป็น 3 ประเภท คือ คำกริยา - verb, คำคุณศัพท์หรือคำขยาย - adjective และคำนาม - noun การแยกเช่นนี้ช่วยให้เรามองเห็นล่วงหน้าคร่าว ๆ ว่า เราจะพูดอะไรในสถานการณ์ไหน เช่น เมื่อเราจะรวบรวมคำกริยา เราก็ต้องนึกภาพก่อน เช่น (1) เราพูดกับใคร (2)พูดเรื่องอะไร (3)พูดที่ไหน เป็นต้น
【ข้อที่ 8】 ยกตัวอย่างง่าย ๆ ขึ้นมาประกอบการสื่อความ
เรื่องนี้พูดง่ายแต่อาจจะทำยากนิดหน่อย เพราะต้องแปลไทยเป็นไทยและใช้จินตนาการอยู่บ้าง เช่น คำศัพท์หรือวลีข้างล่างนี้ ถ้าต้องพูดแบบไม่เป็นทางการกับเพื่อน ท่านจะสื่อความยังไง (ข้างล่างนี้เป็นตัวอย่างของ อ.อดัม)
พูดถึงการกระทำ หรือพฤติกรรม ซึ่งเป็น verb เช่น
- ตบหัวแล้วลูบหลัง ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร
- ทวงบุญคุณ ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร
- ทำใจ ตัดใจ หักห้ามใจ ภาษาอังกฤษพูดว่าอย่างไร
- ติเพื่อก่อ ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร
พูดถึงลักษณะ ซึ่งเป็น adjective เช่น
- ขี้เก๊ก ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร
- ปอดแหก ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร
- ใจสปอร์ต ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร
- ถ่ายรูปขึ้นกล้อง ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร
เป็น noun ซึ่งก็คือ คำที่เป็น คน สัตว์ สิ่งของ ซึ่งรวมถึงนามธรรมสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น
- เด็กเส้น ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร
----
จากที่พูดมาทั้งหมดนี้เห็นได้ว่า ถ้ามองในแง่ร้าย การพูดออกไปโดยไม่กลัวผิดทั้ง ๆ ที่พื้นไม่แน่น อ่อนทั้งเรื่องศัพท์-การผูกประโยค-การออกเสียง-ฯลฯ แต่ใช้วิธีโยงซ้ายมาแปะขวา โยงหน้ามาแปะหลัง ดึงข้างบนลงมาอุดข้างล่าง ดึงข้างล่างขึ้นไปอุดข้างบน และก็พูดผิด ๆ ถูก ๆ แบบครูดพื้นไปตลอดทาง การพูดจริง ๆ แบบไม่เป็นทางการ หรือการฝึกพูดแบบนี้ น่าจะไม่ค่อยเข้าท่า
แต่ผมขอยืนยันว่า วิธีฝึกพูดแบบนี้แหละครับที่เข้าท่าที่สุด ได้ผลที่สุด เพราะเป็นการฝึกจริง ใช้งานจริง เรียนรู้จากของจริง เจอ " ปัญหา " และ " ความผิดพลาด " ที่ตัวเองทำจริง ๆ และจะมีโอกาสแก้ไขหรือปรับปรุงได้เร็วที่สุด
คราวนี้มาถึงเรื่องสุดท้าย คือการลองฝึกพูด ซึ่งผมขอเสนอบทเรียน จากคลิปเรื่อง " ภาษาอังกฤษพูดว่าอย่างไร " โดย อาจารย์อดัม แบรดชอว์
==> คลิป " ภาษาอังกฤษพูดว่าอย่างไร "
เมื่อเข้าไปแล้วท่านจะเห็นคำถามลิงก์ละ 1 ข้อ (ตอนนี้อย่าเพิ่งคลิก) ให้ท่านนึกว่า ท่านกำลังนั่งคุย หรือนั่งกินอาการ หรือเดินทาง หรืออยู่ในห้องประชุมก็ได้ แต่มีบรรยากาศแบบไม่เป็นทางการ และอาจจะมีคนอื่นร่วมกลุ่มอยู่ด้วย ในขณะคุยกันนั้น มันมีเรื่องที่ท่านต้องพูดคำนี้ออกมา ถ้าท่านนึกออกก็พูดออกมาเลย แต่ถ้าท่านนึกไม่ออก ก็ให้พยายามพูดยังไงก็ได้ให้สื่อความหมายของศัพท์หรือวลีนี้ออกมาให้ได้ โดยใช้ " ทฤษฎี " ที่ผมเล่ามาตั้งแต่ต้น ซึ่งสรุปง่าย ๆ ก็มีแค่ 3 ข้อ คือ [1] แปลไทยเป็นไทย คือ ทำให้เป็นภาษาไทยที่สั้น ง่าย แต่ถ้าต้องพูดเสริมยาว ๆ เรื่อยเปื่อยออกไปบ้าง ก็ไม่เป็นไร ดีเสียอีก ถ้ามันช่วยให้สื่อความได้ [2] แปลเป็นภาษาอังกฤษ โดยถ้านึกศัพท์เจาะจงของมันไม่ออก ก็ใช้ศัพท์ทั่วไป [3] ใช้วิธียกตัวอย่างง่าย ๆ
ยกตัวอย่าง
[1] มีพิรุธ ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร
http://www.ajarnadam.tv/blog/Shady-Dodgy-Gutted
สมมุติว่า ประโยคทีผุดขึ้นมาในใจที่ท่านจะพูด คือ " เขามีพิรุธ " ให้ท่านนึกถึงคนจริง ๆ หรือสถานการณ์จริง ๆ มันอาจจะออกมาง่าย ๆ ทำนองนี้
" Yesterday he said that. But today he says this. It's different. It's strange.
หรือ " She said she was ok. But she looks sad. She must have something. "
[2] ตบหัวแล้วลูบหลัง ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร
สำนวนนี้ มักใช้ในเวลาที่บุคคลหนึ่งโดนทำร้าย ต่อว่าหรือทำโทษอย่างรุนแรงในตอนแรก แต่ในเวลาต่อมาผู้ทำโทษก็เข้ามาปลอบใจ ให้กำลังใจ หรือขอโทษในภายหลัง
ในภาษาอังกฤษก็มีศัพท์หรือวลีที่เทียบความหมายกันได้ แต่ถ้าเราไม่รู้จักล่ะ เราจะสื่อความหมายยังไงดี ?
อย่างเช่นเราจะเล่าข่าวชิ้นหนึ่งว่า " นายสมชายซึ่งเป็นเจ้านายด่านายสมศักดิ์ซึ่งเป็นลูกน้องกลางที่ประชุม หลังจากนั้นเรียกเข้าไปที่ห้องทำงานส่วนตัวและชมว่าคุณทำดีที่สุดแล้ว อย่างนี้มันตบหัวแล้วลูบหลังชัด ๆ " เฉพาะวลี " อย่างนี้มันตบหัวแล้วลูบหลังชัด ๆ " ท่านจะพูดยังไง ถ้าท่านนึกวลีภาษาอังกฤษไม่ออก
อันที่จริงก็มีหลายวิธีที่จะสื่อ อย่างเช่น หลังจากเล่าเรื่องแล้วท่านอาจจะสรุปว่า
- For Thai people, we say this is " ตบหัวแล้วลูบหลัง " (คือทับศัพท์หรือทับวลีไปเลย)
- It's like this. (แล้วก็ออกท่าทาง โดยเอาฝ่ามือตบหัวตัวเอง แล้วพูด " You are very bad. "
- And afterward you told him " I know you are a good worker. " หรือ " I know you are good . " (พูดพร้อมออกท่าทาง เอาฝ่ามือลูบหลังเพื่อนที่นั่งใกล้ ๆ )
[3] เจ้ากี้เจ้าการ ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร
มีวิธีที่อดีตหัวหน้าในที่ทำงานของผมใช้บ่อย ๆ เวลาที่พูดภาษาอังกฤษ คือเวลาที่แกนึกไม่ออกว่าจะอธิบายยังไงดี แกจะยกตัวอย่างโดยพูดว่า For example แทบทุกครั้ง และบ่อย ๆ ก็ตามด้วยการยกคำพูดผ่านปากของตัวละคร อย่างเช่น จะพูดถึงผู้ชายคนหนึ่งว่าเป็นคน เจ้ากี้เจ้าการ ชอบบังคับหรือสั่งงานคนอื่น แกก็จะพูดออกมาในทำนองนี้
- For example, Mr. A .
- He is just my friend.
- But in the office, he tells me to do this, to do that all the time.
- I don't like it.
- He is เจ้ากี้เจ้าการ.
ผมขอยกตัวอย่างแค่นี้แล้วกันครับ แต่อยากขอให้ท่านลองเข้าไปฝึกกับวลีของอาจารย์อดัม โดยลองนึกพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษก่อน แล้วก็คลิกเข้าไปดูคลิปที่ อ. อดัมอธิบาย
==> https://tinyurl.com/y5n2dx2k
พิพัฒน์
www.facebook.com/en4th
สื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เยอะมาก สำหรับคุณครูและผู้เรียน
ที่นี่ มีสื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เยอะมาก สำหรับคุณครูและผู้เรียน
==> http://tinyurl.com/lbuam98
อย่างเช่น ที่ลิงก์นี้ มี verb 88 คำ พร้อมภาพ เป็นไฟล์ภาพให้ดาวน์โหลด
==> http://tinyurl.com/y5pe66y8
ผมทำเป็น pdf ให้ท่านดู
==> คลิก
วิธีอ่านภาษาอังกฤษให้ง่ายขึ้น โดยแบ่งประโยคเป็นกลุ่ม ๆ
วิธีหนึ่งที่ช่วยให้การอ่านภาษาอังกฤษง่ายขึ้น ก็คือการแบ่งประโยคยาว ๆ ที่กำลังอ่านนั้น ออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เช่น กลุ่มคำ, กลุ่มวลี, อนุประโยค, หรือประโยคสั้น ๆ โดยผมขอให้ข้อสังเกตว่า
【1】 แต่ละกลุม ๆ นั้น จะให้ข้อมูลเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น บอก 5W + 1H เช่น ใคร, ทำอะไร, กับใคร, ที่ไหน, เมื่อไร, ทำไม หรืออย่างไร
【2】ตอนที่ อ่าน, เดาศัพท์, ตีความ, ทำความเข้าใจ มันก็จะง่ายขึ้น เช่น ข้อความ เขียนว่า ..... , by ชื่อคน หรือชื่อหน่วยงาน หรือ กลุ่มคำที่บรรยายลักษณะคนหรือหน่วยงาน ..... อย่างนี้ต่อให้เราอ่านไม่ค่อยเข้าใจ เราก็พอจะรู้คร่าว ๆ ว่า มันต้องเป็นใครสักคน หรือหน่วยงานอะไรสักแห่ง หรือถ้าเป็น compound noun (คำประสม) .... เช่น presidential election years เรารู้ว่า year = ปี, election = เลือกตั้ง, แต่สมมุติว่าเราไม่รู้ว่า presidential แปลว่าอะไร แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่า มันต้องเป็นปีเลือกตั้งอะไรสักอย่าง และถ้าอ่านไปเรื่อย ๆ เนื้อหาที่อ่านมันอาจจะช่วยให้เราเดาได้ว่า presidential แปลว่าอะไร การแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ จึงมีประโยชน์อย่างนี้ คือ ถ้าจะงงก็ให้รู้ว่างงตรงไหน ไม่ใช่เหมางงทั้งประโยค ทำให้ตรงที่อ่านรู้เรื่องพลอยงงไปด้วย
【3】แต่การแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ นี้ แต่ละคนไม่จำเป็นต้องแบ่งเหมือนกัน บางคนที่อ่านคล่องอาจจะแบ่งแต่ละกลุ่มค่อนข้างยาว แต่คนที่ยังอ่านไม่ค่อยชำนาญกลุมคำที่แบ่งอาจจะสั้น ๆ อันนี้ก็ไม่ว่ากันครับ คือแบ่งยังไงก็ได้ที่ช่วยให้อ่านเข้าใจได้สะดวกก็เป็นอันใช้ได้
【4】และที่เป็นประโยชน์มาก ๆ ก็คือ กลุ่มคำที่แบ่งนี้จะช่วยให้เราสังเกตการใช้ภาษาได้ง่ายขึ้น เช่น การใช้ preposition, วลีหรือสำนวนในกลุ่มคำสั้น ๆ นั้นที่สามารถจดจำไปใช้พูดหรือเขียนได้ทันที ฯลฯ นี่คือการเรียนที่ไม่หนักเกินไป คือจำให้ได้ทีละอัน ๆ ที่เราอยากจะจำ
อนึ่ง ท่านอาจจะถามว่า มีหลักเกณฑ์มนการแบ่งอย่างไร ตอบว่า โดยหลักพื้นฐานก็แบ่งตาม ==> กลุ่มคำ, วลี, อนุประโยค
ข้างล่างนี้ เป็นข่าวเรื่องนักโทษหญิงที่ได้รับการฝึกอาชีพตามหลักสูตรที่เรือนจำจัดให้ ซึงจะเป็นประโยชน์เมื่อพ้นโทษ ผมใส่เครื่องหมาย / แสดงการแบ่งกลุ่มคำไว้ให้ท่านดูเป็นตัวอย่าง นี่เป็นเพียงตัวอย่างนะครับ ท่านจะแบ่งอย่างอื่นก็ได้
ผมขอแนะว่า หลังจากนี้ ท่านลองไปฝึกกับ ==> ข่าวในประเทศของหนังสือพิมพ์ The Nation ซึ่งอ่านไม่ค่อยยาก
==> ดูข่าวที่ยังไม่ได้แบ่งเป็นกลุ่ม ๆ
==> ดูข่าวที่แบ่งเป็นกลุ่ม ๆ แล้ว
พิพัฒน์