Articles
The Visual Dictionary of House & Do-It-Yourself
หนังสือเล่มนี้ เอาบ้านทั้งหลังมาแยกแยะให้ดู ให้เห็นที่ตั้ง, ส่วนประกอบ, ระบบน้ำ, ระบบไฟฟ้า, ห้องต่าง ๆ, แอร์ ฯลฯ และแจกแจงเครื่องมือทั้งหลายที่ต้องใช้ถ้าท่านต้องทำอะไรเกี่ยวกับบ้านหรือซ่อมแซมสิ่งของด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังสามารถศึกษาคำศัพท์เกี่ยวกับบ้านได้เป็นอย่างดี เพราะมีทั้งภาพและคำอธิบายให้เห็นชัด ๆ ท่านลองคลิกเข้าไปดูเล่น ๆ ก็ดีครับ เมื่อดูบางภาพที่คุ้นเคยก็จะได้รู้ว่า อ๋อ! ภาษาอังกฤษมันเรียกอย่างนี้เอง หรือคุณครูที่สอนเกี่ยวกับงานช่างก็น่าจะใช้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ได้ ขอแนะให้ท่านคลิกดูหัวข้อ/หัวข้อย่อย ที่ Bookmarks และตรงไปยังเรื่องที่ท่านสนใจก่อน
→ https://goo.gl/ZXX7Yx
แปลศัพท์ทุกคำที่อ่าน-ไม่ต้องเปิดดิก
แปลศัพท์ทุกคำที่อ่าน-ไม่ต้องเปิดดิก
ไปที่เว็บนี้ครับ
→ http://www.esldesk.com/reading/esl-reader
♦วิธีใช้งาน
【1】copy และ paste ข้อความภาษาอังกฤษใส่ลงไป, คลิก Begin
【2】ติ๊ก Translation, คลิก ▼ และเลือก Thai
-เมื่อคลิกคำศัพท์จะมีหน้าต่างแสดงคำแปลไทย {จาก Google Translate}
【3】ถ้าต้องการดูความหมาย อังกฤษ – อังกฤษ, ให้ติ๊ก Definition , คลิก ▼ และ(ขอแนะนำ)เลือก Oxford
เจียดเวลาวันละ 15 นาที ฟิตภาษาอังกฤษโดยการ test & train ตัวเอง
เจียดเวลาวันละ 15 นาที ฟิตภาษาอังกฤษโดยการ test & train ตัวเอง
เลือกได้ตามชอบใจครับ 10 ลิงก์ข้างล่างนี้
[1] รวมเว็บ English test และเฉลย
[2] 5 เว็บ Test ภาษาอังกฤษที่ดีมาก ๆ
[3] Test สมรรถนะทางภาษาเป็นระยะ ๆ เป็นเรื่องที่ควรทำ
[4] เรียนภาษาอังกฤษกับเว็บ Cambridge
[5] Test Your English - รวม test ทุกระดับ, ทุกเรื่อง กว่า 15,000 ข้อ พร้อมเฉลย
[6] ทำข้อสอบ TOEIC online + e-book
[7] ข้อสอบ + เฉลย + อธิบายเฉลย ภาษาอังกฤษ ประถม - มัธยม
[8] ข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษ online ทุกระดับ พร้อมเฉลย
[9] แบบทดสอบ วิชาภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย และวัดผลการเรียนรู้
[10] TEST แบบฝึกหัดและบททดสอบภาษาอังฤษที่ให้ใช้ฟรี
เทคนิคในการทำข้อสอบ Reading
วันนี้ผมไปเจอข้อสอบ GED Reading และ ACT Reading 2 ลิงก์นี้ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่เตรียมตัวทำข้อสอบภาษาอังกฤษใด ๆ ก็ตาม ซึ่งต้องทำ part - Reading
ข้อสอบ GED และ ACT reading 2 ลิงก์นี้พิเศษตรงที่ว่า นอกจากเป็น passage ให้อ่านเพื่อทำข้อสอบ reading แบบ multiple choice A B C D และมีเฉลยให้ตรวจแล้ว, ยังมีคำอธิบายให้ไว้ทุกข้อว่าทำไมจึงเฉลยอย่างนั้น ซึ่งคำอธิบายอย่างนี้ดีมาก หาได้ไม่บ่อยนัก ที่เจอทั่วไปมักมีเพียงเฉลยแต่ไม่มีคำอธิบาย การมีคำอธิบายเช่นนี้ช่วยให้เห็นแนวทางในการทำข้อสอบ Reading ในอนาคตของเรา
2 ลิงก์นี้ครับ
โจทย์ของข้อสอบ Reading นั้น มักไม่ถามตรง ๆ ชนิดนำข้อความจาก passage ไปตอบได้เลย แต่มักให้เราวิเคราะห์ ตีความ หรือสรุป เรื่องที่อ่าน ซึ่งอาจจะเป็นคำศัพท์, วลี, ประโยค, หรือความเห็นของผู้เขียน passage ว่า ข้อความอย่างนี้ ๆ แสดงว่าผู้เขียนมีความเห็นอย่างไร
ข้อสอบ Reading จะยากยิ่งขึ้นถ้าเป็นเนื้อเรื่องที่ไม่คุ้นเคย, ยาวมาก,ศัพท์ยาก ให้เวลาน้อย(สำหรับเรา) ฯลฯ
แต่ก็โชคดีครับที่ในเว็บนี้ เขามีลิงก์นี้
→ GED Language Arts Tips
ซึ่งให้แนวทางที่เป็นประโยชน์มากทีเดียวในการทำข้อสอบ GED Reading แต่ผมอ่านดูแล้วก็เห็นว่า มันก็เป็นประโยชน์ต่อการทำข้อสอบ Reading อื่น ๆ ด้วย จึงขอสรุปมาฝากข้างล่างนี้
Tips to get the most questions correct!
[1] Predict an answer
เมื่ออ่านโจทย์จบก็ให้คิดถึงคำตอบ และเปรียบเทียบคำตอบที่คิดกับคำตอบในข้อ A B C D ทำอย่างนี้จะช่วยให้ไม่เสียเวลามาก
[2] Rephrase complicated questions
ถ้าโจทย์อ่านแล้วสับสนชวนงง ให้ใช้ภาษาใหม่ง่าย ๆ แบบพูดคำถามให้เด็กฟังว่าข้อนี้จริง ๆ แล้วเขาถามอะไร
[3] Put your finger on the answer
เมื่อย้อนกลับไปอ่าน passage เพื่อเอามาตอบคำถาม ให้เอานิ้วชี้จิ้มข้อความสำคัญที่เกี่ยวข้องตรงบรรทัดนั้นไว้เลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลากวาดสายตาหาอีก อย่าเอาแต่เชื่อว่าตัวเองจำได้
[4] Always use process of elimination.
เลือกคำตอบโดยตัดข้อที่ผิดโต้ง ๆ ออกไปก่อน และก็ใช้วิธีเดียวกันนี้ตัดอีก 2 ข้อ อาจจะเป็นไปได้ว่า ข้อสุดท้ายที่เหลืออยู่(แม้เราจะไม่แน่ใจ)อาจจะเป็นข้อที่ถูกต้องเพราะ 3 ข้อที่ตัดออกไปนั้นมันมีจุดผิดให้เราเห็น
[5] Don’t let the subject-matter confuse you
อย่าปล่อยให้ตัวเองงงเมื่ออ่านโจทย์แล้วกลับมาอ่าน passage เพื่อเอาไปตอบ เพราะถ้ารายละเอียดที่อ่านมันเยอะ ก็ให้พยายามจับจุดที่พอจะเข้าใจได้ เช่น หัวข้อของเรื่องที่อ่าน, ความคิดเห็นโดยทั่วไปของคนเขียน passage, หรือใจความสำคัญของ passage และก็ยึดพวกนี้แหละที่เราพอเข้าใจได้เป็นฐานในการเลือกคำตอบ
[6] The correct answer will always answer the specific question being asked
ข้อความที่ถูกต้องในข้อ A B C หรือ D อาจจะ ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องตามที่โจทย์ถาม เพราะฉะนั้น จึงอ่านให้ชัดว่าโจทย์ถามอะไรโดยเจาะจงและก็เลือกคำตอบโดยเจาะจงตามที่โจทย์ถาม
[7] Wrong answer choices are often out of scope
ดูให้ดี คำตอบ A B C D ที่ผิดนั้น อาจจะเป็นข้อความที่เป็นความจริง แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ passage ว่าไว้หรือมีนัยไปถึง จึงเอามาใช้ตอบไม่ได้
[8] Look for the Tone
บาง passage อาจจะถามเราว่าผู้เขียนมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ แต่ก็เป็นไปได้ว่า ผู้เขียนให้แต่ข้อมูลเฉย ๆ โดยไม่มีความเห็นอะไรโต้ง ๆ แทรกลงไปเลย ในกรณีอย่างนี้อาจจะตีความยากหน่อย เพราะเราต้อง "อ่านระหว่างบรรทัด" เพื่อตีความความรู้สึกของผู้เขียน
[9] Pause and summarize
ใช้วิธีอ่านไปวิเคราะห์ไป ไม่ต้องรอให้อ่านจบจึงค่อยเริ่มวิเคราะห์ passage ที่อ่าน ก็คือว่า เมื่ออ่านจบแต่ละย่อหน้าให้สรุปและวิเคราะห์ก่อน (หรืออาจจะจดโน้ตสั้น ๆ ไว้นิดนึงก็ได้) การวิเคราะห์ก็คือการถามตัวเองว่า ไอ้ที่อ่านมานี่เขากำลังบอกอะไรเรา หรือมันตีความหรือสรุปใจความว่ายังไง การอ่านไปวิเคราะห์ไปเช่นนี้จะช่วยให้เราแนบชิดติดกับเรื่องที่อ่านไปโดยตลอด
พิพัฒน์
โจทย์เลขหรือปริศนาธรรม? ไขคำถามเลขเด็ก ป.5 ที่เมืองจีน
ผมไปเจอเรื่องนี้
→ โจทย์เลขหรือปริศนาธรรม? ไขคำถามเลขเด็ก ป.5 ที่เมืองจีน
มันแปลมาจากภาษาอังกฤษ ผมจึงตามไปหาต้นฉบับภาษาอังกฤษ
ก็เจออันนี้
→ 'Unsolvable' exam question leaves Chinese students flummoxed
คำถามทำนองนี้มีประโยชน์มาก เพราะกระตุ้นให้เด็ก(หรือแม้แต่ผู้ใหญ่) คิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์ แต่นี่หมายความว่า สังคมการศึกษาที่หล่อหลอมเด็กจะต้องเปิดกว้าง ไม่ใช่เปิดกรอบหนึ่งให้คิด แต่ไปปิดอีกหลาย ๆ กรอบที่ห้ามแตะต้อง และก็ไม่ใช่ให้เลือกแค่คำตอบ ก., ข., ค., ง. ซึ่งขีดวงว่าให้คิดตอบจาก 4 ข้อนี้เท่านั้น
จุดสุดท้ายของคำถามประเภทนี้ ไม่ใช่อยู่ที่อ่านเฉลยของครูหรือผู้ออกข้อสอบ แต่อยู่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ตอบได้ตอบอย่างกว้างขวาง และแสดงเหตุผลโดยปราศจากความกลัว รวมทั้งกล้าโต้แย้ง-ซักถามการเฉลยของครูหรือผู้ใหญ่ ซึ่งดูแล้วอาจจะไม่ใช่ "คำตอบสุดท้าย"
พิพัฒน์
www.facebook.com/en4th