Articles
สรุป 7 tense ที่ใช้บ่อยจริง ๆ, สั้น ๆ จำง่าย
สรุป 7 tense ที่ใช้บ่อยจริง ๆ, เห็นว่าสั้น ๆ จำง่ายดี จึงนำมาฝากครับ – พิพัฒน์
เว็บที่ช่วยผัน verb (ฝากให้คุณครูครับ)
สวัสดีครับ
Conjugate เป็นศัพท์เทคนิคทางแกรมมาร์ ซึ่ง Oxford Dictionary ให้ความหมายไว้ว่า
to give the different forms of a verb, as they vary according to number, person, tense, etc.
พูดง่าย ๆ ก็คือ การผันคำกริยาไปตาม tense, บุคคล, จำนวน ฯลฯ นั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น จะผันคำกริยา eat มันก็จะออกมาในรูปนี้
ผมนำเรื่องนี้มาฝากก็เพราะเห็นว่า อาจจะมีประโยชน์ต่ออาจารย์ที่ต้องเตรียมการสอนเด็ก อย่างน้อยที่สุดก็อาจจะไม่ต้องพิมพ์ให้ต้องเสียเวลา เพราะเราสามารถใช้บริการจากเว็บและ copy ไปใช้ได้เลย ซึ่งมีหลายเว็บให้บริการ ท่านชอบใจเว็บไหนก็เชิญใช้เว็บนั้นได้ตามอัธยาศัย
- https://english.lingolia.com/en/grammar/conjugator (มีให้คลิก affirmative / negative / question)
- http://conjugation.com/ (มีให้คลิก Affirmative / Negative / Interrogative / Definition & Examples )
- http://conjugator.reverso.net/conjugation-english.html (มีให้คลิก definition/ Model / Contractions / Other forms)
- http://en.bab.la/conjugation/english/free
- http://www.verb2verbe.com/conjugation/english-verb/free.aspx
- http://www.vocabulix.com/conjugation/English-Verbs.html
- http://www.idiomax.com/online-verb-conjugation.aspx
พิพัฒน์
คำแนะนำเบื้องต้น ในการใช้ชุดการฝึกภาษาอังกฤษ ที่โหลดฟรีได้จากเน็ต
สวัสดีครับ
ถ้าท่านรักการฝึกภาษาอังกฤษและใช้อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งฝึกฝนพัฒนาทักษะมาเรื่อย ๆ ท่านจะเห็นได้ไม่ยากว่า ทุกวันนี้ทั้งเว็บไซต์ที่มีให้เข้าไปศึกษา online และไฟล์ที่สามารถดาวน์โหลดไปศึกษา offline มีการพัฒนาขึ้นมาก ดูเหมือนว่าเขาพยายามทำเพื่อให้คนศึกษา (1)ใช้ความพยายามน้อยที่สุด (2)รู้สึกเพลิดเพลินในการศึกษา หรือเบื่อน้อยที่สุด (3)เรียนได้ผลมาก และ (4)เรียนได้ผลเร็ว
♦ผมขอพูดเกี่ยวกับการศึกษา online ผ่านเว็บไซต์ก่อน
ในเว็บ www.e4thai.com นี้ ผมได้คัดเลือกเว็บหรือลิงค์เพื่อการฝึกภาษาอังกฤษไว้ที่นี่
เว็บภาษาไทย:
- รวมเว็บไทยสอนภาษาอังกฤษ ที่ผมคัดเลือกแล้ว
- เว็บภาษาไทย เข้าไปเรียนภาษาอังกฤษ
- เรียนภาษาอังกฤษกับ Facebook ไทย
- ตัวอย่าง blogspot.com สอนภาษาอังกฤษ
- รวมเว็บสอนภาษาอังกฤษฟรีของทางราชการ
เว็บภาษาอังกฤษ:
และก็ได้แนะนำเคล็ดในการ Search เว็บที่ต้องการ ที่ลิงค์นี้:
♦ส่วนเรื่องไฟล์เพื่อดาวน์โหลดไปศึกษาแบบไม่ต้องต่อเน็ต หรือ offline ก็ได้รวบรวมไว้ที่นี่:
- รวม ดาวน์โหลด ตำราภาษาไทย ใช้เรียนภาษาอังกฤษ (คนไทยแต่ง)
- ดาวน์โหลดหนังสืออ่านนอกเวลากว่า 150 เล่ม
- รวมดาวน์โหลด eBook, mp3, โปรแกรม ภาษาอังกฤษ ซึ่งใช้ในการฝึกภาษาอังกฤษ
- และ Download Sites
♦และวันนี้ผมขอแนะนำเพิ่มอีกนิดหน่อย เกี่ยวกับไฟล์ฝึกภาษาอังกฤษที่ท่านอาจจะไปเจอในเน็ต ดังนี้ครับ
[1] หลายบริษัทที่ผลิตสื่อการสอนภาษาอังกฤษเหล่านี้ เขาทำเป็นชุดที่มีทุกอย่างในนั้น ให้ผู้เรียนศึกษาด้วยตัวเอง ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วจะมีไฟล์ pdf เป็น e-book มาพร้อมกับไฟล์ audio MP3, หรือบางชุดอาจจะมีไฟล์คลิป video และไฟล์โปรแกรมประเภท .exe, ISO, nrg ให้มาด้วย แต่ถ้าท่านได้มา โดยมีคนนำไป upload ไว้ในเว็บ มันอาจจะไม่สมบูรณ์ เช่น มี e-book แต่ขาด MP3 เป็นต้น อันนี้เป็นธรรมดาครับ เพราะของฟรี ท่านอาจจะต้องหาเพิ่มเติมจากที่อื่น เช่น ที่ผมหาบ่อย ๆ ก็คือจาก
[2] ไฟล์ชุดที่เขาทำขึ้นมานี้ มันอาจจะมียาก-ง่าย หลายระดับอยู่ในชุดเดียวกัน โดยแบ่งเป็น grade เช่น grade kindergarten(อนุบาล) ถึง grade 12, หรือ level ซึ่งอาจจะมีตั้งแต่ beginner ไปจนถึง advanced
ในข้อนี้ผมขอแนะว่า ท่านอย่าไปยึดมั่นถือมั่นตายตัวว่า ตัวเองอยู่ที่ grade นั้น ๆ หรือ level นั้น ๆ อย่างเช่น reading skill ของท่านอาจจะอยู่ในระดับ advanced แต่ listening skill อาจจะอยู่แค่ระดับ elementary เพราะจากที่เรียนมาในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย เราอ่านมากแต่ฟังน้อย เพราะฉะนั้น แม้เราจะเอาสื่อการเรียนที่ใช้สำหรับสอน listening สำหรับเด็ก grade ชั้นประถมมาฝึก ก็ไม่เป็นการเสียหน้าหรือเสียเกียรติโดยประการใด ๆ ทั้งสิ้น
ในทำนองตรงกันข้าม เราอาจจะรู้สึกว่า ภาษาอังกฤษของเรายังอ่อนแอ พอไปเจอ e-book เรียนภาษาอังกฤษระดับสูง ๆ ก็เลยขยาดไม่กล้าคลิกเข้าไปดู คำแนะนำของผมก็เหมือนเดิมครับ คืออย่าไปยึดมั่นถือมั่นปานนั้นเลย วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องคือ เมื่อได้ e-book ที่หน้าปกและชื่อเรื่องอาจจะดูน่ากลัว เช่นเล่มนี้ ซึ่งเป็นระดับ upper-intermediate
ก็ให้ทำใจดีสู้เสือ และค่อย ๆ คลิกเข้าไปดูทีละส่วน เช่นเล่มนี้พอแยกดูเป็นส่วน ๆ ก็จะเห็นดังนี้ (หนังสือพวกนี้ หลาย section เป็นภาคผนวกอยู่ท้ายเล่ม เราอาจจะคลิกหรือพลิกไปไม่ถึง)
section ที่อยู่ท้ายเล่ม
และเราอาจจะพบว่า ในหนังสือหลายร้อยหน้านั้น อาจจะมีสัก 10 หน้า ที่ถูกใจเราที่สุด หรือจากทั้งหมด 20 บทอาจจะมีที่ตรงเป๊ะกับที่เราต้องการอยู่ 1 บท ซึ่งเราสามารถนำไปใช้เรียนหรือท่องจำได้ทันที หรือครูอาจารย์อาจจะหยิบไปใช้สอนได้ทันที โดยมิต้องนำพาว่า มันจะเป็น Grade หรือ Level อะไร อย่างนี้เป็นต้น
[3] ผมขอแนะสักนิดในการคลิกเข้าไปดูโครงสร้างหรือเนื้อหาของ e-book เผื่อมีบางท่านที่ยังไม่คุ้นเคยกับไฟล์ pdf e-book
คือว่า ถ้าเป็นหนังสือธรรมดา ตอนดูเนื้อหาก็มี 2 แห่งให้พลิกเข้าไปดู คือ สารบัญ หรือ Contents ซึ่งอยู่ในหน้าแรก ๆ และ ดัชนี หรือ Index ซึ่งมักอยู่ท้ายเล่ม
แต่ถ้าเป็น e-book มันมีอีกอย่างหนึ่ง ที่เรียกว่า bookmarks(ซึ่งมักเป็นหัวข้อ และหรือหัวข้อย่อย ที่เมื่อคลิกแล้ว จะนำเราไปยังหน้านั้นทันที), โดย e-book เขาอาจจะทำ bookmark ไว้แล้ว หรืออาจจะไม่ได้ทำก็ได้, และถ้าทำไว้แล้ว พอคลิกเปิดไฟล์ขึ้นมา มันอาจจะโชว์ bookmark ทันที ที่คอลัมน์ซ้ายมือของไฟล์ pdf หรืออาจจะไม่โชว์ก็ได้ เพราะฉะนั้น ถ้ามันไม่โชว์ ท่านต้องเช็กดู โดยคลิกตามรูปข้างล่างนี้
[4] อย่างที่เรียนแล้วว่า ตำราพวกนี้ เขามักทำเป็นแบบ self-study คือให้ผู้เรียนไม่ต้องพึ่งครู เพราะฉะนั้น เมื่อมีแบบฝึกหัดให้ทำท้ายบทแต่ละบท ก็มักจะมีเฉลยอยู่ท้ายเล่ม, หรือเมื่อมีไฟล์ MP3 ให้คลิกฟัง ก็มักจะมี audioscript อยู่ท้ายเล่ม, นอกจากนี้ ยังอาจมีการรวบรวมคำศัพท์ของแต่ละบท หรือของทั้งเล่ม ในหัวข้อ word list หรือ vocabulary หรือ glossary ไว้ที่ท้ายเล่มเช่นเดียวกัน และก็อาจจะมีภาคผนวกต่าง ๆ ซึ่งน่าสนใจ และไม่ยาวเกินไป รวมไว้ที่ท้ายเล่มอีกนั่นแหละ ผมเองเมื่อเจอหนังสือพวกนี้ทีไร ชอบคลิกไปดูที่ท้ายเล่ม และบ่อยครั้งที่ได้ของดี ๆ มาฝากท่านผู้อ่าน (ก็เราไม่จำเป็นต้องอ่านทั้งเล่มนี่ครับ)
สำหรับวันนี้ ผมก็ขอนำไฟล์ชุด FLASH on English ระดับ Upper Intermediate มาฝากท่าน อันที่จริงมันมีทั้งหมด 4 level ตั้งแต่Elementary ถึง Upper Intermediate แต่ผมได้มาเฉพาะ level สุดท้ายเท่านั้น แต่ก็นำมาฝากเพราะท่านอาจจะนำเอาไปคุ้ย ๆ ดู และพบบางหน้าที่ใช้งานได้ อย่างที่ผมแนะ
e-book
MP3
พิพัฒน์
เรียนภาษาอังกฤษกับข่าวอังกฤษแปลไทย 4 เว็บ
เรียนภาษาอังกฤษกับข่าวอังกฤษแปลไทย 4 เว็บ
- เรียนภาษาอังกฤษจากข่าว - TellmeMoreClub.com
- บางกอก โพสต์:ระดับง่าย-ปานกลาง-ยาก
- เรียนภาษาอังกฤษจากข่าว - Fatoni Online
- เรียนภาษาอังกฤษจากข่าว – langhub.com
ศึกษาเพิ่มเติม:
ตัวอย่าง การสังเกตการใช้ tense เมื่ออ่านข่าว
สวัสดีครับ
จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมได้ข้อสรุปว่า แม้ว่าเรารู้แกรมมาร์จากตำรา แต่เราจะแม่นแกรมมาร์ก็ต่อเมื่อสังเกตเมื่ออ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง tense ซึ่งเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดเยอะ และถ้าอ่านข่าวหรือบทความข่าวก็จะมีแง่มุมของ tense ให้ดูมาก เพราะเนื้อข่าวมีทั้งนำเอาคำพูดของผู้ถูกสัมภาษณ์มาเขียนตรง ๆ ใน "เครื่องหมายคำพูด", หรือนำมาดัดแปลงหรือเล่าต่อโดยใช้ภาษาของผู้สื่อข่าว, มีทั้งเรื่องกฎระเบียบซึ่งเป็นจริงเสมอ, และยังมีแง่อื่น ๆ อีก เพราะฉะนั้น
- ในข่าวจึงมีทั้ง 3 กาล คือเรื่องที่เป็นเวลาในอดีต ซึ่ง verb จะเป็นช่อง 2 หรือเติม –ed
- เรื่องที่เป็นเวลาในปัจจุบัน ซึ่ง verb มักเป็นช่อง 1 หรือเติม –s
- เรื่องที่เป็นเวลาในอนาคต ซึ่ง verb มักนำหน้าด้วย will
- Tense ที่เป็น past, present และ future นี้ ยังซอยออกไปอีกอย่างละ 4 คือ simple, continuous, perfect และ perfect continuous
แต่ว่า มันยังมีเรื่องอื่น ๆ อีก เช่น
- เติม –ed ที่ไปเกี่ยวกับเรื่อง passive voice, เรื่อง past participle, เรื่อง verb พิเศษ ที่มีความหมายว่า “ทำให้”, หรือ“รู้สึก”, หรือบางทีก็เป็น adjctive
- และเรื่องเติม –ing ท้าย verb พิเศษแล้วแปลว่า “น่า” และอาจจะทำให้เรางงว่า มันเป็น continuous หรือเปล่าเนี่ย, และบางทีก็ต่อท้าย verb เป็น present participle
- และ verb ที่ผสมกับ –ed หรือ –ing ยังสามารถแปลเป็นไทยว่า “ที่”, “ซึ่ง”, “อัน” ชวนให้งงมากขึ้น
♦เรื่อง present และ past participle ซึ่งพออยู่ในประโยค มักจะแปลเป็นไทยว่า "ที่","ซึ่ง","อัน" ผมอธิบายไว้แล้วที่บทความนี้:คลิก
ที่พูดมาข้างต้นนี้เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ซึ่งผมกำลังจะบอกท่านว่า แม้เราตั้งใจจะสังเกตเรื่อง tense ก็ยังมีหลักแกรมมาร์อื่น ๆ เสนอหน้ามาให้ดูอีกเยอะแยะ และชวนงงง่ายถ้าไม่แม่น
แต่การแม่นจากการอ่านตำรามีค่าน้อยถ้าไม่ฝึกจิกและจับหลักให้เห็นชัด ๆ เมื่อเราอ่าน มันเหมือนตำรวจที่ซ้อมยิงปืนในสนามซ้อม กับตำรวจที่ออกจับผู้ร้ายซึ่งพกปืนยิงสวนตำรวจได้, มันยากต่างกัน, ถ้าเราผู้เรียนแกรมมาร์ไม่ยอมจิกจับของจริงเวลาอ่าน ก็คงเก่งยาก
วันนี้ผมขอนำบทความข่าวจาก นสพ. Bangkok Post สัก 1 บทความมายกตัวอย่างเรื่อง tense เนื้อหาพูดถึงเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ออกหนังสือเปิดโปงเรื่องที่ผู้แต่งอ้างว่ารัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ทุจริตเรื่องการประกันราคาข้าว ผมขออนุญาตไม่แปลและไม่สรุปแล้วกันนะครับ (หมายเหตุอย่างจริงจัง: ตัวอย่างนี้ นำมาใช้เพื่อการศึกษาเท่านั้นครับ ไม่มีเจตนาจะสื่อว่าใครถูกใครผิด ใด ๆ ทั้งสิ้น)
ผมไม่ขออธิบายมาก เพราะเท่าที่ผ่านมา พออ่านคำอธิบายเรื่องแกรมมาร์ของตัวเองทีไรก็รู้สึกว่ามันน่าเบื่อทุกครั้ง แต่ผมขอใช้สีแทน ตามข้างล่างนี้ นี่เป็นตัวอย่างของการฝึกสังเกตการใช้แกรมมาร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง tense
และ♥ผมขอยืนยันว่า ทุกครั้งที่ท่านอ่านภาษาอังกฤษและสังเกตทำนองนี้ ท่านจะแม่นแกรมมาร์ขึ้นเยอะ แต่ถ้าท่านสังเกตไม่ออก นี่มันบอกแล้วว่า ท่านต้องกลับไปทบทวนแกรมมาร์อีกสักหน่อย♥
สังเกตตามสีข้างล่างนี้ครับ
- Past tense
- Present tense
- Future tense
- participle [ทั้ง past participle(-ed/ช่อง3) และ present participle (-ing)]
- preposition + Ving (ขีดเส้นใต้, คือ verb ถ้าตามหลังบุพบท ต้องเติม ing)
- intinitive นำหน้าด้วย to (กรณีนี้ ผมปล่อยไว้ตามเดิมของมัน)
พาดหัวข่าว:
Pheu Thai shoots itself in the foot
ที่มา:
http://www.bangkokpost.com/opinion/opinion/431017/pheu-thai-shoots-itself-in-the-foot
Mother nature is always fair to Thailand. It gave us Thaksin Shinawatra and then it sent us Prayuth Chan-ocha.
It gave us Sia Piak, Sia Pieng, Je D and more. But then it also sent to us one medical doctor who could diagnose just what these people have done.
The Pheu Thai Party cried foul on Wednesday and Thursday over an event run by the Democrat Party for the launch of a book. It challenged coup leader Gen Prayuth to take action against the Democrats for defying martial law rules barring political gatherings of more than five people. On that Wednesday at the Democrats' head office, there were — quite blatantly — more than five people gathered for the book launch.
Gen Prayuth is smart enough not to fall into the political trap set by Pheu Thai and in fact is looking not a little annoyed about it all. He made clear in his weekly address on Friday that it was not his business.
"Regarding publications, it is a political issue. I am not going to involve myself in this dispute. Please ensure that any publications are just and fair to both sides. The legal team will use laws and evidence to prove their case rather than take the publications into account. It is a legal matter," he said.
He was talking about publications in plural. But in fact, in the present political context, the reality is, it is only about one: The Epic Rice Scheme written by Dr Warong Dechgitvigrom, a Democrat politician and physician by training.
What Pheu Thai is seriously worried about is not the launch event. It's about what is inside that book.
When Pheu Thai was on the campaign trail during the 2011 election, the party (including Yingluck Shinawatra) promised farmers to buy every grain of their rice for 15,000 baht a tonne. That ultra-populist policy easily carried them into parliament. Nobody argued a doomsday scenario for the rice-pledging scheme — especially the big wigs in Pheu Thai.
Politically, the party committed a fatal error in trying to rush Thaksin's return home through the disgraceful amnesty bill. Economically, the rice scheme was even more fatal to it.
The country is still licking its wounds from the losses and the damage caused by this policy.
The book by the former Democrat member for Phitsanulok is a perfect reminder of what happened and what went wrong with the scheme. And it appears just as the country watches what will happen to Ms Yingluck, who chaired the National Rice Policy Committee, and those people involved in it.
The book pieces together key actors and motives behind the launch of the policy and explains alleged corruption at every step, from the very beginning of the process to the end — from the fake registration of farmers to the fake government-to-government rice deals.
The hardest part of Dr Warong's effort was to put the jigsaw together to establish the links among those involved in pocketing money from Pheu Thai's flagship policy. What was equally important was to write it for laymen who are confused by figures.
One good thing to arise from the book is the references to decent civil servants who cannot abide corrupt politicians at their ministries. They supplied information to Dr Warong while keeping themselves below the radar for the sake of their careers. His attempts to shed light on the scheme would have been incomplete, or even gone nowhere, without the help of those anonymous insiders.
Pheu Thai reacted angrily to the Democrat Party because the book revisits its mistakes and hidden motives behind the scheme, which it wants quickly forgotten. Dr Warong is right in thanking Pheu Thai for helping him to promote the book by attacking it.
Nipon Poapongsakorn of the Thailand Research Development Institute calls Dr Warong the "Sherlock Holmes of the rice-pledging scheme" for his investigation. Those who follow the trials of the fictional detective are familiar with the end of every story: Bad guys never walk free.
The book is out but the rice scheme folly is not over. It is writing its final chapters, and this time the plot is about justice. Nobody knows how this will end as anything can happen.
The only thing that won't change is karma.
Saritdet Marukatat is digital media news editor, Bangkok Post.