Articles
ศึกษา tense จากการอ่านข่าว
สวัสดีครับ
ผมเดาว่า เรื่อง tense เป็นเรื่องที่นักเรียนไทยงงกันมาก แต่เรื่องที่น่าสงสารที่สุดก็คือ ครูคือคนที่ตกเป็นจำเลยได้ง่ายที่สุด คือ ถ้าเด็กไม่รู้ก็หาว่าครูสอนไม่รู้เรื่อง, ถ้าเด็กรู้แต่พูดสนทนาไม่ได้ก็หาว่าครูเน้นเรื่องนี้จนเด็กไม่กล้าพูดกลัวผิด แล้วนี่จะให้ครูทำยังไงเนี่ยะ
ตามความเห็นผม เรื่อง tense แม้จะชวนงงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ยากเกินไปนัก วันนี้ผมขออนุญาตพูดเรื่องนี้สักนิดแล้วกันครับ
A- tense นั้น มีใหญ่ ๆ อยู่ 3 tense คือ 1.ปัจจุบัน หรือ present tense 2.อดีต หรือ past tense และ 3.อนาคต หรือ future tense – อันนี้ทุกคนจำได้นะครับ
B- ทั้ง 3 tense ใหญ่นี้ ต่างก็แบ่งเป็น 4 tense ย่อย คือ simple, continuous, perfect และ perfect continuous – 3 คูณ 4 = 12 tense อันนี้เริ่มจะงงหน่อย ๆ มั้ยครับ
ผมเจอลิงก์ที่เขาสรุปเรื่อง 12 tense นี้ได้อย่างกระชับมาก ท่านคลิกเข้าไปดูก่อนแล้วกันครับ → สรุป 12 tenses
C- ผมสังเกตว่า สาเหตุหนึ่งที่หลายคนอ่านประโยคแล้วงงเรื่อง tense ก็น่าจะเป็นเพราะว่า เราอาจจะไม่คล่องแคล่วในเรื่องอื่น ๆ ที่ควรต้องรู้ควบคู่กันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Tense ที่อยู่ใกล้เคียงหรือปรากฏในรูปประโยคปฏิเสธ, รูปประโยคคำถาม, รูป passive voice, indirect speech, present & past participle เป็นต้น ยิ่งประโยคยาว ๆ มีวลีหรืออนุประโยคซ้อนกันไปซ้อนกันมาเยอะ ๆ ก็เลยงง คืองงทุกเรื่อง ไม่ได้งงเรื่อง tense เรื่องเดียว
D- ถึงตรงนี้ผมก็ต้องสรุป อย่างที่ผมสรุปบ่อย ๆ ว่า เราต้องฝึกอ่านเยอะ ๆ, อ่านทุกวัน, โดยเริ่มอ่านเรื่องที่เราชอบ และมีระดับยากง่ายพอฟัดพอเหวี่ยงกับเรา อย่าให้มันยากเกินไป เหมือนเราเลือกเส้นทางเดินเล่นที่ชมวิว ชมนก ชมไม้ได้ คำว่า “ชม” ในที่นี้ก็คือการ “สังเกต” เนื้อเรื่องที่อ่าน ซึ่งนอกจากเป็นเรื่องของการจับประเด็น ตีความ ทำความเข้าใจศัพท์สำนวน ก็ยังมีเรื่องของแกรมมาร์ เช่น เรื่อง tense และอีกสารพัดเรื่อง และนี่เป็นสิ่งที่หาไม่ได้จาการอ่านตำราแกรมมาร์หรือการท่องศัพท์ เพราะมันมาจากการฝึกที่เป็นธรรมขาติ คือการอ่านและสังเกตซึมซับของจริง
E- วันนี้ผมนำข่าวง่าย ๆ จากหนังสือพิมพ์ Bangkok Post มาให้เท่านดู 5 - 6 ข่าว โดยผมใส่หมายเลขกำกับและขีดเส้นใต้ไว้ที่ท้ายวลีหรือท้ายประโยค เพื่อแสดงว่ามันเป็น tense อะไร เช่น [1.1] Present Simple [2.1] Past Simple [2.2] Past Continuous [3.1] Future Simple ซึ่งท่านจะเห็นว่า เอาเข้าจริง ๆ ก็มีอยู่ไม่กี่ tense หรอกครับที่ใช้กันบ่อย ๆ และไอ้ที่เราเจอบ่อยนี้ ถ้าเราสังเกตให้คล่อง ดูให้เนียน ๆ พอถึงเวลาที่เราจะพูด เราก็จะไม่กังวลเรื่อง tense จนเรา tense (ตึงเครียด)– นี่ผมพูดจริง ๆ นะครับ ไม่ได้พูดเล่น
- Stray dog saves baby
- A good year for farmers as sacred oxen eat grass
- Taxi drivers make a promise
- ศึกษา tense กับข่าว Bangkok Post
พิพัฒน์
วิธีแปลศัพท์ของ Google Translate ที่ท่านอาจจะยังไม่เคยใช้
สวัสดีครับ
มีคำที่เพื่อน ๆ ของผมหลายคนพูดกันจนเกร่อว่า ถ้าแปลอะไรไม่ออกก็บอกอาจารย์กู คือไม่ว่าจะแปลข้อความจากอังกฤษเป็นไทย หรือจากไทยเป็นอังกฤษ อาจารย์กูเกิ้ลช่วยแปลได้ทั้งนั้น และแม้ทุกคนจะรู้ว่า ผลการแปลของ Google Translate ไม่น่าไว้ใจ แต่อย่างน้อยก็ช่วยบอกเรื่องได้เลา ๆ
→→ https://translate.google.co.th/
โดยความเห็นส่วนตัว ผมเห็นว่าบริการของ Google Translate มีประโยชน์มากทีเดียว หากใช้ด้วยความระมัดระวัง หรือประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม เช่น
1.เราตรวจการแปลของ Google ก่อนนำไปใช้งาน ตรงไหนที่แปลถูกก็คงไว้, ตรงไหนที่แปลผิดหรือเพี้ยนหรือควรปรับปรุงก็แก้ไข ถ้าทำอย่างนี้ก็ช่วยทุ่นเวลาคิดหรือพิมพ์ ไม่ต้องทำเองทั้งหมด
2.คุณครูสามารถนำผลการแปลของ Google มาเป็นแบบฝึกหัดให้นักเรียนปรับปรุงแก้ไข อาจจะเป็นงานเดี่ยวหรืองานทำด้วยกันทั้งห้องก็ได้ บางครั้ง Google แปลผิด ๆ ได้อย่างตลกมาก ถ้านำมาเป็นบทเรียนก็จะช่วยให้ห้องครื้นเครง
แต่วันนี้ผมมีอีกเรื่องหนึ่งของ Google Translate ที่เห็นว่ามีประโยชน์มากทีเดียวมานำเสนอ หลายท่านอาจจะทราบแล้ว แต่บางท่านอาจจะยังไม่ทราบ ก็คือว่า Google Translate นั้น ให้บริการ 2 อย่างพร้อมกันคือ
1.บริการแปล ทั้งประโยค ยาว ๆ หลายย่อหน้าก็แปลได้ บริการนี้ท่านคงทราบแล้ว
2.บริการแปลศัพท์เป็นคำ ๆ ซึ่งมีลักษณะที่เด่นอยู่ 2 – 3 อย่าง คือ
A – เราสามารถใส่คำศัพท์หรือข้อความลงไปได้เป็นร้อย ๆ คำในคราวเดียวกัน
B – การแปลศัพท์เป็นคำ ๆ ของ Google Translate นั้น จะแยกแยะชัดเจนว่าเป็นคำอะไร เช่น noun, verb, adjective และศัพท์ที่มีหลายคำแปล ก็จะเรียงจากคำแปลที่ popular คนรู้จักและใช้บ่อย ๆ ไว้เป็นลำดับแรก ๆ ส่วนคำแปลที่ใช้น้อยลงไปก็เรียงในลำดับหลัง
คราวนี้มาถึงขั้นตอนการใช้งานที่ผมขอแนะนำ
ตัวอย่างที่ 1:
ให้ Google Translate ช่วยแปลศัพท์จากหนังสือพิมพ์ Bangkok Post
ให้ท่านไปที่ลิงก์นี้ซึ่งเป็น Bangkok Post Lite
→→http://www.bangkokpost.com/lite
และ copy ข้อความมาใส่ในหน้า Google Translate
ที่ต้องบอกให้ Copy จากหน้า lite นี้ก็เพราะว่า ถ้าเป็นหน้าปกติ
คือข่าวจากหน้านี้ http://www.bangkokpost.com/newsBangkok Post เขายอมให้เรา copy แค่ข้อความสั้น ๆ เท่านั้น
เมื่อ paste ข้อความภาษาอังกฤษ ลงไปที่ด้านซ้ายของหน้า Google Translate แล้ว, ก็คลิกให้แปลเป็นไทย
เอาละครับ ถึงตอนนี้อย่างที่ผมบอกว่า เราจะไม่ใช้บริการของ Google Translate ในการแปลข้อความ, แต่เราจะพึ่งบริการการแปลศัพท์เป็นคำ ๆ คราวละหลาย ๆ คำ หรือให้แปลคำใดก็ได้ในข่าวทั้งชิ้น
สมมุติว่า ท่านได้ข่าวนี้ คือ รพ.ศิริราช ประกาศว่าผลิตวัคซีนฉีดป้องกันโรคอีโบล่าได้ ท่านก็ Copy ข่าวนี้ลงไปในช่อง ซ้ายมือของหน้า Google Translate แล้วก็คลิกให้เค้าแปลเป็นไทย
→→https://translate.google.co.th/
In a brief announcement of a Thursday press conference, the Faculty of Medicine Siriraj Hospital at Mahidol University said doctors would detail what it described as "the successful production of an antibody treatment against Ebola for the first time in Thailand."
Volunteer Ruth Atkins has blood taken before receiving an injection of the Ebola vaccine at the Oxford Vaccine Group Centre for Clinical Vaccinology and Tropical Medicine in Oxford, southern England Sept 17. Siriraj Hospital plans to announce it has developed a breakthrough antibody treatment for the disease at a Thursday press conference. (Reuters photo)
Thai media broke the news in bombastic fashion, with one early report from a government-run website proclaiming it a "cure" for the disease that has killed more than 3,000 people in West Africa this year. Other reports claimed it was a preventative vaccine.
It also could mean the hospital's development of antibodies will lead to a treatment applied after infection to stimulate the body's natural immune system to fight off infection.
With hospital officials remaining mum, no one yet knows exactly what Siriraj actually has. Dr Pattarachai Kiratisin, head of the faculty's microbiology department and one of four speakers set to appear Thursday, declined to elaborate on the findings and asked the press to wait until the conference.
เอาละครับ ตรงนี้มาถึงจุดสำคัญที่ผมจะขอบอกแล้ว คือว่า
1.ให้ท่านดับเบิ้ลคลิกศัพท์คำที่ท่านต้องการรู้คำแปล, เมื่อดับเบิ้ลคลิกแล้ว คำแปลของศัพท์คำที่ท่านคลิก จะไปปรากฏที่คอลัมน์ขวามือด้านล่าง, และถ้าคำแปลมีเยอะ อาจจะมีคำว่า .... more translations ที่บรรทัดล่างสุด, ก็ให้ท่านคลิกเพื่อดูเพิ่มเติม พูดง่าย ๆ ก็คือ ท่านจะดูคำแปลของศัพท์คำไหนก็ดับเบิ้ลคลิกศัพท์ตัวนั้น คำแปลก็จะโชว์ให้เห็นทุกคำที่ท่านคลิก
2.พอถึงตรงนี้มี trick อย่างหนึ่งที่ต้องบอกให้ทราบ คือ คำบางคำที่ลงท้ายด้วย -s, -es, -d, -ed, -ing, -ly อะไรทำนองนี้แหละครับ ถ้าเราดับเบิ้ลคลิก บางที Google Translate มันกลับไม่ยอมโชว์คำแปล หรือโชว์แต่เพียงสั้น ๆ, ขอแนะว่า ถ้าเจอศัพท์ลักษณะนี้ ขอให้ท่านใช้วิธีไฮไลท์เฉพาะตัวอักษรที่เป็น Basic form คือไม่มี -s, -es, -d, -ed, -ing, -ly ต่อท้าย, Google Translate ก็จะโชว์คำแปลเต็ม ๆ ให้ท่านเห็น
3.เมื่อทำตามข้างต้นและเห็นคำแปลเป็นภาษาไทยแล้ว ขอให้ท่านเหลือบมาดูที่คอลัมน์ซ้ายมือด้านล่าง ท่านจะเห็นความหมายเป็นภาษาอังกฤษของศัพท์คำนั้น ที่ Google Translate ให้ไว้ด้วย, พูดง่าย ๆ ก็คือ คลิกครั้งเดียว ได้เห็นทั้งคำแปลเป็นไทยที่อยู่ด้านขวา และความหมายเป็นภาษาอังกฤษที่อยู่ด้านซ้าย (มีไอคอนรูปลำโพงให้คลิกฟังเสียงอ่านศัพท์คำนั้นด้วยครับ)
ตามภาพข้างล่างนี้ครับ
4.ด้วยวิธีตามข้อ 1., 2., 3. ที่ผมชี้แจงมานี้ ท่านยังสามารถ paste ข่าวภาษาไทยลงไปทั้งข่าว, คลิกให้มันแปล, และก็คลิกหรือไฮไลท์ให้มันแปลศัพท์ไทยเป็นภาษาอังกฤษเฉพาะคำที่เราสนใจก็ได้ เช่น
ตัวอย่างที่ 2:
'ศิริราช'เจ๋งพบยารักษา'อีโบลา'แล้ว | เดลินิวส์
„'ศิริราช'เจ๋งพบยารักษา'อีโบลา'แล้ว สำเร็จเป็นรายแรกของโลก "หมอศิริราช" สุดเจ๋ง ค้นพบยาต้านเชื้อไวรัสอีโบลา เตรียมเปิดตัวสู่สายตาชาวโลก 2 ต.ค. เชื่อเป็นความหวังให้ผู้ป่วย หลังเชื้อร้ายสร้างความหวาดผวาไปทั่วทุก มุมโลกและยังไร้ตัวยาต่อต้าน วันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2557 เวลา 14:21 น. เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ได้ศึกษาวิจัยและผลิตแอนติบอดี รักษาโรคโรคไข้เลือดออกอีโบลาได้เป็นผลสำเร็จ และเป็นแห่งแรกของโลกแล้ว โดยจะมีการแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการในหัวข้อ "ครั้งแรกของไทย ศิริราชผลิตแอนติบอดีรักษาโรคไข้เลือดออกอีโบลาสำเร็จ" ในวันพฤหัสบดีที่ 2 ต.ค. 2557 เวลา 10.00 น. ที่ห้อง A201 อาคารศรีสวรินทิรา ชั้น 2 รพ.ศิริราช โดยมี ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นประธานการแถลงข่าวร่วมกับ รศ.ดร.นพ.ภัทรชัย กีรติสิน หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา ศ.เกียรติคุณ ดร.วันเพ็ญ ชัยคำภา ภาควิชาปรสิตวิทยา และ ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยพร้อมทีมแพทย์และผู้เกี่ยวข้องร่วมในการแถลงข่าว“
แต่ต้องขอเรียนว่า ถ้าไฮไลท์แล้วมันไม่โชว์คำแปล แสดงว่าศัพท์ภาษาไทยตัวนั้นไม่มีอยู่ใน database ของเขา, เราอาจจะพลิกแพลงโดยการไฮไลท์คำให้สั้นลง มันก็อาจจะโชว์ก็ได้
เช่น เมื่อไฮไลท์คำว่า หัวหน้าภาควิชา มันไม่โชว์คำแปล แต่พอไฮไลท์ทีละคำ มันก็โชว์ เช่น
หัวหน้า มันให้คำแปลว่า chief, head, leader, boss,
ภาค มันให้คำแปลว่า sector, department
ตามภาพข้างล่างนี้ครับ
ที่เล่ามายืดยาวทั้งหมดนี้ ผมอยากให้ท่านลองไปทำดูครับ วิธีอย่างนี้อาจจะดูแล้วไม่ค่อยเป็นวิชาการนัก แต่ผมเห็นว่า การเรียนภาษาอังกฤษทุกวันนี้มันมีนั่น – นี่ – โน่น ให้เราเลือกหยิบฉวยมาใช้ได้ ซึ่งอาจจะเป็นการเรียนภาษาอังกฤษที่ได้ผลเร็วและสนุก ผมเดาว่าหลายคนไม่ชอบการเรียนที่ได้ผลเร็วแต่เครียด หรือ การเรียนที่สนุกแต่ได้ผลช้า
วิธีที่นำมาเล่าในวันนี้ ถ้าท่านฟังแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยชอบและเมื่อท่านใช้แล้วก็คงไม่ได้ผล ก็ไม่เป็นไรครับ แต่ผมอยากชวนให้ท่านลองเล่นจริง ๆ สัก 1 ครั้ง ท่านอาจจะเปลี่ยนใจกลายเป็นชอบ หรือถ้ายังหนักแน่นไม่เปลี่ยนใจ ก็ช่วยแนะนำคนอื่นแล้วกันครับ ขอบคุณมากครับ
พิพัฒน์
ฝึกอ่าน – ฝึกแปล อังกฤษเป็นไทย กับตำราชั้นครู “Translate it” – นสพ. Bangkok Post
สวัสดีครับ
วันก่อน ผมพูดเรื่อง ความต่างระหว่างการอ่านและการแปล และการฝึกอ่านภาษาอังกฤษ ที่บทความนี้
ทำยังไงถึงจะอ่านภาษาอังกฤษเข้าใจได้โดยไม่ต้องแปล
ต่อมา ผมได้พูดเรื่อง การแปลข่าวไทยเป็นอังกฤษ ที่บทความนี้
ศึกษาการแปลข่าว ไทยเป็นอังกฤษ จาก นสพ. Bangkok Post (และ download ไฟล์)
และวันนี้ ผมของพูดเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกัน คือ ฝึกอ่าน – ฝึกแปล อังกฤษเป็นไทย
จากที่พูดมาแล้ว สามารถสรุปได้ว่า เรื่องการอ่านและการแปลนั้น เราสามารถฝึกไปพร้อม ๆ กันได้
ในเรื่องการแปลไทยเป็นอังกฤษนั้น ถ้าท่านต้องการศึกษาด้านทฤษฎีเป็นพื้นฐานไว้ก่อน ผมขอแนะนำหนังสือ EN 322 ของรามคำแหงฯ เรื่อง จุดมุ่งหมาย หลักการ และวิธีแปล - Nature and Methods of Translation โดย รศ.อัจฉรา ไล่ศัตรูไกล ตอนที่ 2 การแปลอังกฤษ-ไทย บทที่ 4 – 10 คลิก
แต่การศึกษาตำราอย่างเดียวยังไม่พอ ควรศึกษาจากของจริงด้วย และของจริงที่เยี่ยมมาก ๆ ซึ่งท่านสามารถศึกษาทั้งการอ่านภาษาอังกฤษ และการแปลอังกฤษเป็นไทยไปพร้อม ๆ กัน ก็คือ รวมบทความรายสัปดาห์จากคอลัมน์ Translate It ซึ่งเคยลงเผยแพร่ในเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ระหว่าง ปี 2503 – 2507 รวม 250 บทความ
ที่ลิงก์นี้(ซึ่งตอนนี้ตายแล้ว): http://www.bangkokpost.com/education/site2007/trsum07.htm
ผู้แปลบทความและให้คาอธิบาย คือ รศ. เกษมศรี วงศ์เลิศวิทย์, อาจารย์ จินตนา ใบกาซูยี และ ดร. สิทธา พินิจภูวดล
ด้วยเห็นว่า บทความเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อคนไทยที่ต้องการฝึกหัดเพื่อพัฒนาทักษะการแปลและการอ่านภาษาอังกฤษ ผมจึงได้รวบรวมบทความมาทำเป็น ebook
หนังสือTranslate It (1,000 หน้า) - คลิกดาวน์โหลด ไฟล์ pdf / ไฟล์ word
Ebook เล่มนี้ ผมได้นำลงเผยแพร่ในเว็บนี้ เมื่อวันที่ 25 January 2013และวันรุ่งขึ้นผมก็ได้รับ comment จาก รศ. เกษมศรี วงศ์เลิศวิทย์ ดังนี้
ขอขอบคุณคุณพิพัฒน์มากที่อุตส่าห์สละเวลามารวบรวมงานจำนวนมากมายขนาดนี้เพื่อเป็นวิทยาทาน เพื่อสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่ดิฉันประทับใจมาก งานทุกชิ้นจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อได้ออกเผยแพร่แล้วเท่านั้น จึงนับว่าคุณพิพัฒน์ได้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางเพื่อประโยชน์อย่างมหาศาลต่อสังคมค่ะ
ครั้งแรกที่ผมนำผลงานของอาจารย์ทั้งสามท่านลงเผยแพร่ในเว็บนี้นั้น ผมก็มีความกลัวอยู่บ้างเพราะทำไปโดยไม่ได้ขออนุญาตท่านก่อน แต่ก็นึกในใจว่า ถ้าท่านจะตำหนิก็คงไม่มากเพราะผมไม่ได้นำผลงานของท่านมาหาผลประโยชน์ส่วนตัว ครั้นเมื่อได้รับข้อความจากอาจารย์เกษมศรี ผมรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าท่านมีวิญญาณของความเป็นครูที่น่าเคารพศรัทธาจริง ๆ ผมขอเชิญชวนให้ท่านผู้อ่านได้ขอบคุณท่าน รศ. เกษมศรี วงศ์เลิศวิทย์, อาจารย์ จินตนา ใบกาซูยี และ ดร. สิทธา พินิจภูวดล ด้วยครับ
เอาละครับ ต่อจากนี้ผมขอแนะนำการ ฝึกอ่าน – ฝึกแปล อังกฤษเป็นไทย กับตำราชั้นครู “Translate it” ไปตามลำดับ ดังนี้ครับ
ขอให้ท่านดูตัวอย่าง การแปลสัก 1 ชิ้นในคอลัมน์ Translate It ข้างล่างนี้ครับ ชิ้นนี้เป็นผลงานของ รศ. เกษมศรี วงศ์เลิศวิทย์
→ตัวอย่างการแปล อังกฤษเป็นไทย - Translate It
จะมีการเทียบสำนวนแปลภาษาไทยกับต้นฉบับภาษาอังกฤษ ย่อหน้าต่อย่อหน้า และตามด้วยคำอธิบาย ซึ่งตามความเห็นของผม ต้องถือว่าเป็นคำอธิบายชั้นครูจริง ๆ
- -อันดับแรก ขอให้ท่านอ่านเฉพาะภาษาอังกฤษอย่างเดียว ให้จบเสียก่อน และพยายามทำความเข้าใจให้มากที่สุด คำว่า “เข้าใจ” นี้ ท่านไม่ต้องแปลเป็นภาษาไทยในสมองให้สละสลวยก็ได้ครับ แต่เอาเป็นว่าให้ท่านพยายามเข้าใจแล้วกันว่า ข้อความที่ท่านอ่านนั้นมันหมายถึงอะไร ถ้าอ่านเที่ยวเดียวไม่ค่อยเข้าใจก็อ่านซ้ำแล้วกันครับ
ผมขอย้ำกว่า การบังคับให้สมองออกแรงอ่านเพื่อทำความเข้าใจ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะว่าถ้าท่านไม่ฝึกอย่างนี้ คือ แค่อ่านภาษาอังกฤษแบบไม่เคี่ยวเช็ญให้มันตีความบ้าง แล้วไปอ่านคำแปลภาษาไทยที่ให้ไว้เลย พออ่านจบท่านก็เข้าใจ แต่เป็นความเข้าใจที่ไร้สมรรถภาพ สมองจะไม่แข็งแรงขึ้นเพราะมันแทบไม่ได้ออกแรงทำอะไรเลย และถ้าฝึกอ่านแบบไม่ต้องออกแรงอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ แม้จะอ่านเยอะก็เก่งยาก
- -การออกแรงอ่านอย่างที่ผมบอก จะช่วยให้ท่านมีความชัดเจนอย่างน้อย 3 เรื่อง คือ (1)ท่านรู้ว่า เรื่องที่อ่านนั้น ตรงไหนที่ท่านเข้าใจอ่านรู้เรื่อง (2)ตรงไหนที่ท่านแล้วไม่แน่ใจ และ (3)ตรงไหนที่ท่านอ่านแล้วแต่ไม่รู้เรื่องเลย และด้วยความชัดเจนใน 3 เรื่องเช่นนี้แหละครับ พอท่านอ่านคำแปลก็เหมือนดูเฉลย มันจะกระจ่างวาบ แต่ถ้าท่านไม่ออกแรงอ่านตีความมาก่อน เมื่ออ่านคำแปล แม้รู้เรื่องแต่ก็ไม่โล่ง ไม่กระจ่างแจ้งหรอกครับ
- -เสร็จจากขั้นตอนของการทำความเข้าใจ ต่อไปก็เป็นขั้นตอนของการแปลออกมาเป็นภาษาไทย ตรงนี้แหละครับที่ผมบอกว่า ตัวอย่างการแปลและคำอธิบายใน Translate It นี้ เป็นตำราชั้นครูจริง ๆ ใน 250 ตอนนี้ขอให้ท่านค่อย ๆ ละเลียดอ่านไปเรื่อย ๆ จะมีประโยชน์มาก ทั้งเรื่องการฝึกอ่านและฝึกแปล
มีอีกอย่างหนึ่งที่ผมขอแนะนำให้ท่านฝึกแถมเข้าไปด้วย คือ การฝึกอ่านออกเสียงในใจ คืออ่านไปช้า ๆ ออกเสียงดัง ๆ ในใจ และเมื่อเจอคำใดที่ไม่แน่ใจว่าออกเสียงยังไง ก็ดูที่เว็บนี้ก็ได้ครับ www.howjsay.com การฝึกเช่นนี้จะได้หลายอย่างพร้อม ๆ กัน
หนังสือTranslate It (1,000 หน้า) - คลิกดาวน์โหลด ไฟล์ pdf / ไฟล์ word
พิพัฒน์
เรียนถ้อยคำสำนวนที่ใช้พูดในชีวิตประจำวันกับ macmillandictionary.com
Pragmatics lesson
learn phrases and expressions that are used in everyday life
http://www.macmillandictionary.com/learn/pragmatics2014.html
และ