Articles
ขอชวนท่านอ่านดิกให้จบเล่ม
สวัสดีครับ
ดิกชันนารีไม่ใช่หนังสือที่มีไว้อ่านจบเล่มตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย แต่มีไว้เปิดศัพท์ที่ติด ถ้าไม่ติดก็ไม่เปิด และจริง ๆ แล้วในดิกเล่มหนึ่ง ๆ ก็อาจจะมีศัพท์ที่เราควรรู้ไม่ถึง 10% อีก 90% เราไม่จำเป็นต้องรู้ – นี่ผมกำลังพูดถึงดิกมาตรฐานที่มีศัพท์ประมาณ 50,000 – 80,000 คำ
แต่ถ้าเป็นดิกที่นักการศึกษาฝรั่งเขาเรียบเรียงเป็นการเฉพาะเพื่อเด็กอายุ 7 ขวบขึ้นไปล่ะครับ ท่านคิดว่าเราควรจะรู้ศัพท์ทุกคำในดิกเล่มนั้นไหม ถ้าถามผม ก็ต้องขอตอบว่า สมควรรู้อย่างยิ่ง เพราะมันมีแต่คำพื้นฐานอย่างยิ่งทั้งนั้นเลย คือเป็นคำที่เราผู้ใหญ่ต้องรู้ ไม่รู้คงไม่ได้
วันนี้ผมมีดิกชันนารีเล่มนี้มาฝาก Children’s Illustrated Dictionary
ดาวน์โหลดๆฟล์ pdf: คลิก
คลิกดูออนไลน์: Children's Illustrated Dictionary
คุณสมบัติที่น่าสนใจก็คือ
-เป็นดิกที่ทำขึ้นมาเพื่อเด็กอายุ 7 ขวบขึ้นไป เพราะฉะนั้นจึงมีแต่ศัพท์พื้นฐานที่เด็ก “ควร” รู้ และเป็นศัพท์ที่ผู้ใหญ่ “ต้อง” รู้
-มีคำอธิบายคำศัพท์ง่าย ๆ สั้น ๆ และส่วนใหญ่มีประโยคตัวอย่างให้ดูด้วย
-มีภาพที่น่าเร้าใจ ช่วยให้เข้าใจคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น และจำได้ติดตา – ติดสมอง
สาเหตุที่ผมนำดิกเล่มนี้มาชวนให้ท่านอ่านให้จบเล่ม ก็เพราะว่า
-ให้ท่านถือโอกาสเช็กว่า คำศัพท์พื้นฐานที่ควรรู้ ท่านรู้หรือยัง ถ้าท่านพบว่ายังมีอีกเยอะที่ท่านไม่รู้ ก็จะได้ถือโอกาสซ่อมแซมศัพท์ที่ขาดรุ่งริ่งให้แข็งแรงขึ้น
-ได้ฝึก reading skill จากการอ่านคำนิยามศัพท์และประโยคตัวอย่าง นี่หมายความว่า แม้ศัพท์หลายคำท่านจะรู้คำแปลเป็นไทย แต่ถ้าต้องให้ความหมายเป็นภาษาอังกฤษ ก็อาจจะแย่เหมือนกัน เมื่อท่านอ่านความหมายที่ดิกให้ไว้แล้ว ลองทดสอบตัวเองซีครับว่า ท่านสามารถอธิบายได้บ้างไหม ยกตัวอย่างคำง่าย ๆ เช่น book, cat, dog ถ้าต้องให้ความหมายเป็นภาษาอังกฤษท่านจะพูดว่ายังไง – ฝึกแบบนี้เป็นการฝึก speaking skill ด้วยนะครับ
Children’s Illustrated Dictionary มีประมาณ 250 หน้า ขอให้ท่านเจียดเวลาอ่านเล่น ๆ ให้ได้วันละสัก 5 หน้า ไม่ถึง 2 เดือนก็อ่านจบเล่ม
ผมขอรับรองว่า ท่านได้อะไรแน่ ๆจากการอ่านดิกเล่มนี้ อาจจะได้มากกว่าที่ท่านคิดด้วยซ้ำไป ขออวยพรครับ
ลองดูตัวอย่างสักหน้านึงก็ได้ครับ
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ดาวน์โหลดหนังสือ ๑๐๐ คำสอนสมเด็จพระสังฆราช
สวัสดีครับ
ผมได้ไฟล์หนังสือ ๑๐๐ คำสอนสมเด็จพระสังฆราช จากคุณณชเล
เห็นว่า เป็นหนังสือที่มีคุณค่าจึงขอนำมาฝากให้ท่านดาวน์โหลดต่อ
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
****
ฝึกภาษาอังกฤษกับภาพข่าว จาก Time Magazine
สวัสดีครับ
นิตยสารข่าวชื่อดังระดับโลก Time Magazine ได้ราบรวมภาพข่าว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก
ที่ลิงค์นี้ครับ
http://time.com/html-sitemap/time-section-lightbox/
เรื่องที่ผมจะแนะนำสำหรับบทความในวันนี้ก็มีแค่นี้แหละครับ แต่ท่านผู้อ่านอนุญาตให้ผมคุยอะไรเพิ่มเติมสักนิดนะครับ
ในฐานะ webmaster ของ e4thai.com ผมพยายามทำให้เว็บนี้เป็นเสมือนห้องเรียนภาษาอังกฤษสำหรับทุกคน, 1 บทความก็คล้าย ๆ เป็น 1 ห้องเรียน, ท่านก็เลือกห้องเรียนที่เหมาะกับท่านแล้วกันครับ, และเนื่องจากมันมีหลายห้อง เพราะฉะนั้น ในครั้งแรกที่ท่านรู้จักเว็บนี้ จะเป็นประโยชน์มากถ้าท่านคลิกที่ปุ่มต่าง ๆ ในคอลัมน์ซ้ายมือของเว็บเพื่อสำรวจ “ห้องเรียน” ต่าง ๆ ในเว็บนี้ซะก่อน จะได้ทราบว่า ท่านชอบหรือเหมาะที่จะเข้าเรียนห้องใด
ท่านจะสังเกตเห็นว่า เนื้อหาของทุกบทความ มิใช่มีไว้ให้ท่านอ่านเฉย ๆ แต่เป็นคล้าย ๆ การบ้านให้ท่านฝึกทำ ถ้าเป็นไฟล์ให้ดาวน์โหลด ก็ต้องดาวน์โหลดเอาไปฝึก ไม่ใช่ดาวน์โหลดเอาไปเก็บ ในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเว็บหรือไฟล์ที่นำมาแนะนำ ผมพยายามคัดมาเฉพาะที่ฟรี, ที่เป็นประโยชน์ในการฝึกภาษาอังกฤษ, และที่น่าสนใจ (ถ้าผมหาได้)
อย่างเช่นภาพข่าวรายสัปดาห์จาก Time Magazine ที่นำมาแนะนำในวันนี้ ประโยชน์ที่ท่านจะได้แน่ ๆ จากการดูภาพข่าวและอ่านคำอธิบายใต้ภาพก็คือ
♥-ท่านได้รู้เรื่องราวข่าวสารที่เกิดขึ้นในโลกผ่านภาพที่นักข่าวมืออาชีพระดับโลกเป็นคนถ่าย
♥-ท่านได้ฝึกอ่านภาษาอังกฤษสั้น ๆ ที่อยู่ใต้ภาพ ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็น “การบ้าน” ที่ผมให้ในบทความนี้
“การบ้าน” ทำนองนี้มีบางท่านบอกว่ายาก อ่านไม่รู้เรื่อง ช่วยแปลเป็นไทยให้หน่อยได้ไหม? เขาแปลไม่ออก
ผมอยากจะบอกว่า ถ้าท่านต้องการเก่งภาษาอังกฤษ ท่านต้องปฏิวัติล้มล้างความเชื่อของตัวเองที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่า เรียนภาษาอังกฤษต้องมีครูสอน และเพาะปลูกสัมมาทิฐิชิ้นใหม่เข้าไปในสมองว่า ท่านสามารถเก่งอังกฤษได้โดยไม่ต้องรอพึ่งครู เพราะ "ครู" ที่แท้จริงก็คือตัวท่านเอง
แต่การเป็นครูสอนตัวเอง ท่านต้องออกแรงมากหน่อย มากกว่าที่เคยออกมา ยกตัวอย่างการอ่านภาพข่าวTime Magazine ที่ผมแนะนำในวันนี้ การออกแรงอ่านให้มากสักหน่อยทำยังไง? ทำได้หลายวิธีครับ เช่น
(1)ให้ท่านตั้งใจอ่านคำอธิบายใต้ภาพ +ตั้งใจดูภาพประกอบ และไม่ต้องเปิดดิกเมื่อติดศัพท์, เข้าใจแค่ไหนก็แค่นั้น, ด้วยการ “ตั้งใจ” เช่นนี้ ท่านอาจจะรู้สึกว่า “อ่านไม่รู้เรื่อง” แต่ผมขอบอกว่า มีอะไรมากมายที่ท่าน “ได้” โดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทักษะในการ “๑.เดาความหมายของคำศัพท์” และ “๒.การตีความเรื่องที่อ่าน” ความสามารถสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก ๆ แต่ท่านต้องลงทุนลุยฝึกด้วยตัวเอง และมันก็จะได้มาเอง ทีละน้อย ๆ โดยท่านไม่รู้ตัว
(2)ในบางภาพ บางครั้งบางคราว ท่านอาจจะเปิดดิกดูศัพท์ที่ติดและอยากรู้จริง ๆ บ้างก็ได้ และพยามยามแกะอ่านให้เข้าใจ แต่ถ้ายังเข้าใจไม่กระจ่างก็อย่าท้อใจ
ในการฝึกภาษาอังกฤษ ขอให้ความ “ท้อใจ” ของท่านเล็กแค่หัวเข็มหมุด แต่ความ “ตั้งใจ” ใหญ่เท่าลูกฟุตบอล และท่านจะประสบความสำเร็จ และภูมิใจในตัวเอง
เรื่องที่ผมขอพูดก็มีแค่นี้แหละครับ
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ท่านมีความสุขมากแค่ไหนในชีวิต?
สวัสดีครับ
มี 2 ข่าวเกี่ยวกับความสุขระดับชาติที่ผมได้ยินเรื่อย ๆ
ข่าวที่ 1 คือรายงานเรื่อง World Happiness Report ครั้งล่าสุดคือปี 2013 มีประเทศที่อยู่ในรายงานทั้งหมด 156 ประเทศ โดยประเทศที่คนมีความสุขมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ ส่วนประเทศไทยคนมีความสุขอยู่ในลำดับที่ 36 ผมเองลองเปรียบเทียบเฉพาะประเทศอาเซียนว่าใครมีความสุขมากกว่าใคร ก็ไล่เรียงจากสุขมากไปสุขน้อย ดังนี้
สิงคโปร์ ลำดับที่ 30
ไทย ลำดับที่ 36
มาเลเซีย ลำดับที่ 56
เวียดนาม ลำดับที่ 63
อินโดนีเซีย ลำดับที่ 76
ฟิลิปปินส์ ลำดับที่ 92
ลาว ลำดับที่ 109
เมียนมาร์ ลำดับที่ 121
กัมพูชา ลำดับที่ 140
น่าแปลกที่ประเทศบรูไนไม่อยู่ในรายงาน ส่วนประเทศมาเลเซียกลับอยู่รองจากไทยถึง 20 ลำดับ ผมอ่านในรายงานแล้วก็เห็นว่า วิธีการได้มาของผลสำรวจนี้ก็ดูเป็นวิทยาศาสตร์ดี แต่ใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ความเห็นส่วนตัว คลิกอ่านรายงานฉบับเต็ม
ข่าวที่ 2 ที่เคยได้ยินก็คือ ประเทศภูฏาน ประกาศว่า จะไม่สนใจ GDP แต่ละสนใจ GDH แทน
GDP คือ Gross Domestic Product หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
ส่วน GDH คือ Gross Domestic Happiness หรือ ความสุขรวมภายในประเทศ
ความสุขรวมภายในประเทศ ของภูฏาน(คลิก) เขาจะดูจาก wellness 7 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ, สิ่งแวดล้อม,กายภาพ,จิตใจ,สถานที่ทำงาน,สังคม และการเมือง
จาก 2 ข่าวโตเกี่ยวกับความสุขระดับชาตินี้ ทำให้ผมสงสัยว่า แล้วพวกเราแต่ละคนล่ะมีความสุขมากน้อยแค่ไหน?
เรื่องนี้มีคนสนใจกันมาก ท่านเพียงพิมพ์คำว่า happiness test ลงไปใน Google ก็จะเจอลิงค์มากมาย คลิก
ผมได้คัดมา 3 อันให้ท่านลองทำเล่นซึ่งจัดทำโดยหน่วยงานที่มีชื่อเสียง คนไทยได้ยินชื่อบ่อย ๆ
1.True Happiness Test จัดทำโดย National Geographic มีคำถามทั้งหมด 65 ข้อ คลิก
2.How Happy Are You? เป็น The Oxford Happiness Questionnaire มีคำถามทั้งหมด 29 ข้อ คลิก
3.Happiness Formula Test ได้มาจากข่าว BBC Questionnaire มีคำถามทั้งหมด 5 ข้อ คลิก
แบบสำรวจทำนองนี้ พอทำเสร็จและคลิก submit เขาก็มักจะอ่านผลให้เรารู้เลยว่า เรามีความสุขมากน้อยแค่ไหนในชีวิต บางทีก็แจ้งไปยังอีเมลที่เขากำหนดให้เรากรอกก่อนทำแบบสอบถาม
มีคำอธิบายหนึ่งที่ผมเห็นว่าน่าฟังเกี่ยวกับปัจจัยแห่งความสุข เขียนโดย Professor Ed Diener, University of Illinois ในหน้าข่าว BBC โดยศาสตราจารย์บอกว่า มี 2ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนมีความสุข คือ 1)มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น และ 2)ได้ทำสิ่งที่เรารู้สึกว่ามีคุณค่า คลิกอ่านรายละเอียด
เอาละครับ คุยมาถึงตรงนี้แล้วผมก็อยากชวนท่านลองเข้าไปทำแบบสอบถามเรื่องนี้ ดูซิว่าความสุขของท่านมีระดับสูง-ต่ำปานใด และถ้ามันน้อยเกินไป ทำยังไงมันจึงจะมากขึ้น แบบสอบถามพวกนี้มักจะเขียนด้วยภาษาอังกฤษที่ง่าย ๆ แต่ท่านต้องตอบอย่างตรงไปตรงมา
♥True Happiness Test (National Geographic) คลิก
♥How Happy Are You? (The Oxford Happiness Questionnaire) คลิก
♥Happiness Formula Test (BBC Questionnaire) คลิก
ก่อนจบผมขอแถมว่า มีคน quote ข้อความเกี่ยวกับความสุขไว้มากมาย ท่านเพียงเข้าไปใน Google Images และพิมพ์คำว่า happiness quotes ก็จะเห็น คลิก
ผมเจอ 2 ป้ายข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นคำพูดง่าย ๆ แต่ชี้ทางชัดถึงการได้มาซึ่งความสุข
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ฝึกภาษาอังกฤษกับคลิปเพลงฝรั่ง พร้อมเนื้อเพลง กว่า 7 แสนเพลง
สวัสดีครับ
ที่เว็บนี้ http://www.elyrics.net/
มีคลิปเพลงฝรั่ง พร้อมเนื้อเพลง กว่า 700,000 เพลง จากประมาณ 40,000 นักร้อง/วง ตั้งแต่ปี 2000 เมื่อท่านเข้าไปที่เว็บนี้แล้ว ก็ให้กวาดตาดูเมนูของเพลงที่เว็บจัดไว้ให้ตั้งแต่ด้านบนจนถึงล่างสุด
ถ้ายังไม่เจอเพลงที่ถูกใจหรือที่ต้องการ ก็สามารถหาโดยพิมพ์ (1) ชื่อเพลง (2) ชื่อนักร้อง หรือ (3) เนื้อเพลงท่อนสั้น ๆ ลงไปในช่อง Search ที่ด้านบนสุดของเว็บ สะดวกมากครับ....
แต่ละเพลงที่เว็บจัดให้ มีทั้งเนื้อเพลงให้อ่าน และคลิปเพลงให้ฟัง-ชม
การฟังเพลงโดยรู้ความหมายของเพลง จะช่วยให้ฟังได้ลึกและฟังได้ซึ้ง การฝึกเช่นนี้จึงให้ทั้งความสุข และทักษะภาษาอังกฤษ พร้อมกัน
ข้างล่างนี้เป็นเพลงเก่า ๆ ที่ผมชอบ เอามาให้ดูเป็นตัวอย่างครับ
http://www.elyrics.net/read/l/leo-sayer-lyrics/more-than-i-can-say-lyrics.html
http://www.elyrics.net/read/c/celine-dion-lyrics/titanic-theme-lyrics.html
http://www.elyrics.net/read/c/carpenters-lyrics/yesterday-once-more-lyrics.html
http://www.elyrics.net/read/r/ricky-nelson-lyrics/you-are-my-sunshine-lyrics.html
http://www.elyrics.net/read/j/joan-baez-lyrics/donna-donna-lyrics.html
http://www.elyrics.net/read/j/john-denver-lyrics/country-roads-lyrics.html
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.