Articles
..........65: มีปัญหาเรื่องการอ่าน จะแก้ยังไง?
ถาม:
อาจารย์ครับ รบกวนถามหน่อยครับ ผมมีปัญหาเรื่องการอ่านมากเลยครับ พอจะแนะนำ วิธีฝึกฝนพัฒนาทักษะส่วนนี้ยังไงบ้างครับ
ผมฝึกมาจะเข้าปีที่สองแล้วครับอาจารย์
วันละหนึ่งถึงสองชั่วโมงครับ
แต่ว่าไม่ได้ฝึกทุกวันนะครับ
ผมฝึกจากไม่เป็นภาษาอังกฤษเลยครับ
จนตอนนี้สามารถฟังและพูดได้ในระดับที่สามารถสื่อสารได้อะครับ
แต่ตอนนี้ปัญหาของผมคือ อ่านกับเขียนครับ
ผมจะอ่านหนังสือเป็นเล่มๆซะส่วนใหญ่อะครับ
หนังสือที่อ่านเป็นพวกการเงิน การลงทุน และจิตวิทยา พัฒนาตัวเอง ประมาณนี้อะครับ
ที่อ่านเพราะผมอยากเป็นนักลงทุนครับ แต่ผมจบวิศวะ มาครับ
การอ่านเลยเป็นปัญหาของผมตอนนี้เลยครับ
ปัญหาของผมเกี่ยวกับการอ่านนะครับ ข้อแรก คือเวลาผมอ่านแล้วไม่เข้าใจเหมือนกับอ่านหนังสือภาษาไทยครับ จะเข้าใจรวมๆ แค่ 40-50% ของที่อ่านทั้งหมดครับ มันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดตัวเองมากครับเวลาอ่านหนังสือ
ผมคิดว่าที่เป็นแบบนี้เพราะว่า ความรู้ความเข้าใจในคำศัพท์ผมไม่เยอะพออะครับ
เลยทำให้ ไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาของที่อ่านได้ครับ
ข้อสองก็ เรื่องการอ่านออกเสียงครับ บางครั้งผมอ่านแล้ว ไม่สามารถออกเสียงคำนั้นได้ถูกต้องครับ
สาเหตุน่าจะมาจากผมฟังมาไม่เยอะพอครับ
ตอบ:
คำตอบของผม อันดับแรกสุด ก็ต้องย้อนกลับถามคุณว่า อิทธิบาทสี่ คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา คุณปฏิบัติครบหรือเปล่า
ฉันทะ รักที่จะเรียน ข้อนี่คุณอาจจะผ่าน
วิริยะ คุณบอกว่า “คุณฝึกมาจะเข้าปีที่สองแล้ว วันละหนึ่งถึงสองชั่วโมง แต่ว่าไม่ได้ฝึกทุกวัน” นี่หมายความว่าอย่างไร ถ้าหมายความว่า ฝึกเท่าที่มีเวลาให้มันได้ เช่น สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือ สองสัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง นี่แปลว่า วิริยะของคุณสอบตก เพราะวิริยะแปลว่า ต้องฝึกทุกวัน ถ้าไม่มีเวลาก็ต้องเจียดเวลาให้ได้ ข้อนี้คุณต้องตอบตัวเองด้วยความซื่อสัตย์ว่า วิริยะของคุณมันน้อยเกินไปหรือเปล่า
จิตตะ คือมีสมาธิเต็มเปี่ยม ณ นาทีที่ฝึกด้วยวิริยะ ถ้าคุณใจร้อน หงุดหงิด เพราะฝึกไม่ได้ผลเร็วทันใจ ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย ฟุ้งซ่าน โลเล ไม่แน่ใจในการฝึก ถ้าคุณเป็นเช่นนี้ แสดงว่า คุณสอบตกเรื่องจิตตะ ต่อให้ฝึกนานก็เป็นการฝึกที่ไร้ประสิทธิภาพ เหมือนใช้ถังที่รั่วหรือร้าวเก็บน้ำ เก็บยังไงก็ไม่อยู่
ข้อสุดท้าย คือ วิมังสา คือ ใช้วิธีการฝึกที่ดี มีประสิทธิภาพ และปรับปรุงอยู่เสมอ เพื่อให้การฝึกมีผลดียิ่ง ๆ ขึ้นไป และสิ่งที่ผมจะแนะนำต่อไปนี้ ก็อาจจะช่วยคุณได้บ้าง ในการปรับปรุงวิมังสานี่แหละครับ
คุณบอกว่า อ่านแล้วไม่เข้าใจเหมือนกับอ่านหนังสือภาษาไทย จะเข้าใจรวมๆ แค่ 40-50% ของที่อ่านทั้งหมด และคิดว่าที่เป็นแบบนี้เพราะว่า ความรู้ความเข้าใจในคำศัพท์ ไม่เยอะพอ
ความเห็นของผมเกี่ยวกับประเด็นนี้ มีอย่างนี้ครับ
A – เนื้อหาที่คุณอ่านเป็นเรื่องหนัก พวกการเงิน การลงทุน และจิตวิทยา การพัฒนาตัวเอง และเมื่ออ่านเป็นภาษาอังกฤษก็ยิ่งหนักขึ้น
B – สำหรับบางเรื่องที่เป็นเรื่องเทคนิคมาก ๆ เช่น เรื่องการเงิน การคลัง การลงทุน ที่จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานก่อน คุณควรหาหนังสือภาษาไทยมาอ่านให้รู้ทฤษฎีไว้ก่อน นี่เป็นสิ่งจำเป็นครับ คุณเคยสังเกตไหมครับว่า แม้แต่เป็นตำราภาษาไทยแท้ ๆ เช่น ตำราเศรษฐศาสตร์ ตำราวิชาสถิติ ฯลฯ ถ้าเป็นเรื่องระดับ advanced การจะอ่านรู้เข้าใจ เราต้องมีความรู้ในระดับ basic มาก่อน แต่นี่คุณยิ่งมาอ่านตำราเป็นภาษาอังกฤษ การรู้เรื่อง basic ของมันจึงจำเป็นยิ่งขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้น ต้องหาพวกนี้มาอ่านก่อนครับ จะอ่านที่เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ก็แล้วแต่คุณ
C – เรื่องศัพท์ก็เป็นสิ่งจำเป็น แต่ข้อที่หลายคนอาจจะไม่รู้ก็คือ ดิกชันนารีอังกฤษ – ไทย ส่วนใหญ่ มีศัพท์น้อยเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งศัพท์หรือความหมายใหม่ ๆ ที่เพิ่งเกิด แทบหาไม่ได้เลยในดิกอังกฤษ – ไทย เพราะฉะนั้น ถ้าเข้าไปหาความหมายของศัพท์เทคนิคในดิกอังกฤษ-ไทย ก็หวังยากที่จะได้เจอ หรือแม้เจอก็เป็นคำแปลของความหมายธรรมดา ๆ เอาไปแปลยังไงก็ไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นจึงจำเป็นต้องใช้ดิกอังกฤษ – อังกฤษ ซึ่งผมขอแนะนำ 2 อันนี้
D – ถ้าคุณอ่านภาษาอังกฤษผ่านเน็ต ก็มี add-on ที่ช่วยให้คุณคลิกดูความหมายหรือคำแปลของคำศัพท์ได้ทันทีโดยไม้ต้องเสียเวลาเปิกดิก
E – เรื่องแกรมมาร์พื้นฐานเกี่ยวกับโครงสร้างประโยค และ part of speech ก็เป็นเรื่องพื้นฐานที่จำเป็นต้องรู้ในการอ่านภาษาอังกฤษให้เข้าใจ ลองดูที่ 2 บทความนี้ครับ
- วิธีอ่านภาษาอังกฤษให้รู้เรื่อง โดยไม่งงกับ “ที่, ซึ่ง, อัน” ในประโยค
- เทคนิคการอ่าน นสพ.ฝรั่งให้รู้เรื่อง
คำแนะนำเล็ก ๆ น้อยเหล่านี้ น่าจะมีประโยชน์บ้างนะครับ
พิพัฒน์
อยากเก่งอังกฤษ ต้องใช้ learner’s English dictionary 6 เล่มนี้เป็นคู่มือ
สวัสดีครับ
ใครก็ตามที่อยากเก่งอังกฤษ ควรมี learner’s English dictionary เป็นคู่มือ เพราะมันไม่ได้บอกเราแค่ความหมายเท่านั้น แต่ยังแสดงการออกเสียง, ประโยคตัวอย่าง, การใช้, phrasal verb, idiom, collocation และอะไรต่ออะไรอีกเยอะแยะที่มีประโยชน์และเชื่อถือได้
learner’s English dictionary ที่ดีที่สุดระดับโลก มี 6 เล่ม หรือ 6 เว็บ คือ
และก็มีอีก 2 เว็บที่เขานำดิกทั้ง 6 เล่มนี้มารวมไว้ในหน้าเดียวกัน ให้เราเลือก Search เล่มไหนก็ได้ตามใจชอบ คือ
เว็บที่ 1:
http://random-idea-english.blogspot.com/
วิธีใช้: พิมพ์คำศัพท์ในช่อง Go, และเลือก Dictionary เล่มที่ต้องการใช้ ในช่อง English dictionaries
Note: ดิก COBUILD ไม่มีที่เว็บนี้
เว็บที่ 2:
http://www.lexilogos.com/english/dictionary.htm
วิธีใช้: พิมพ์คำศัพท์ในช่อง Type a word & select a dictionary, และเลือก Dictionary เล่มที่ต้องการใช้ ใต้บรรทัด English dictionary (British) หรือ English dictionary (American)
Note: ดิก COBUILD ก็คือ Reverso learners
เพิ่ม 18 พค.59: ต่างเว็บ และการใช้เหมือนกัน คลิกที่นี่
สำหรับท่านที่ต้องการปรับปรุงทักษะภาษาอังกฤษ แต่ยังไม่คุ้นเคยกับการใช้ learner’s English dictionary ผมขอชักชวนอย่างดัง ๆ ว่า รีบเข้าไปใช้ให้คุ้นเคยเถอะครับ เพราะว่ามันมีประโยชน์จริง ๆ นี่ผมพูดจากประสบการณ์ที่ใช้ดิกพวกนี้มาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยม และทุกวันนี้ก็ยังใช้อยู่
สำหรับท่านที่ต้องการซื้อดิกเป็นเล่มมาใช้ ซึ่งมักจะมีโปรแกรมดิกเป็น CD/DVD แนบมาให้ด้วยเพื่อนำไปติดตั้งในคอมฯ ก็ลองดูที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ครับ
มีเรื่องน่ารู้หลายเรื่อง และบางเรื่องช่วยฝึกภาษาอังกฤษ
มีเรื่องน่ารู้หลายเรื่อง และบางเรื่องช่วยฝึกภาษาอังกฤษ
เขาเชิญให้ผมไปพูดให้อาจารย์สอนภาษาอังกฤษฟัง – ผมขอคำแนะนำจากท่านด้วยครับ
สวัสดีครับ
ผมได้รับเชิญจาก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 2 อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ให้ไปพูดให้อาจารย์สอนภาษาอังกฤษชั้น ม.1-ม.3 ประมาณ 40 คนฟัง ในวันที่ 30 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2559 ฟัง โดยเป็นการพูดในลักษณะ workshop คือ พูดไป ฟังไป ฝึกปฏิบัติไปพร้อมกัน โดยอาจารย์แต่ละคนจะมี notebook ของตัวเองสำหรับฝึกขณะที่ฟังผมพูด
สาเหตุของการเชิญให้ไปพูดครั้งนี้ ผมเข้าใจว่า ส่วนหนึ่งคงเป็นนโยบายของผู้บริหารที่ต้องการยกระดับผลการสอบ O-Net วิชาภาษาอังกฤษของเด็กให้ดีขึ้น
ส่วนสาเหตุที่ผมนำหัวข้อที่ผมจะพูดมาเล่าในวันนี้ เพราะผมอยากฟังข้อแนะนำจากท่านอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่ท่านอื่น ๆ ที่ไม่ได้สอนภาษาอังกฤษก็ตาม เพื่อที่ผมจะได้เตรียมตัวได้ดีขึ้นสำหรับการพูดครั้งนี้
หัวข้อและรายละเอียดโดยสังเขปในการพูดครั้งนี้มีดังนี้ครับ (แต่ตอนพูดอาจจะไม่ได้เรียงเรียงลำดับตามนี้)
❶ Google Advanced Search
เรื่องนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่มันอาจจะไม่ง่ายอย่างที่หลายคนคิด ผมได้ยินหลายคนพูดบ่อย ๆ ว่า ไม่รู้อะไรถามอาจารย์กู(เกิ้ล)ได้ทุกเรื่อง มันอาจจะไม่ใช่อย่างงั้นก็ได้ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการฝึกภาษาอังกฤษ ซึ่งคำตอบในเว็บภาษาไทยอาจไม่มีให้ต่อคำถามที่หลายคนต้องการรู้ ครั้นจะ Search หาคำตอบจากเว็บภาษาอังกฤษ หลายคนก็บอกว่าอ่านภาษาอังกฤษได้ไม่ดีพอ ก็เลยไม่ลุยเข้าไปหา เลยกลายเป็นว่า คนไทยจำนวนมากมายมหาศาลที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ แต่ไม่ได้รับประโยชน์จากเว็บไซต์ภาษาอังกฤษซึ่งสามารถตอบทุกคำถาม เพราะพึ่งแต่เว็บไทยซึ่งมีคำตอบแก้ข้อสงสัย หรือมีเนื้อหาให้ฝึกแค่จิ๊ดเดียว
ปัญหาของผมในการพูดหัวข้อนี้มี 2 ข้อ
ข้อที่ 1 ถ่ายทอดทักษะให้ผู้ฟังเข้าใจเทคนิคในการ Search ระดับ advanced – ข้อนี้ผมไม่หนักใจในการพูด เพราะมันเป็นเทคนิคที่ผมใช้เป็นประจำทุกวันในฐานะ webmaster ของ e4thai.com ขอบอกว่า Google Advanced Search นี่นะครับ มันมีเทคนิค ลูกเล่น มากมายที่ผมเข้าใจว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้ แต่ครั้งนี้ผมจะพูดเน้นหนักในการหาข้อมูลสำหรับการเรียน-การสอนภาษาอังกฤษ แต่จริง ๆ แล้ว มันก็เป็นความรู้ที่นำไปใช้หาอะไรต่ออะไรได้ทุกเรื่องนั่นแหละครับ
ข้อที่ 2 ทำยังไงถึงจะสามารถทำให้ครูสามารถกลับไปแนะนำเด็กให้รักที่จะ Search หาความรู้ในการฝึกภาษาอังกฤษจากเว็บไซต์ภาษาอังกฤษ โดยไม่กลัวหรือเกลียดความยากเมื่อเข้าไปแล้วอ่านหรือฟังไม่รู้เรื่อง ผมไม่แน่ใจเลยครับว่าผมจะพูดหัวข้อนี้ได้ดีขนาดไหน นี่คือความหนักใจก่อนพูด
❷ การใช้ Google Advanced Search เพื่อการเรียน, การสอน, และการทำข้อสอบ
นี่คือการเอาข้อสอบ O-Net มาดูไปทีละข้อ แล้วก็ฝึกว่า ถ้าเด็กไปเจอปัญหาตามโจทย์ อาจารย์จะสอนเขาให้ Search เพื่อให้เจอคำตอบได้ยังไง ข้อ ❷ นี้ คือการนำเทคนิคที่สอนในข้อ ❶มาใช้ ซึ่งน่าจะสนุก แต่ผมก็ยังกังวลใจในเรื่องเดิมอีก คือถ้าคำตอบนั้นมันไม่มีในเว็บไทย ต้องไปหาในเว็บฝรั่ง เด็กไทยจะลุยเข้าไปหาหรือไม่
❸ แนะนำ และสาธิตวิธีใช้ website, link, eBook ที่เป็นประโยชน์ ผมรวบรวมไว้แล้วที่ 2 ลิงก์นี้
ใน 2 ลิงก์ข้างบนนี้ ผมพยายามรวบรวม website, link, eBook ที่อาจารย์ไทยแต่ง ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ ต่อทั้งอาจารย์และเด็ก
❹ทักษะ IT สำหรับครูผู้สอนภาษาอังกฤษ
เรื่องนี้เป็นเรื่องจำเป็นหรือไม่จำเป็นต้องพูด ก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านรู้แล้วหรือยังไม่รู้ แต่ผมก็อยากจะเก็บมาพูด ท่านเชื่อผมไหมล่ะครับว่า เรื่องที่มีประโยชน์สุด ๆ อย่างเช่นเรื่อง Control+F หรือเทคนิคการหาคำว่ามันอยู่ที่บรรทัดไหนในหน้าเว็บ ก็ยังมีคนอีกเยอะที่ไม่รู้ เขาเลยพลาดของดีที่ควรได้ไปอย่างน่าเสียดาย เทคนิคพวกนี้เท่าที่นึกออกขณะนี้ก็อยู่ข้างล่างนี้
- browser setting
- การเปิด tab ใหม่
- การขยาย / ลด ขนาด Font
- การหาคำ Control+F
- การ encode
- save, download, print(pdf)
- Install program
- 3 วิธีง่าย ๆ ในการดาวน์โหลดคลิปวีดิโอ YouTube
- การใช้ไฟล์ pdf
- การ Search YouTube
- Add-on ที่มีประโยชน์ที่ใช้กับ browser
ตามปกติที่ผมเคยไปพูดที่จังหวัดอื่น นิสัยเสียที่ผมแก้ไม่หายก็คือ พอพูดเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็มักลงรายละเอียดจนเกินเลยเพราะอยากให้คนฟังรู้เยอะ ๆ ทำให้พูดเกินเวลาและเลิกเย็น งวดนี้ผมบอกตัวเองจะต้องแก้นิสัยเสียข้อนี้ให้ได้
เท่าที่เล่ามานี้ ถ้าท่านใดหรืออาจารย์ท่านใด มีข้อแนะนำสำหรับการเตรียมตัวไปพูดครั้งนี้ของผม ทิ้ง Comment ไว้ได้เลยครับ ขอบคุณมากครับ
ฝึกภาษาอังกฤษกับไบเบิ้ล... คัมภีร์ที่มีค่าต่อศาสนิกทั้งโลก
สวัสดีครับ
ผมได้อ่านไบเบิ้ลภาคพันธสัญญาใหม่ (New Testament) ตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา และเพราะว่าในใจของผมมี “พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ” ผมจึงไม่ได้รับ God เป็นสรณะแบบที่ชาวคริสต์รับ แต่กระนั้นก็มีธรรมะมากมายในไบเบิ้ลที่ผมสามารถรับเป็นกัลยาณธรรมได้อย่างสนิทใจ
วันนี้ผมเจอลิงก์นี้ https://www.biblegateway.com/
ซึ่งช่วยให้ท่านเข้าไปค้นคว้าหาไบเบิ้ลอ่านได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และอ่านได้ทุกเวอร์ชั่น สะดวกมาก ๆ ครับ
และที่วิเศษมาก ๆ ก็คือ มีเสียงให้ฟังด้วย
พูดง่าย ๆ ก็คือ ท่านสามารถฝึกภาษาอังกฤษกับไบเบิ้ลได้อย่างวิเศษ ทั้ง reading skill และ listening skill
ลองฟัง 1 Corinthians บทที่ 13 ที่เป็นอมตธรรมที่พูดถึงความรักดูเป็นตัวอย่างก็ได้ครับ
♥ฟังตอนอื่น ๆ คลิกที่นี่
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th