Articles
มีหลายคลิปให้เลือกคลิก บางคลิปน่าจะถูกใจท่าน
มีหลายคลิปให้เลือกคลิก บางคลิปน่าจะถูกใจท่าน
http://tinyurl.com/oefd4jg
คำอธิบายสั้น ๆ adjective ที่ลงท้ายด้วย –ed และ –ing
••••••คำอธิบายสั้น ๆ adjective ที่ลงท้ายด้วย –ed และ –ing••••••
adjective ที่ลงท้ายด้วย –ed และ –ing นี่ก็ไม่มีอะไรมากหรอก
ขออธิบายสั้น ๆ อย่างนี้ครับ
[1] ••• adjective ที่ลงท้ายด้วย –ed ใช้อธิบายความรู้สึกของคน แปลว่า รู้สึกอย่างนั้น อย่างนี้ เช่น bored = รู้สึกเบื่อ ... I am bored. ฉันรู้สึกเบื่อ
[2] ••• adjective ที่ลงท้ายด้วย –ing ใช้อธิบายลักษณะคน, สิ่งของ, เรื่องราว เหตุการณ์ แปลว่า ทำให้รู้สึก หรือแปลเป็นภาษาไทยง่าย ๆ ว่า "น่า" นั่นแหละครับ เช่น boring = น่าเบื่อ
คน - My girlfriend is boring. เพื่อนหญิงของฉัน (เป็นคน) น่าเบื่อ
สิ่งของ- This grammar lesson is boring. บทเรียนแกรมมาร์นี้น่าเบื่อ
เรื่องราว/เหตุการณ์- His lecture was very boring. คำบรรยายของเขาน่าเบื่อมาก
ที่งง ๆ กัน ก็มีอยู่แค่นี้แหละครับ
•••••• สรุปอีกทีก็คือว่า ••••••
→ ไอ้ที่ลงท้ายด้วย –ed นั้น เป็น adjective ใช้ขยายความรู้สึกของคน แปลว่า "รู้สึก" อย่างนั้น อย่างนี้
→ ส่วนไอ้ที่ลงท้ายด้วย –ing นั้น เป็น adjective ใช้ขยายทั้งคนและไม่ใช่คน แปลว่า "น่า"
4 เรื่องยาว, 56 เรื่องสั้น เชอร์ล็อค โฮล์มส์ -ครบชุดในเล่มเดียว
Complete Sherlock Holmes
ชวนฝึกภาษาอังกฤษ โดยอ่านนิยายของ Sidney Sheldon
สวัสดีครับ
บทความนี้เป็นบทความเก่า เขียนไว้หลายปีแล้ว นำมาปรับและ post ใหม่
ผมมีเรื่องจะสารภาพท่านผู้อ่านเรื่องหนึ่ง คือ เริ่มตั้งแต่เด็กจนเรียนจบ ผมไม่เคยอ่านนิยายฝรั่งจบแม้แต่เรื่องเดียว ที่เคยอ่านก็เป็นพวกหนังสืออ่านนอกเวลา ที่เขาเขียนย่อให้มันง่าย (abridged หรือ simplified) ให้เด็กมัธยมอ่าน ผมก็ได้อ่านพวกนั้นแหละครับ แต่ที่เป็นต้นฉบับเต็ม ๆ ที่ฝรั่งเขียน ถ้าความจำผมไม่เลอะเลือน รู้สึกว่าผมไม่เคยหยิบเอาหนังสือนิยายภาษาอังกฤษเล่มไหนมาอ่านจบจบแม้แต่เล่มเดียว
ทำไมผมไม่ใส่ใจจะหานิยายฝรั่งมาอ่าน ตอบได้ง่าย ๆ ก็คือ มันอ่านไม่รู้เรื่องครับ ยากทั้งศัพท์สำนวน หนาเป็นร้อย ๆ หน้าใครจะไปอ่านจบ
แต่ระยหลัง ๆ ผมมาคิดดูอีกที ผมน่าจะลองอ่านนิยายดูบ้าง เพราะภาษาอังกฤษที่ผมมักจะอ่านอยู่ประจำคือหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ภาษาหนังสือพิมพ์มักจะเป็นภาษาช่าว ซึ่งเป็นภาษาการรายงานหรือสรุปเรื่อง มีน้อยมากที่จะเป็นภาษาพูด หรือบทสนทนา หรือภาษาพูดคุยพื้น ๆ ง่าย ๆ คุยกันเล่น ๆ ก็เลยกลายเป็นว่า การที่ผมติดภาษาหนังสือพิมพ์ ผมอาจจะไม่มีปัญหาเมื่อต้องบรรยายเรื่องราวอย่างเป็นทางการให้แขกที่มาเยี่ยมสำนักงานฟัง แต่ภาษาง่าย ๆ พื้น ๆ สนุก ๆ ผมอาจจะพูดไม่ค่อยเป็น เพราะภาษาพวกนี้ส่วนใหญ่มาจากเรื่องอ่านเล่น
ผมจึงเริ่มด้วยการอ่านหนังสือ story เด็ก ๆ ชั้นมัธยม ซึ่งในเว็บ e4thai.com ผมได้รวบรวมไว้ที่ลิงก์นี้
ดาวน์โหลดหนังสืออ่านนอกเวลากว่า 150 เล่ม
ต้องขอบอกว่าถ้าได้เรื่องที่ถูกรสนิยมของเรา จะอ่านได้เพลินมากเลยครับ การได้อ่านเรื่องสนุก ๆ และง่าย ๆ มีประโยชน์มหึมาประการหนึ่ง คือ เมื่อมันง่ายและเราอ่านรู้เรื่องได้ทันที เราก็มีสมองเหลือพอที่จะจดจำสำนวนภาษาหรือรูปแบบประโยคเอาไปใช้พูดได้เอง แต่ถ้าเรื่องที่อ่านมันยากเกินไป สมองของเราก็ต้องถูกแบ่งออกไปเพื่อพยายามอ่านและตีความให้รู้เรื่อง การจดจำถ้อยคำสำนวนเพื่อเอาไปพูดก็เลยทำได้น้อย
แต่ต่อมาผมก็เบื่ออีก เพราะเรื่องที่ plot ง่ายเกินไป ศัพท์สำนวนพื้น ๆ เกินไป มันไม่ท้าทาย ผมก็ลองเขยิบหานิยายที่เป็นต้นฉบับภาษาอังกฤษมาลองอ่าน ปัญหาที่พบเมื่อไปหานิยายเก่า ๆ ที่จตุจักรอ่านก็คือ (นิยายใหม่ ๆตามร้านหนังสือ ราคามักจะแพง ผมไม่ไปจับหรอกครับ) ผมไม่รู้จะเลือกอ่านเล่มไหนดี มันเยอะแยะไปหมด พลิกไปพลิกมาอยู่นาน สุดท้ายผมก็ได้วิธีเลือกแบบง่าย ๆ คือ ลองเลือกซื้อเล่มที่พิมพ์หน้าปกว่า best seller อาจจะเป็น best seller ระดับ World, international หรือหนังสือขายดีของ New York หรือของ America ก็ได้ ลองเลือกซื้อมาอ่านดู ถ้าจะเปรียบก็เหมือนเดินผ่านร้านอาหารข้างทางที่มีคนเข้าคิวรอซื้อกันเยอะ ๆ ก็เดาเหมาเอาไว้ก่อนว่า น่าจะทำอร่อย หนังสือก็เช่นกัน ถ้าเป็นหนังสือขายดีคนอ่านเยอะ ก็น่าจะอ่านสนุก
แต่ผมก็ยังไม่โชคดีครับ เพราะหลายเล่มที่ผมตัดใจควักเงินซื้อมาอ่าน ทั้ง ๆ ที่ยืนอ่านหลายหน้าแล้วที่ร้านก่อนซื้อ พอเอามาอ่านจริง ๆ กลับไม่ชอบและอ่านไม่จบ ที่ไม่ชอบก็มาจากเหตุหลายอย่าง เช่น ไม่ชอบเนื้อหา ไม่ชอบศัพท์สำนวน ทั้ง ๆ ที่หลายเล่มเหล่านี้มีแปลเป็นภาษาไทยขายดิบขายดี
และแล้ววันหนึ่งผมก็โชคดี ที่มาเจอหนังสือของ Sidney Sheldon !
นักประพันธ์ชาวอเมริกันผู้นี้มีชื่อเสียงก้องโลก ในชีวิตการแต่งนิยาย 20 กว่าปีของเขา เขาเขียนนิยายทั้งหมด 18 เรื่อง และเป็น Best Seller และได้รับการแปลเป็นภาษาอื่น ๆ ทุกเรื่องหรือเกือบทุกเรื่อง ทุกเรื่องเมื่อเขียนจบเขาจะใช้เวลาตรวจทานปรับแก้ประมาณ 12 – 13 เที่ยว หลายเรื่องกว่าจะออกมาเป็นนิยายได้ต้องค้นคว้าหาข้อมูลแทบจะเป็นการทำวิจัยเอาทีเดียว ภาษาที่ใช้ไม่ติดสำนวนอเมริกันจ๋า ผมดูแล้วเป็นภาษาที่ international reader อ่านได้สบาย ๆ และสนุก ซะด้วย สำหรับท่านที่ไม่คุ้นเคย เมื่ออ่านครั้งแรกอาจจะติดขัดสักนิด แต่เมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ ก็จะสนุกมากขึ้นเรื่อย ๆ Sidney Sheldon นี่เขาเป็นเจ้าพ่อของการเขียนนิยายสไตล์ suspense คือทำให้เราติดตาม วางไม่ลง และหักมุมชนิดที่เราเดาจุดจบไม่ค่อยถูก
นิยายทุกเล่มของ Sidney Sheldon ผมจะไปซื้ออ่านตามร้านหนังสือมือสอง ไม่ว่าในเมืองไทยหรือในต่างประเทศที่ผมมีโอกาสไปเที่ยว ทำไปทำมาก็เลยได้อ่านทุกเล่มที่แกเขียน อย่างหนึ่งที่ผมขอบอกก็คือ บางครั้งเมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ มันสนุกมากจนผมไม่กล้ารีบอ่าน กลัวจบเร็วและจะหมดเรื่องสนุกให้อ่าน เลยต้องอ่านช้า ๆ แต่ละเรื่องมีเนื้อหาหลากหลายและเป็นสากลมาก ๆ เลยครับ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อ่านนิยายของแกแล้ว เพราะแกตายตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2550
ท่านผู้อ่านที่ต้องการอ่านนิยายของ Sidney Sheldon ไม่ต้องไม่ตระเวนหาหนังสือของแกหรอกครับ ผมเองพยายามหาอยู่นานทีเดียวว่า มีหนังสือของแกให้อ่านฟรี ๆ online ไหม และก็เพิ่งพบวันนี้แหละครับ
รายชื่อหนังสือและประวัติของแก อ่านได้ที่นี่ครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Sidney_Sheldon
ส่วนหนังสือของแก ถ้าจะอ่านฟรี ก็คลิกดาวน์โหลด ทั้ง 18 เล่ม ได้ที่นี่ครับ
คลิกดาวน์โหลดทั้ง 18 เล่ม ประมาณ 8 MB
และถ้าท่านจะอ่านหน้าคอมฯ เดี๋ยวนี้เลย ก็คลิกได้เลยครับ ข้างล่างนี้ เรียงลำดับจากเล่มแรกที่ Sheldon เขียนจนถึงเล่มสุดท้ายก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
- The Naked Face - ไฟล์ pdf
- The Other Side of Midnight - ไฟล์ pdf
- A Stranger in the Mirror - ไฟล์ pdf
- Bloodline - ไฟล์ pdf
- Rage of Angels - ไฟล์ pdf
- Master of the Game - ไฟล์ pdf
- If Tomorrow Comes - ไฟล์ pdf
- Windmills of the Gods - ไฟล์ pdf
- The Sands of Time - ไฟล์ pdf
- Memories of Midnight - ไฟล์ pdf
- The Doomsday Conspiracy - ไฟล์ pdf
- The Stars Shine Down - ไฟล์ pdf
- Nothing Lasts Forever - ไฟล์ pdf
- Morning, Noon, and Night - ไฟล์ pdf
- The Best Laid Plans - ไฟล์ pdf
- Tell Me Your Dreams - ไฟล์ pdf
- The Sky Is Falling - ไฟล์ pdf
- Are You Afraid of the Dark? - ไฟล์ pdf
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th
เทียบกันชัดๆ ให้เข้าใจ พยัญชนะไทยในภาษาอังกฤษใช้อย่างไร
http://teen.mthai.com/education/103306.html
พยัญชนะภาษาอังกฤษ – ไทย
A = แอ, เอ ,อะ ,อา
B = บ
C = ค, ซ
D = ด, ต, ฎ
E = เอ, อี
F = ฟ, ฝ
G = ก, จ
H = ฮ, ห
I = อิ, ไอ
J = จ
K = ค, ก
L = ล, ฬ
M = ม
N = น, ณ
O = โ, อ
P = พ, ภ, ผ, ป
Q(u) = คว
R = ร, ฤ
S = ซ, ส, ศ, ษ
T = ท, ต, ถ, ธ, ฒ, ฐ
U = อั, อุ, อู
V = ว
W = ว
X = กซ, ซ
Y = ย, ญ, ไอ, อี
Z = ซ
สระภาษาอังกฤษ – ไทย
a = แอ
e = เอ
i = อิ
o = ออ
u = อั, อุ, อู
y = อาย, อี้
ay = เอ
ar = อา
oo = อุ, อู
ea, ee = อี
ear = เอีย
or = ออ
ow, ou = อาว, เอา
er, ir, ur = เออ
a-e = เอ
i-e = ไอ
o-e = โอ
air = แอ
ขอบคุณที่มาจาก wegointer