Articles
Random ทดสอบศัพท์ทีละคำกับ 8 เว็บ
[1]Test & Train คำศัพท์ของตัวเอง กับ Spelling Bee
[2] คลิกบรรทัดที่มีความหมายตรงกับคำที่ให้มา (เฉลย สีเขียว = ถูก, สีชมพู = ผิด)
http://my.vocabularysize.com/practice
[3] คลิกคำที่ความหมายเหมือนตัวดำ, ถ้าทำถูก test จะยากขึ้นเรื่อย ๆ, สามารถคลิกไอคอนรูปลำโพงเพื่อฟังเสียงอ่านคำศัพท์
http://freerice.com/#/english-vocabulary/1523
[4] คลิกคำศัพท์ให้ตรงกับภาพ
http://quiz.wordinfo.info/image
[5] คลิกคำศัพท์ให้ตรงกับกลุ่มคำที่ให้มา
http://quiz.wordinfo.info/random
[6] พิมพ์คำขึ้นต้นด้วยตัวอักษรที่ให้มา, ให้มีความหมายตามถ้อยคำตัวดำ, ให้เวลาคำละ 60 วินาที
[7] คลิกคำศัพท์ที่มีความหมายสอดคล้องกับตัวดำ, ให้เวลา 10 วินาที
http://www.merriam-webster.com/quiz/index.htm
[8] คลิก Random word เหนือคำศัพท์ตัวดำ, และเว็บจะสุ่มคำศัพท์จาก database ของเขามาให้ศึกษาทีละคำ, สิ่งที่น่าสนใจของเว็บนี้ก็คือ มีการอธิบายคำศัพท์ในลักษณะที่เป็นกันเอง, ไม่ขึงขังเหมือนที่เราพบในดิกทั่วไป
วิธีฝึกอังกฤษแบบผิด ๆ ที่ติดเป็นนิสัยคนไทย
สวัสดีครับ
มีคนไทยหลายคนที่เรียนจบปริญญาตรีด้วยทักษะภาษาอังกฤษที่ร่อแร่ เมื่อได้งานทำก็ดูเหมือนว่า หน่วยงานต้องการให้พนักงานฟิตตัวเองให้เก่งอังกฤษ แต่เมื่อ (1) พื้นเดิมก็แย่ และ (2) เวลาฟิตเพิ่มก็มีน้อย เพราะในที่ทำงานก็มีงานประจำต้องทำ กลับถึงบ้านก็มีงานบ้านและภาระครอบครัว เมื่อเป็นอย่างนี้โอกาสเก่งอังกฤษยังมีอยู่อีกหรือ?
คำถามนี้ ถ้าไม่มีศรัทธาและความมุ่งมั่นอดทน หรือเริ่มต้นด้วยใจที่ยอมแพ้ คำตอบแม้ดีเพียงใดก็ไร้ความหมาย แต่ถ้าเชื่อในตัวเองและมุ่งเดินไปตามความเชื่อ ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล
เกี่ยวกับการฟิตภาษาอังกฤษของคนไทยมีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากพูด ก็คือเรื่องการหวังผลสำเร็จด้วยการฝึกอย่างผิด ๆ
ก็คือว่า เวลาที่สามารถเจียดมาฝึกภาษาอังกฤษในแต่ละวันก็มีน้อยอยู่แล้ว แต่คนไทยจำนวนไม่น้อยก็ยังใช้เวลาที่มีเพียงน้อยนิดนั้น ไปกับการฝึกที่ให้ผลน้อย แล้วก็บ่นว่าฝึกเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่ดีขึ้น นี่แหละครับที่ผมอยากบอกว่า เมื่อมีเวลาน้อยก็ควรใช้วิธีฝึกที่ให้ผลมาก ไม่ใช่ทำตรงกันข้าม
วิธีฝึกภาษาอังกฤษอย่างผิดๆที่คนไทยชอบฝึกนั้นมีเยอะอยู่ ในที่นี้ผมขอพูดถึงวิธีที่ popular ที่สุดสัก 1 วิธีก็แล้วกันครับ คือ ทุกครั้งที่จะฝึกภาษาอังกฤษ คนไทยจำนวนไม่น้อยต้องจ้องหาคำแปลที่มีผู้รู้ปรุงมาให้ ไม่ว่าจะเป็นคำแปลศัพท์, คำแปลประโยค, หรือคำแปลข้อความทั้งท่อน หรือเรื่องทั้งเรื่อง ถ้าไม่มีคำแปลก็ไปไม่ถูก เพราะฉะนั้นจึงไม่ยอมเข้าไปเรียนกับเว็บฝรั่ง หรือแม้แต่เว็บไทยที่ไม่มีคำแปลไว้ให้ก็ไม่ค่อยมีคนนิยม
เมื่อเสพติดคำแปลที่ต้องรอให้คนป้อน วิธีฟิตอังกฤษที่นิยมทำก็คือ ท่องศัพท์อังกฤษ-ไทย หรืออ่านบทความที่อธิบายเรื่องนั้นเรื่องนี้ อาจจะเป็นคำอธิบายการใช้คำศัพท์ สำนวน วลี แกรมมาร์ ฯลฯ ผมขอบอกว่า การฝึกอย่างนี้ไม่ผิดและมีประโยชน์ แต่ถ้าศึกษาเน้นหนักแต่อย่างนี้ไปทั้งปีทั้งชาติ ต่อให้ท่องศัพท์ได้มากมายเยอะแยะ และมีความรู้เพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับแง่นั้นมุมนี้เพราะอ่านทุกวัน แต่มันก็เป็นเพียงความรู้ที่ฟังเขาพูด ถ้าเปรียบก็เหมือนคนดูมวยเอาแต่ฟังคนอื่นพากย์ ไม่เคยขึ้นไปชกบนเวทีด้วยตัวเอง
ท่านอาจจะถามว่า จะให้ชกยังไงล่ะ? ชกไม่เป็น หรือเหมือนกับถามว่า เมื่อไม่มีคำแปลไว้ให้ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่ออ่านแล้วแปลถูก
ผมได้ยินคำถามนี้แล้วก็รู้สึกเหนื่อย และอยากจะถามว่า ท่านแปลไม่เป็น แปลไม่ถูก หรือท่านขี้เกียจใช้สมองกันแน่ ท่านไม่กล้าขึ้นเวทีเพื่อชก เพราะว่าท่านชกไม่เป็น หรือเพราะท่านกลัวเจ็บตัวเมื่อถูกชกกันแน่
ขอให้ผมพูดตรง ๆ สักหน่อยเถอะครับ ผมรู้สึกว่า คนไทยเราจำนวนไม่น้อยเลย ที่เรียนภาษาอังกฤษอย่างคนขี้แยและใจเสาะ เหมือนนักมวย พอถูกชกด้วยความงงเมื่ออ่านไม่รู้เรื่องเพราะไม่มีคำแปลเป็นพี่เลี้ยง, ถูกน็อกด้วยความอายเพราะพูดหรือเขียนไม่ออก, ถูกเตะจนเซเพราะฟังไม่รู้เรื่อง ก็บอกลาเวทีไม่ยอมชก ถอนตัวออกไปเป็นคนดูอยู่ข้างเวทีดีกว่า นี่แหละครับ คือการเรียนภาษาอังกฤษอย่างไทย ๆ ที่ไปไม่ถึงไหนสักที
ขออนุญาตให้ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างนี้แล้วกันครับ สมมุติว่าตอนนี้ท่านเรียนจบปริญญาตรีมาแล้ว พูดง่าย ๆ ก็คือ ท่านเรียนภาษาอังกฤษมาแล้วอย่างน้อย 16 ปี คือ ประถม 6 ปี, มัธยม 6 ปี และมหาวิทยาลัย 4 ปี แต่เมื่อหยิบหนังสือภาษาอังกฤษขึ้นมาอ่าน เช่น หนังสือที่เทียบความยากระดับ ม.3 ท่านก็ยังอ่านไม่ค่อยออก ท่านก็ต้องยอมรับความจริง และไม่ต้องอายตัวเอง ไม่ต้องอายใคร
วิธีเริ่มฟิตอีกครั้งที่เหมาะที่สุด ก็คือ กลับไปหยิบหนังสือที่มันเหมาะสมกับระดับทักษะจริง ๆ ของท่าน ไม่ใช่ตามประกาศฯ ที่โรงเรียนให้มา เช่น ท่านเรียนจบ ปี 4 แต่อ่านภาษาอังกฤษได้ระดับ ป.4 ก็ไปเริ่มหยิบหนังสือภาษาอังกฤษที่ยากราว ๆ ป.4 มาอ่านอีกครั้ง
นี่คือการฝึกอ่านที่ช่วยตัวเอง และทักษะการอ่านของท่านก็จะค่อย ๆ เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ ทีละหน่อย ๆ ถ้าท่านฝึกอ่านทุกวันไม่หยุด และทักษะที่ได้รับนี่แหละครับคือทักษะจริง เป็นทักษะที่ท่านสามารถฝึกให้ตัวเองไม่ต้องพึ่งการแปลของคนอื่น และไม่ใช่ทักษะตามเกรด A,B, C, D ที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยให้ ซึ่งอาจจะเป็นทักษะปลอม ๆ ก็ได้
และเรื่องของเรื่องก็คือว่า สิ่งที่ท่านได้รับจากการฝึกเช่นนี้ ไม่ใช่แค่อ่านรู้เรื่องเท่านั้น แต่ท่านจะได้ซึมซับลีลาของภาษา ซึ่งท่านสามารถหยิบขึ้นมาใช้ในการพูดหรือเขียนภาษาอังกฤษได้โดยไม่รู้ตัว
แต่ถ้าท่านเอาแต่อ่านคำอธิบายมากมายเป็นภาษาไทย หรืออ่านภาษาอังกฤษที่มีคำแปลเทียบป้อนมาให้เสร็จสรรพ ท่านอาจจะรู้เรื่อง แต่มันก็เป็นการรู้เรื่องตามประสาคนดูมวย ถึงรู้ก็ไม่ซึมลึก เพราะท่านไม่ได้ชกด้วยตัวเอง
ผมได้รวบรวม เว็บฝึกอ่าน – ฝึกฟัง ภาษาอังกฤษ มีทุกระดับ ยาก – ง่าย ให้เลือกฝึก ท่านลองเข้าไปดูแล้วกันครับ และเลือกระดับความยากที่เหมาะกับท่าน
อ่านมาตั้งแต่ต้นท่านอาจจะเกิดความรู้สึกว่า ผมไม่ได้ตำหนิผู้รับผิดชอบการจัดการศึกษา สถาบันการศึกษา หรือครูแม้แต่น้อย ท่านเหล่านี้ไม่ผิดเลยหรือ และไม่ได้มีส่วนส่งเสริมให้คนไทยติดแชมป์ทักษะอังกฤษบ๊วยระดับนานาชาติบ้างเลยหรือ? ใช่ครับ ผมไม่ได้พูดถึงท่านเหล่านี้ เพราะผมเห็นว่า อันดับแรกที่สำคัญที่สุด เรามามองที่ตัวเองก่อนดีกว่า มีประโยชน์กว่า
ในภาษาอังกฤษ ตัว s(tudy) มาก่อน ตัว t(each), ในภาษาไทย ตัว ร.(เรียน) มาก่อน ส.(สอน) และในชีวิตจริงก็ไม่ต่างจากนี้
บทความวันนี้ ถ้ามีบางถ้อยคำที่กระด้างหยาบคาย ต้องขออภัยด้วยนะครับ
พิพัฒน์
eBook: ศัพท์หมวด → คำศัพท์+ความหมาย+ภาพ
สวัสดีครับ
ที่ลิงก์นี้ →http://www.vocabulary.cl/Lists.htm
นำศัพท์มารวบรวมเป็นหมวด ๆ แต่ที่โดดเด่นน่าสนใจเป็นพิเศษก็คือ หลายหมวดมีภาพประกอบช่วยให้เข้าใจและจำง่าย และยังมีประโยคตัวอย่าง หรือบทความ นำศัพท์ทั้งหมดมาเขียนเล่าร้อยเรียงกัน ทั้งหมดนี้ช่วยให้เราเข้าใจหรือเห็นภาพศัพท์ทั้งหมวดในคราวเดียว ด้วยลักษณะที่น่าสนใจเช่นนี้ ผมจึงนำศัพท์ทุกหมวดจากลิงก์นี้มาทำเป็น eBook ด้วยหวังว่า ท่านจะใช้มันฝึกการอ่านหรือเพิ่มคำศัพท์ได้อย่างไม่น่าเบื่อ ท่านอาจจะคลิกอ่านหัวข้อที่ท่านสนใจก่อน แล้วจึงค่อยขยับไปอ่านหัวข้ออื่น ๆ จนจบเล่ม
พิพัฒน์
เว็บฝึกอ่าน – ฝึกฟัง ภาษาอังกฤษ มีทุกระดับ ยาก – ง่าย ให้เลือกฝึก
[1] หนังสือภาษาอังกฤษอ่านนอกเวลา
มี 7 ระดับ คือ Level Easystarts ถึง Level Six
ดาวน์โหลดหนังสืออ่านนอกเวลากว่า 150 เล่ม
[2] a4esl.com
ศัพท์มี 3 ระดับ คือ • Easy & Easy with Pictures• Medium • Difficult •
แกรมมาร์มี 3 ระดับ คือ Easy • Medium • Difficult•
[3] นสพ. Bangkok Post
มี 3 ระดับ คือ Easy, Intermediate, Advanced
http://www.bangkokpost.com/learning/
[4] Breaking News English
มี 7 ระดับ คือ Level 0 ถึง Level 6
http://www.breakingnewsenglish.com/
[5] News in Levels
มี 3 ระดับ คือ Level 1, Level2, Level 3
[6] studyenglishnews.com
มี 2 ระดับ คือ Easy, Difficult
[7] VOA Learning English
มี 3 ระดับ คือ Level One, Level Two, Level Three
http://learningenglish.voanews.com/
[8] web2.uvcs.uvic.ca
มี 5 ระดับ คือ Upper Beginner, Lower Intermediate, Intermediate, Upper Intermediate, Advanced
[9] usingenglish.com
มี 3 ระดับ คือ beginner, intermediate , advanced
beginner, intermediate , advanced
[10] rong-chang.com
มี 2 ระดับ คือ For Beginners และ For Intermediate Learners
[11] talkenglish.com
มี 3 ระดับ คือ basic, intermediate, advanced
[12] esl-lab.com
มี 3 ระดับ คือ Easy, Medium, Difficult
http://www.esl-lab.com/
[13] elllo.org
มี 6 ระดับ คือ Level 2 ถึง Level 7 (ให้คลิกเลือกระดับที่บรรทัด Level และ คลิก Search )
[14] British Council