Articles
การใช้ Google Translate ให้เต็มฟังชั่น
สวัสดีครับ
ทุกท่านคงทราบดีแล้วว่า Google Translate ช่วยแปลข้อความหรือประโยค ระหว่าง อังกฤษ ⇄ ไทย แต่ในที่นี้ผมขอเรียนให้ทราบเผื่อบางท่านอาจจะยังไม่เคยใช้ฟังชั่นอื่น ๆ ของมัน ตอนนี้เราดูไปพร้อมกันเลยแล้วกันครับ
❶ เข้าไปที่หน้า → Google Translate
❷ ให้ท่าน Copy ข้อความข้างล่างนี้ paste ลงไปในช่องซ้ายมือ และคลิกเลือกภาษาด้านซ้ายมือเป็น English ด้านขวามือเป็น Thai
(CNN)Intelligence officials are increasingly dismayed about President-elect Donald Trump's tweets and continued public attacks against them, describing his conduct as distressing, officials told CNN Wednesday.
Google Translate ก็จะแปลประโยคนี้เป็นภาษาไทย ซึ่งคุณภาพของการแปล ก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง เรื่องนี้ทุกท่านที่เคยใช้คงทราบอยู่แล้ว
แต่วันนี้ผมจะแนะนำฟังชั่นอื่น ๆ ของ Google Translate ซึ่งคุณภาพค่อนข้างดีทีเดียว ขอให้ท่านคลิกลิงก์ข้างล่างนี้ ซึ่งผมจะอธิบายไปทีละข้อ ท่านเปิดคนละ tab กับหน้า Google Translate เพื่อเปิดสลับดูปพร้อม ๆ กันก็ได้ครับ
→ คลิก
หมายเลข 1 ท่าน copy ประโยคภาษาอังกฤษใส่ลงไปทางช่องซ้ายมือ คลิกเลือกภาษาเป็น English และในช่องขวามือ เลือกภาษาเป็น Thai
หมายเลข 2 ในช่องขวามือ Google Translate จะแปลเป็นภาษาไทยให้เรา
หมายเลข 3 ให้ท่านคลิก Ä เพื่อลบโฟเนติกส์ที่เราไม่ต้องการออกไป จะได้ไม่เกะกะ
หมายเลข 4 เป็นไอคอนรูปลำโพง เพื่อคลิกฟังเสียงอ่านประโยคภาษาอังกฤษ ซึ่งจะอ่านโดย normal speed และ slow speed สลับกัน คนละเที่ยว, เที่ยวที่อ่านด้วย slow speed นี้มันก็ดีตรงที่ว่า ท่านจะได้ฟังชัด ๆ ว่าเขาออกเสียง เน้นเสียง หรือมีจังหวะยังไงในการออกเสียง, แต่ถ้าท่านไม่อยากฟังเพราะเสียงมันยานคางไม่เป็นธรรมชาติ ท่านก็เพียงคลิกไอคอนรูปลำโพงซ้ำ 2 ครั้ง มันก็จะกลับไปอ่านแบบ normal speed
หมายเลข 5 ให้ท่านไฮไลท์คำศัพท์ คำใดก็ได้เป็นคำ ๆ ที่ท่านต้องการรู้ความหมายหรือคำแปล
หมายเลข 6 คำศัพท์ที่ท่านไฮไลท์ที่หมายเลข 5 จะแสดงความหมาย (definition) และประโยคตัวอย่างที่ด้านล่างซ้ายมือ โดยแยกแต่ละ part of speech (เช่น verb, noun, adjective) ให้เห็นชัดเจน ข้อมูลส่วนนี้ Google Translate นำมาจาก→ Oxford Dictionary ซึ่งเป็นดิกมีชื่อเสียงระดับโลก
หมายเลข 8 คลิกที่สัญลักษณ์ มุมเหลี่ยมหัวชี้ลงเพื่อดูข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ประโยคตัวอย่างอีกหลาย ๆ ประโยค
หมายเลข 7 เป็นคำแปลของศัพท์หมายเลข 5 ที่เราไฮไลท์ โดยจะแยกแต่ละ part of speech (เช่น verb, noun, adjective) ให้เป็นชัดเจน เช่นเดียวกับความหมายด้านซ้ายมือที่เป็นภาษาอังกฤษ แต่คำแปลในภาษาไทยอาจจะมีหลากหลาย โดยคำแปลในบรรทัดบนมักใช้กันบ่อยกว่าคำแปลในบรรทัดล่าง
หมายเลข 9 คลิกไอคอนรูปลำโพง เพื่อฟังเสียงอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เราไฮไลท์
สรุปก็คือ ถ้าท่านมีข้อความภาษาอังกฤษยาว ๆ ที่จะอ่าน ก็เพียง copy+paste ลงในช่องด้านซ้ายของหน้า Google Translate และเมื่อติดศัพท์คำใด ก็เพียงไฮไลท์ ท่านก็จะได้ดูทั้งความหมายภาษาอังกฤษ และคำแปลภาษาไทย ใช้ศึกษาเปรียบเทียบกัน และในบางครั้ง definition ภาษาอังกฤษด้านซ้ายมือ ให้ความหมายที่ดีกว่า, มากกว่า, ใหม่กว่า, ถูกต้องกว่า คำแปลทางด้านขวามือ แต่สำหรับท่านที่กำลังฝึกอ่านดิกภาษาอังกฤษ คำแปลทางด้านขวามือก็จะช่วยเป็นพี่เลี้ยงในการอ่าน definition ที่เป็นภาษาอังกฤษ การใช้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาอ่านประกอบกันจึงมีประโยชน์เช่นนี้แหละครับ
ในกรณีที่ท่านอยากรู้คำอื่น ๆ ก็เพียงพิมพ์คำนั้นในช่องด้านซ้ายมือต่อท้ายลงมาและไฮไลท์ ท่านก็จะเห็น definition ด้านซ้ายมือ และคำแปลด้านขวามือ เช่นเดียวกัน แต่ถ้า...
- เป็นศัพท์ใหม่ ๆ เช่น hacktivist
- ความหมายใหม่ของศัพท์เก่า เช่น tweet
- ศัพท์พวก two-word verb เช่น hold on
Google Translate ก็จะโชว์เฉพาะ definition จาก Oxford dictionary ทางด้านซ้ายมือเท่านั้น ส่วนคำแปลด้านขวามือไม่โชว์ นี่เป็นตัวอย่างง่าย ๆ ที่แสดงให้เห็นว่า ดิกอังกฤษ-ไทย นั้น ต่อให้ใหม่มากขนาดไหนก็มักตามไม่ทันคำศัพท์อังกฤษที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ ทุกวัน เพราะฉะนั้นการฝึกอ่านดิกอังกฤษ-อังกฤษให้รู้เรื่อง จึงเป็นเรื่องจำเป็น เพราะถ้าพึ่งแต่ดิก อังกฤษ-ไทย มันจนแต้มได้ง่าย ๆ
ลองใช้ดูนะครับ มีประโยชน์มากเลย เพราะท่านไม่ต้องไปที่หน้าดิกไหน ๆ เลย เพียงไฮไลท์คำที่สงสัย ที่หน้า → Google Translate ทุกอย่างก็จะโชว์ให้ท่านดูอย่างสมบูรณ์
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th
เรียนภาษาอังกฤษกับเรื่องที่ชอบหรือสนใจ ผ่าน Facebook
สวัสดีครับ
การฝึกเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ แบบมั่นคงยั่งยืน ต้องฝึกกับเนื้อหาที่ตนเองชอบหรือสนใจ ซึ่งแต่ละคนอาจจะชอบไม่เหมือนกัน
เว็บไซต์สอนภาษาอังกฤษก็พยายามหาเนื้อหาต่าง ๆ ที่คิดว่าผู้คนสนใจมาให้เรียน ไม่ว่าจะเป็นการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน-ศัพท์-แกรมมาร์ โดยบางเว็บแยกระดับให้ด้วย เช่น แบ่งเป็นเกรด 1 – 12 หรือแบ่งเป็น level เช่น beginner, Intermediate, advanced หรือแบ่งตามวัย เช่น kid, teen, adult เป็นต้น
แต่แม้จะมีให้เลือกอย่างหลากหลายเช่นนี้ ผมก็ยังรู้สึกว่า สิ่งที่หลายเว็บเสนออาจจะยังไม่สามารถสนองความสนใจจริง ๆ ของคนเรียน มันเหมือนมีอาหารเสิร์ฟเต็มโต๊ะ แต่ไม่ชอบกินสักอย่าง อาหารมากมายก็ไม่มีความหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนกินไม่หิว ก็ไม่อยากกินของที่ไม่ชอบกิน ซึ่งก็คือไม่ชอบเรียนของที่ไม่อยากเรียน ไม่หิวเรียน
และจะแก้ปัญหานี้ยังไง? ตอบได้ง่ายนิดเดียวครับ คือคนที่เรียนต้องหาให้เจอสิ่งที่ตนเองอยากเรียน เพราะการเรียนภาษาอังกฤษก็เหมือนกินอาหาร ถ้าไม่หิวมักไม่ค่อยอยากกิน แต่ถ้าอยากกินต่อให้ไม่หิวก็กินได้ การอยากกินหรืออยากเรียนจึงเป็นเรื่องแรกที่ต้องมี และการหาให้เจอสิ่งที่อยากกิน คือสิ่งที่รักหรือสนใจจะเรียน แต่ละคนต้องหาเอง
จะหาจากที่ไหนล่ะ?
ผมมาพิจารณาดูแล้วก็เห็นว่า เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ทั้งโลกก็มี Facebook ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น นาย ก นางสาว ข ฯพณฯ (พะนะท่าน) A.. B.. C.. D... องค์กร บริษัท โรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงแรม นักร้อง นักแสดง ศิลปิน นักกีฬา สถานที่ท่องเที่ยว ร้านขายของ สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ อุทยาน ห้างสรรพสินค้า แผงหนังสือพิมพ์ สำนักข่าว สถานีโทรทัศน์ ฯลฯ
และทุกคนทุกแห่งเหล่านี้ ที่อาศัยอยู่ทั่วทุกมุมโลก ก็ใช้ Facebook เป็นหน้าร้านโชว์สิ่งที่เขาต้องการบอก อวด เผยแพร่ โฆษณา สั่งสอน แนะนำ ประชาสัมพันธ์ ติดต่อ สื่อสาร ฯลฯ ผ่านตัวหนังสือ รูปภาพ เสียง คลิป บนหน้า Facebook ของเขา โดยแต่ละโพสต์นั้น อาจจะมีครบทั้งตัวหนังสือ+ภาพ+คลิป และถ้าเขาไม่หวงหรืออยากเผยแพร่ เราก็เพียงแค่กด Like ในหน้า Fanpage ของเขา ก็เข้าไปดูได้
คราวนี้ก็มาถึงเราแหละครับ ถ้าเนื้อหาใน Fanpage นั้นเราชอบหรือสนใจ (ซึ่งอาจจะเหมือนหรือต่างจากสิ่งที่คุณครูสอน) เราก็เรียนภาษาอังกฤษโดยการอ่าน ดูภาพ ดูคลิป ที่เป็นภาษาอังกฤษที่ Facebook นั้นเลย
และการจัดหน้าของ Facebook ก็อำนวยความสะดวกในเรื่องนี้ คือที่คอลัมน์ซ้ายมือ(หรือบาง FB ก็เป็นแถบด้านบน) โดยพื้นฐานจะมีปุ่มต่อไปนี้ให้คลิก
•คลิก ปุ่ม Posts- ทุกโพสต์ที่เขาลงก็จะเรียงอยู่กลางหน้าให้เราดู ของใหม่อยู่บน ของเก่าอยู่ล่าง แต่ละโพสต์อาจจะมีทั้งข้อความ+ภาพ+คลิป+ลิงก์ แต่บางโพสต์ก็มีแค่ข้อความกับภาพ
•คลิกปุ่ม Photos – เมื่อคลิกปุ่มนี้ ทุกภาพใน FB นั้น ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายหรือภาพประเภทอื่น (เช่น infographic คือภาพพร้อมข้อความสั้น ๆ) ก็จะมาเรียงให้เราดูที่กลางหน้า บาง FB มีแยกเป็นหลาย Albums ให้เราเลือกคลิกเข้าไปดู
•คลิกปุ่ม Videos – ก็เหมือนกับปุ่ม Photos นั่นแหละครับ เมื่อคลิกแล้ว คลิปทั้งหมดก็จะมาเรียงอยู่กลางหน้าให้เราคลิกดู บาง FB มีแยกเป็นหลาย Playlists
ขอเรียนว่า ทั้งภาพและคลิปนี้ มันก็รวมอยู่ในแต่ละโพสต์นั่นแหละครับ แต่เมื่อคลิก Photos เราก็ดึงเฉพาะภาพมาดู หรือคลิก Videos เราก็ดึงเฉพาะคลิปมาดู ... ดูเพื่อฝึกภาษาอังกฤษ
เราอาจจะอ่าน-ดู-ฟัง ไม่รู้เรื่อง 100 % ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะถ้าหากว่ามันเป็นเรื่องที่เราชอบหรือสนใจเป็นพิเศษ โอกาสที่เราจะรู้เรื่อง --- และเป็นการรู้เรื่องผ่านภาษาอังกฤษ --- โอกาสเช่นนี้ก็มีมาก เพราะเราใส่ใจมันอยู่แล้ว เมื่อเรียนด้วยใจโอกาสจะเข้าใจก็มีเยอะ แต่ถึงแม้บางเรื่องจะไม่ค่อยเข้าใจ ก็ไม่ค่อยรู้สึกหงุดหงิดใจ เพราะเป็นเรื่องที่เราเลือกเรียนเองด้วยใจ
เอาละครับ คราวนี้มาถึงเรื่องที่สำคัญที่สุด คือ เรารู้หรือยังว่าเรารักหรือสนใจจะรู้เรื่องอะไรมากที่สุด ก็ลงมือเข้าไปหาเรื่องนั้น ๆ ที่หน้า Facebook ตอนนี้เลย วิธีหาก็ง่าย ๆ โดย
❶ เข้าไปที่หน้า Google
❷ พิมพ์คำว่า site:facebook.com และต่อด้วยคำค้น, Enter
❸ ดูผลการ Search ของ Google โดยทั่วไป Facebook ที่เราหาจะอยู่ในลิงก์แรก ๆ โดยมีชื่อของคำค้นอยู่ใน URL ของ Facebook ด้วย เราก็ลองคลิกที่ลิงก์นั้น
ในกรณีที่เรารู้จักชื่อที่จะค้นอย่างเจาะจง ก็จะค้นเจอง่าย แต่ถ้าค้นอย่างรวม ๆ กว้าง ๆ ก็อาจจะต้องคลิกหลายครั้งหน่อย กว่าจะเจอหน้า Facebook ที่รู้สึกว่า "ใช่เลย! อันนี้แหละ!" และถ้าเจอแล้วก็ทำ Favorites หรือ Bookmarks ไว้เลยครับ แล้วก็ศึกษาตามวิธีคลิกที่ผมแนะนำข้างต้น อันไหนชอบก็ ดู/อ่าน/ฟัง ให้จบ อันไหนไม่ชอบก็ข้ามไปก็ได้
ขออวยพรให้ทุกท่านได้เจอเนื้อหาที่ท่านรักและสนใจในการเรียนภาษาอังกฤษ เมื่อเริ่มต้นด้วยฉันทะก็ขอให้มีวิริยะที่มั่นคง นำไปสู่ความก้าวหน้าในการศึกษาภาษาอังกฤษตามที่มุ่งหวัง อย่างมีความสุข
ตัวอย่างข้างล่างนี้เป็นแค่เพียงตัวอย่างเท่านั้นนะครับ เพราะผมไม่รู้ว่าท่านผู้อ่านแต่ละท่านชอบเรียนรู้เรื่องอะไรจริง ๆ จัง ๆ บ้าง ถ้าตัวอย่างเหล่านี้ยังไม่กระทบเรื่องที่ท่านรักหรือสนใจ ก็ต้องหาเอาเองแหละครับ วิธีหาก็พิมพ์ลงไปใน Google ตามตัวอย่างนี่แหละครับ ขอให้เจอนะครับ
พิพัฒน์
นักการเมือง
Donald Trump site:facebook.com Donald Trump
Barack Obama site:facebook.com Barack Obama
Vladimir Putin site:facebook.com Vladimir Putin
Rodrigo Duterte site:facebook.com Rodrigo Duterte
Kim Jong Un site:facebook.com Kim Jong Un
นักฟุตบอล
Lionel Messi site:facebook.com Lionel Messi [Barcelona, Argentina]
Paul Pogba site:facebook.com Paul Pogba [Juventus, France]
Cristiano Ronaldo site:facebook.com Cristiano Ronaldo [Real Madrid, Portugal]
นักแสดง
Dwayne Johnson site:facebook.com Dwayne Johnson
Jackie Chan site:facebook.com Jackie Chan
Matt Damon site:facebook.com Matt Damon
Jennifer Lawrence site:facebook.com Jennifer Lawrence
Angelina Jolie site:facebook.com Angelina Jolie
Scarlett Johansson site:facebook.com Scarlett Johansson
ท่องเที่ยวประเทศต่าง ๆ
เที่ยวเมืองไทย site:facebook.com Tour Thailand
เที่ยวญี่ปุ่น site:facebook.com Tour Japan
เที่ยวเกาหลี site:facebook.com Tour South Korea
เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ site:facebook.com Tour Switzerland
เที่ยวนิวซีแลนด์ site:facebook.com Tour New Zealand
เที่ยวเมืองจีน site:facebook.com Tour China
เที่ยวทั่วโลก site:facebook.com world travel
สำนักข่าว
Bangkok Post site:facebook.com Bangkok Post
The Nation site:facebook.com nationmultimedia.com
BBC site:facebook.com BBC news
CNN site:facebook.com CNN news
Al Jazeera site:facebook.com Al Jazeera news
Channel News Asia site:facebook.com Channel News Asia
Time Magazine site:facebook.com Time.com
The Economist site:facebook.com The Economist
ช่างฝีมือประเภทต่าง ๆ
การจัดดอกไม้ site:facebook.com floral arrangement
การถักทอ site:facebook.com embroidery
การถักโครเชต์ site:facebook.com crochet work
การทำผลิตภัณฑ์จากหนังสัตว์ site:facebook.com leather goods making
การทำเครื่องเฟอนิเจอร์ (งานไม้) site:facebook.com cabinet making
การจัดสวน site:facebook.com landscape gardening
การวาดภาพ site:facebook.com painting
จิตรกรรมบนผ้าไหม site:facebook.com silk painting
การทำเครื่องปั้นดินเผา site:facebook.com pottery
การประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุเหลือใช้ site:facebook.com waste reuse
การแกะสลักไม้ site:facebook.com wood carving
การถักนิตติ้ง site:facebook.com hand knitting
การสานตระกร้า site:facebook.com basket making
การแต่งผม site:facebook.com hairdressing
การตัดเย็บเสื้อผ้า (สตรี) site:facebook.com dressmaking
การตัดเย็บเสื้อผ้า (บุรุษ) site:facebook.com tailoring
การประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ site:facebook.com computer assembly
การถ่ายภาพนอกสถานที่ site:facebook.com photography outdoor
การถ่ายภาพในสตูดิโอ site:facebook.com photography studio
การสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ site:facebook.com computer programming
การทำงานของ WORD site:facebook.com word processing
การสร้างหน้าเว็บ site:facebook.com creating web pages
การเดินสายไฟฟ้าในอาคาร site:facebook.com electrical installation
การประกอบรถจักรยาน 2 ล้อ site:facebook.com bicycle assembly
การซ่อมรถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) site:facebook.com motorcycle repair
การเชื่อมโลหะ (ช่างเชื่อมโลหะ) site:facebook.com welding
การทำขนมอบ หรือเบเกอรี่ site:facebook.com bakery
การทำขนมปัง site:facebook.com make bread
การทำตุ๊กตา site:facebook.com doll making
เรียนภาษาอังกฤษ
English test site:facebook.com english test
grammar test site:facebook.com grammar test
vocabulart test site:facebook.com vocabulart test
English idioms site:facebook.com English idioms
English phrasal verbs site:facebook.com English phrasal verbs
English conversation site:facebook.com English conversation
easy English story site:facebook.com easy English story
learn English from songs site:facebook.com learn english from songs
learn English from movies site:facebook.com learn english from movies
มาฝึกฟัง-ฝึกพูด ทีละคำ-ทีละประโยค กันที่นี่ครับ
สวัสดีครับ
ท่านผู้อ่านครับ การฝึกพูดภาษาอังกฤษผ่านเน็ตเนี่ยะ แม้ว่าถ้าฝึกจริง ๆ มันก็ได้ผล แต่ว่ามันค่อนข้างจะแห้งแล้งไร้รสชาติ เพราะโดยทั่วไปเขาจะให้เราฟังและพูดตาม มันเหมือนเรากำลังฝึกพูดกับเครื่องที่ไร้ชีวิตไม่ได้พูดกับคน และเราก็อยากฝึกพูดกับคนเพื่อไปพูดกับคน ไม่ใช่ฝึกพูดกับเครื่องเพื่อไปพูดกับคน มันออกจะน่าเบื่อ
ผมมาคิดดูว่า มีวิธีไหนบ้างนะที่จะช่วยให้เบื่อน้อย และเมื่อถึงเวลาที่ต้องพูดกับคน ก็สามารถพูดได้จริง ๆ เลยมานึกได้ว่า ตอนเป็นเด็กที่เราฝึกพูด มันเป็นไปตามขั้นตอนอย่างนี้
[1] เราฝึกฟังก่อนทีละคำ อย่างเช่นคำว่า "แม่", "หม่ำ", "ฉี่", "กิน" เราได้ฟังแม่สอนบ่อย ๆ ฟังจนจับเสียงได้ เข้าใจ และพูดตามได้โดยไม่รู้ตัว
[2] คำแรก ๆ ที่แม่พูดให้เราฟังนี้ มันเป็นคำสั้น ๆ แค่ 1 – 2 พยางค์ และเป็นคำที่เกี่ยวกับชีวิตของเราจริง ๆ
[3] หลังจากนี้ แม่ก็จะสอนให้เราพูดยาวขึ้น โดยเอาคำมาต่อกัน เป็นวลี เป็นประโยคสั้น ๆ เราก็ฝึกฟัง-ฝึกพูด-ฝึกเข้าใจ ได้มากขึ้น
คราวนี้มาถึงการฝึกพูดภาษาอังกฤษบ้าง ถ้าเท่าที่ผ่านมาในโรงเรียน เราแทบไม่เคยได้ฝึกตาม step [1], [2], [3] อย่างนี้เลย หรือถ้าได้ฝึกก็น้อยมาก จนหูไม่ชินกับการฟัง และปากไม่ชินกับการเปล่งเสียงเป็นคำ ๆ หรือเป็นประโยค ก็ไม่ต้องไปตัดพ้อต่อว่าใครหรอกครับ เรามาเริ่มกันใหม่ตอนนี้ก็ได้ ตาม step [1], [2], [3] ที่ว่ามานี้แหละครับ คือ
Step [1] – [2] ฝึกฟังคำพื้นฐานที่เราต้องใช้จริง ๆ เช่น สัก 500 หรือ 1,000 คำ ฝึกฟังให้ชินหู และฝึกขยับปากให้เปล่งเสียงคำพวกนี้ได้จนชินปาก
Step [3] ฝึกฟังวลีหรือประโยคสั้น ๆ ที่ใช้คำศัพท์พื้นฐานเหล่านี้ และพูดตาม
ศัพท์พื้นฐานที่ว่านี้มีคำอะไรบ้าง? ท่านลองมองไปรอบตัว หรือลองนึกดูก็ได้ว่า ตั้งแต่ลุกขึ้นตื่นนอนตอนเช้า และทำนั่นทำนี่ทั้งวัน ท่านเจออะไรบ้าง เห็นอะไรบ้าง ทำอะไรบ้าง ก็ศัพท์พวกนั้นแหละครับที่น่าจะเอามาฝึกฟัง-ฝึกพูดก่อน หรือถ้านึกไม่ออก ก็ไปดึงตามที่เขารวบรวมไว้ก็ได้ เช่น→ ศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 2,000 คำ ของ Longman Dictionary
ส่วนวิธีฝึกฟัง-ฝึกพูด ทีละคำ-ทีละประโยค ที่ไม่น่าเบื่อ ผมขอแนะนำอย่างนี้ครับ
[A] ท่านเข้าไปดูที่ 2,000 คำนี้ (→คลิก) และดึงคำที่ท่านสนใจออกมา ทีละคำก็พอครับ ในขั้นตอนนี้ ถ้าจะให้ดีท่านลองไล่ดูคร่าว ๆ สักเที่ยวนึงก่อนก็ดีครับ ว่ามีคำไหนบ้างที่ท่านสนใจจะดึงมาฝึกฟัง-ฝึกพูดเป็นกลุ่มแรก
[B] ไปที่เว็บดิก Longman → http://www.ldoceonline.com/
เว็บนี้ดีกว่าเว็บอื่นตรงไหน? ก็ดีกว่าตรงที่ว่า นอกจากให้ความหมายและฟังเสียงอ่านคำศัพท์เป็นคำ ๆ แล้ว ยังคลิกฟังเสียงอ่านประโยคตัวอย่างทั้งประโยคได้อีกด้วย จะฟังซ้ำ-และฝึกพูดตามกี่ครั้งก็ได้ บริการอย่างนี้มีที่ดิก Longman เว็บเดียวเท่านั้น
- ให้พิมพ์คำศัพท์ลงไป
- คลิกฟังเสียงอ่านคำศัพท์ และฝึกออกเสียงตาม ทำได้หลาย ๆ ครั้ง
- ให้ดูความหมายของคำศัพท์ ถ้ามีหลายความหมาย ให้ดูแค่ความหมายที่ 1 ก็พอ และคลิกฟังเสียงอ่านประโยคตัวอย่าง และฝึกพูดตาม ฝึกฟังซ้ำ – พูดซ้ำ ได้หลาย ๆ ครั้ง
สำหรับท่านที่ต้องการดูคำแปลประโยคตัวอย่างเป็นภาษาไทย ผมขอแนะนำให้ใช้เบราว์เซอร์ Google Chrome, และ→คลิกลิงก์นี้ เพื่อติดตั้ง Add-on Google Translate โดยเมื่อติดตั้งแล้ว ขอให้→ไปที่นี่ และคลิกติดตั้ง 1 2 3 ตามวงรี→ในภาพนี้ และเมื่อต้องการแปลประโยคใด ก็ให้ไฮไลต์ประโยคนั้น, คลิกขวา, และคลิก Google Translate →ตามภาพนี้ เพียงเท่านี้ก็จะเห็นคำแปลไทย (แต่ต้องระวังหน่อยนะครับ บางประโยคอาจจะแปลเพี้ยน)
ขอแนะนำว่า ท่านลองฝึกพูด-ฝึกฟังอย่างนี้ วันละสัก 10 คำก็พอ โดยแต่ละคำ ฝึกแค่ความหมายแรกก็พอ ถ้ายังไม่ชินหูหรือพูดยังไม่ชินปาก ก็ย้อนมาฝึกซ้ำ ขอรับรองว่า ถ้าฝึกด้วยความตั้งใจ เพียงแต่เดือนเดียวเท่านั้นแหละครับ หูและปากของท่านจะเหมือนได้รับการยกเครื่องให้คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ ให้ฟังได้ไม่ขัดหู พูดได้ไม่ขัดปาก เป็นพื้นฐานช่วยให้ก้าวหน้าต่อไปได้ไม่ยาก
ลองฝึกจริง ๆ สัก 1 เดือนอย่างที่ผมแนะนำดูซีครับ ท่านไม่ผิดหวังแน่
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th
อ่านชีวประวัติของพระอริยะคืออ่านธรรมะภาคปฏิบัติ (อจ.พุทธทาส - ลพ.ชา)
สวัสดีครับ
ท่านอาจารย์พุทธทาสเกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2449, บวชเมื่ออายุ 20 ปีเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2469, และมรณภาพ เมื่ออายุ 87 ปีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2536
หลวงพ่อชาเกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2461, บวชเมื่ออายุ 20 ปีเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2482, และมรณภาพ เมื่ออายุ 73 ปีเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2535
หลายท่านอาจจะยังเป็นเด็กหรือเพิ่งจะเกิดเมื่อท่านทั้งสองมรณภาพไปแล้ว แต่โชคดีได้ศึกษาธรรมะคำสอนของท่านจากหนังสือหรือเสียงเทศน์ที่ตกทอดถึงปัจจุบัน
แต่ผมอยากจะแนะนำให้ท่านอ่านหนังสือ 2 เล่มนี้ซึ่งบอกเล่าชีวประวัติของท่าน
เรื่องราวที่บอกเล่าไว้เกิดขึ้นคนละยุคสมัยกับปัจจุบัน หลายเรื่องอ่านแล้วรู้สึกว่าเหลือเชื่อ น่าตื่นเต้น หรือเป็นการดำเนินชีวิตในอุดมคติอย่างยิ่ง แต่สัจจะที่ถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือเหล่านี้คือชีวประวัติของพระอริยะในยุคสมัยปัจจุบันที่บางท่านอาจจะโชคดีเกิดทันและมีชีวิตอยู่ร่วมสมัย หรือเกิดไม่ทันแต่ห่างไม่มากนัก การอ่านชีวประวัติของท่านก็คือการอ่านธรรมะภาคปฏิบัติ ซึ่งสามารถน้อมนำมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตได้อย่างมีชีวิตชีวา ไม่น้อยไปกว่าการอ่านหรือฟังธรรมะที่ท่านสอน
เมื่ออ่านชีวประวัติของพระอริยะ 2 ท่านนี้ผมมีความรู้สึกส่วนตัวว่า...
♦ในหนังสือ "ใต้ร่มโพธิญาณ" ซึ่งเป็นหนังสือชีวประวัติของหลวงพ่อชาที่ลูกศิษย์เรียบเรียงขึ้นนั้น ท่านพยายามเรียบเรียงโดยให้ผู้ศึกษาสามารถจดจำแบบอย่างในการฝึกฝนปฏิบัติธรรมเพื่อดำเนินชีวิต โดยพยายามไม่กล่าวถึง "ความพิเศษ" ของหลวงพ่อชา แต่ผู้อ่านก็รู้สึกได้ไม่ยากว่า ความพิเศษนั้นมีอยู่แน่ ๆ และมีอยู่มากเสียด้วย แม้ว่าผู้เรียบเรียงจะพยายามเน้นให้เห็นการดำเนินชีวิตแบบอริยะที่ปุถุชนชาวโลกสามารถใช้เป็นแบบอย่างดำเนินตาม
♦ส่วนในหนังสือ "เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา" ซึ่งเป็นอัตชีวประวัติของท่านอาจารย์พุทธทาสจากการสัมภาษณ์ของพระประชา ปสนฺนธมฺโมนั้น มีเรื่องราวชีวิตและมุมมองแห่งธรรมที่กว้างใหญ่ผ่านคำบอกเล่าของท่านอาจารย์เอง โชคดีอย่างยิ่งที่พระประชา ปสนฺนธมฺโม ได้รับอนุญาตให้สัมภาษณ์ มิฉะนั้นเราคงไม่มีหนังสือชีวประวัติที่เจ้าของประวัติเล่าเองให้อ่านเช่นนี้
เชิญครับ...
→ "ใต้ร่มโพธิญาณ"
→ "เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา"
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th