Articles
แนะนำ e-book 3 เล่มเพื่อเรียนเรื่อง part of speech
สวัสดีครับ
Part of speech 8 อย่าง คือ nouns, pronouns,verbs,adjectives, adverbs, prepositions,conjunctions, และ interjections เป็นไวยากรณ์เรื่องแรก ๆ ที่ครูมักจะสอนเด็ก
ผมตัดสินใจนำ Learning Basic Grammar 2 เล่มนี้ มาให้ท่านดาวน์โหลดก็เพราะว่า ชอบใจที่ว่า แม้จะเป็นตำราภาษาอังกฤษ แต่เขาก็พยายามเขียนอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ นอกจากนี้การจัดวางฟอนต์และการวางรูปเล่ม ก็ดูเรียบง่าย น่าเรียน และมี exercise ให้ฝึกซ้อมด้วย
ผมเชื่อว่าหลายท่านจะชอบโดยเฉพาะท่านครูอาจารย์สามารถนำเอาไปเตรียมการสอนนักเรียนได้ หรือไม่ก็บอกให้นักเรียนนำไฟล์ pdf 2 เล่มนี้ไปศึกษาด้วยตัวเองก็ได้
ส่วนเล่มที่ 3 คือ English Grammar – Understanding the Basics ซึ่งมีเนื้อหาคล้าย ๆ กัน แม้อาจจะอ่านยากขึ้นนิดหน่อย แต่ก็น่าลองอ่านดูมาก ๆ เลยครับ
e-book เพื่อการศึกษาภาษาอังกฤษกว่า 200 เล่ม
สวัสดีครับ
คุณรชญาญ์นันทน์ แพรขาว ปัจจุบันเรียนอยู่ที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยทำงานเป็นติวเตอร์ ได้นำไฟล์ e-book ที่รวบรวมไว้เพื่อประกอบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารต่างๆมาให้ผม กว่า 200 เล่ม โดยแจ้งความประสงค์ว่าอยากให้ผมนำเอาไปเผยแพร่
ผมดีใจ ซาบซึ้งในน้ำใจ และเชื่อว่าท่านผู้อ่านที่ได้รับประโยชน์จากไฟล์ชุดนี้จะขอบคุณคุณรชญาญ์นันทน์ แพรขาว เช่นเดียวกัน
วิธีดาวน์โหลด:
เมื่อคลิกเล่มที่ต้องการแล้ว ก็คลิกที่ปุ่มตามภาพข้างล่างนี้เพื่อดาวน์โหลดหนังสือ
โปรดทราบ:
Google Drive มีจำกัด bandwidth ถ้าดาวน์โหลดไม่ได้อาจเกิดจาก bandwidth เต็ม และต้องทิ้งระยะสักช่วงหนึ่งค่อยเข้าไปดาวน์โหลดใหม่ (ขอขอบคุณคุณพัชรามากครับที่แจ้งมาให้ทราบ)
พิพัฒน์
ฝึกฟังบทสนทนา เพื่อให้สามารถพูดสนทนา ได้ดี
สวัสดีครับ
ที่ลิงค์นี้:Basic Listening Lessons
มีบทฝึกการฟังบทสนทนา โดยแบ่งออกเป็น 3 step ดังนี้
Step 1: คลิกฟังอย่างเดียว, เราคนฝึกจะต้องตั้งใจมาก ๆ เพื่อฟังให้รู้เรื่องให้มากที่สุด, จะฟังกี่เที่ยวก็ได้, อย่าเพิ่งไปคลิกอ่านคำถาม ใน step 2, หรืออ่านบทสนทนา ใน step 3,
Step 2: คลิกทำ test, ถ้าไม่แน่ใจจะกลับไปคลิกฟังซ้ำก็ได้
Step 3: คลิกอ่านบทสนทนา, อย่าอ่านก่อนเพราะจะทำให้เราไม่ได้ฝึกฟัง
ท่านผู้อ่านครับ ทุกครั้งที่ผมเจอเว็บทำนองนี้ ผมจะลองเข้าไปอ่านคำอธิบายหรือทำ test ของเขาก่อน ถ้ารู้สึกว่าดีจึงค่อยแนะนำท่านผู้อ่าน อย่างเว็บนี้ผมลองเข้าไปทำ test ดูแล้ว และเห็นว่าดี จึงขอนำมาแนะนำ โดยผมมีความรู้สึกนึกคิดต่อไปนี้ครับ
[1] test นี้มีประโยชน์มาก คือเขานำบทพูดสนทนาจริง ๆ มาให้เราฝึกฟัง และทดสอบความเข้าใจโดยการทำ test เราจะได้เรียนรู้ทั้งสำเนียงและสำนวนที่เป็นธรรมชาติ ที่บอกว่าเป็นธรรมชาติก็เพราะว่า ฝรั่งเขาพูดกันยังไง เขาก็เอาอย่างนั้นมาให้เราฟัง พอถึงเวลาที่เราจะต้องพูดกับฝรั่งจริง ๆ เราจะไม่ลำบากมาก เพราะเราได้ train หูของเราให้คุ้นเคยกับสำเนียงและสำนวนของเขามาพอสมควรแล้ว และตอนจะพูดโต้ตอบ เราก็เก็บเอาคำศัพท์หรือสำนวนจากประโยคเหล่านี้แหละครับไปพูด เราอาจจะพูดได้ไม่เหมือนเขา แต่อย่างน้อยเขาก็จะเข้าใจถ้อยคำที่เราพยายามพูด
[2] นี่ผมลองคิดเผื่อบางท่านที่เข้ามาลองฝึกฟังกับเว็บนี้ ท่านอาจจะพบอะไรบางอย่างที่ทำให้ท่านรู้สึกท้อไม่อยากฝึกต่อ หรือฝึกต่อแต่ฝึกอย่างผิดวิธี อย่างนี้ครับ
- -คือ นี่คือการฝึกฟัง เพื่อให้เราเกิด listening skill ซึ่งจะกลายเป็น speaking skill ต่อไป, แต่ตอน start นี่นะครับ ถ้ามันฟังไม่รู้เรื่องหรือรู้เรื่องน้อยมาก เราก็ต้องทนฟังซ้ำหลาย ๆ เที่ยว, พอฟังเที่ยวใหม่ก็อาจจะรู้เรื่องมากขึ้นอีก 1 คำหรือ 2 คำ, ก็ต้องใจเย็น ๆ อย่าใจร้อน, อย่ากระฟัดกระเฟียดต่อว่าต่อขานตัวเองที่ฟังไม่รู้เรื่อง, ยอมทนฟังหลาย ๆ เที่ยวนี่แหละครับ คือหนทางฝึกที่ถูกต้องแล้ว
- -เรื่องต่อไปที่ผมขอเน้นเป็นพิเศษก็คือสมาธิในการฟัง คือว่า สำหรับคนที่เขาเก่งแล้ว คล่องแล้ว แม้เขาไม่ต้องตั้งใจหรือไม่ต้องใช้สมาธิมาก เขาก็ฟังรู้เรื่อง แต่สำหรับเราซึ่งยังไม่คล่อง เราจำเป็นต้องพึ่งสมาธิ เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่มีสมาธิหรือมีแต่สั้น ก็ยากที่จะฝึก listening ได้ดี, คือว่าหูกับปากนี่มันจะต้องช่วยเหลือกัน, คนไทยจำนวนมากที่ต้องการพูดเก่งโดยให้ปากทำงาน แต่ไม่ยอมฝึกหู ปากจึงทำงานอย่างไร้ผู้ช่วย ก็ยากครับที่จะพูดเก่ง
- -และที่ผมบอกว่าหลายคนก็พยายามฝึก แต่ฝึกอย่างผิดวิธี ก็คือว่า เมื่อฟังบทสนทนา หรือ dialog ในเว็บนี้แล้วไม่รู้เรื่อง ก็พยายามที่จะให้รู้เรื่องเร็ว ๆ โดยการอ่าน คือข้ามไป step 3 เลย, นี่แหละครับที่ผมบอกว่าฝึกผิด คือการฝึกฟังให้รู้เรื่อง หรือ listening skill เพื่อปูพื้นฐานให้ตัวเองสามารถพูดเพื่อเป็น speaking skill ได้, มันต้องเป็นการรู้เรื่องเพราะฟังด้วยหู, ไม่ใช่รู้เรื่องเพราะอ่านบทสนทนาด้วยตา
เพราะฉะนั้น ท่านจะเห็นได้ว่า เราต้องใจเย็น อดทน และมีสมาธิเต็มที่ต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของใจทั้งนั้นแหละครับ
[3] พอถึง step ที่ 2 ซึ่งเขามีคำถามให้คลิกตอบ 4 ข้อนั้น เขาก็ถามตรงไปตรงมาไม่ยาก รู้สึกว่าจะง่ายกว่าบทสนทนาที่ฟังซะอีก แต่ก็อย่างที่บอกไว้แล้ว, เราอย่าเพิ่งมาอ่านคำถาม-คำตอบที่ตรงนี้, เพราะถ้ามาอ่านซะก่อน หูของเราจะไม่ได้ออกกำลังมากพอในการฝึกฟัง
[4] ส่วน step ที่ 3 คือคลิกอ่านบทสนทนานั้น ตอนนี้เราก็ค่อย ๆ ละเลียดอ่านไปทีละคำ ทีละประโยค, เมื่อเข้าใจดีแล้ว ลองกลับไปคลิกฟัง ใน step ที่ 1 อีกครั้งก็ได้, ท่านจะรู้สึกว่า ท่านฟังได้รู้เรื่องมากขึ้น, แต่นี่เป็นการรู้เรื่องอันเกิดมาจากการอ่าน, ซึ่งในเว็บนี้ เขาไม่ได้ต้องการให้ท่าน start การฝึกด้วยการรู้เรื่องแบบนี้, เขาต้องการฝึกให้ท่านรู้เรื่องโดยใช้หู
ผมขอสรุปอีกครั้งนะครับว่า ทั้ง 34 บทในลิงค์นี้
เป็นการฝึกฟังบทสนทนา เพื่อให้สามารถพูดสนทนา ได้ดี โดยการ train หูของตัวเองให้ฟังโดยใช้สมาธิอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง ซึ่งจะมีประโยชน์มากต่อการพัฒนา speaking skill
ถ้าต้องการฝึกระดับที่ยากขึ้น ก็ไปที่นี่ครับ
Intermediate Listening Lessons
พิพัฒน์
คุยกับคุณครู: ตัวช่วยให้เรียนแกรมมาร์ได้เข้าใจง่าย ๆ และสนุก
สวัสดีครับ
ในเว็บ www.e4thai.com นี้ผมได้พยายามเสาะหา e-book ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สำหรับทั้งผู้เรียนและผู้สอนแกรมมาร์
e-book ภาษาไทย
- คลิกเข้าไปที่ลิงค์นี้ และเลื่อนลงมาดูที่หัวข้อ แกรมมาร์
e-book ภาษาอังกฤษ ให้ไว้หลายแห่ง เช่น
- ดาวน์โหลด หนังสือ Grammar Exercise 18 เล่ม – พร้อมเฉลยทุกข้อ
- Grammar
- e-book กว่า 100 เล่ม โดยความเอื้อเฟื้อของคุณรชญาญ์นันทน์ แพรขาว: ลิงค์ที่ 1
- e-book กว่า 30 เล่ม โดยความเอื้อเฟื้อของคุณรชญาญ์นันทน์ แพรขาว: ลิงค์ที่ 2
ตำราข้างบนนี้ เมื่อพลิกเข้าไปดูจะเห็นว่า ผู้แต่งพยายามอย่างมากที่จะทำให้เป็นตำราที่น่าใช้ แต่นั่นแหละครับ แกรมมาร์นั้นเป็นเรื่องของกฎเกณฑ์ ซึ่งปกติก็ไม่มีใครชอบถ้าไม่จำเป็น
เท่าที่พอนึกออกขณะนี้ ผมมีข้อสังเกตว่า มีลูกเล่นอีกอย่างน้อย 3 อย่างที่ผู้รู้ด้านแกรมมาร์พยายามทำให้แกรมมาร์เป็นเรื่องเข้าใจง่ายและสนุก คือ
[1] แทรกตลกเข้าไปในเนื้อหาแกรมมาร์ เช่นในตำราเล่มข้างล่างนี้
- Fun with Grammar
- Grammar with Laughter
- Grammar Land เล่มนี้แต่งเมื่อปี 1878 นี่เห็นชัดเลยว่า เด็กเบื่อเรื่องแกรมมาร์มาตั้งแต่โบร่ำโบราณแล้ว และครูก็พยายามทำให้เด็กรู้สึกว่าแกรมมาร์ไม่น่าเบื่อมาตั้งแต่โบราณเช่นกัน
[2] นำภาพ, animation, การ์ตูน ลวดลาย มาช่วยทำให้แกรมมาร์เข้าใจง่ายและสนุก
ลองเข้าไปดูที่บทความและเว็บข้างล่างนี้ครับ
- pinterest.com : แหล่งเข้าไปหา infographic มาใช้ในการเรียน-การสอน ภาษาอังกฤษ
- http://www.pinterest.com/pragmaticmom/grammar-fun/
- http://www.pinterest.com/angelahyon/make-grammar-fun/
[3] พยายามนำเรื่องยาว ๆ มาเขียนให้สั้น ๆ เน้นเรื่องที่ควรรู้ก่อน ส่วนรายละเอียดค่อยว่ากันทีหลัง, เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นคำอธิบาย, test, เกม, ไฟล์ pdf, แบบฝึกหัด, เขาจะทำสั้น ๆ ไปซะหมดทุกอย่าง เช่น จบในหน้าเดียว เทคนิคนี้รู้สึกว่ามีครูหลายคนใช้กัน เช่น
- http://www.grammar.cl/StudentGamesNotes.htm
- http://www.usingenglish.com/handouts/
- http://www.englishgrammar.org/lessons/
- roadtogrammar.com
[4] ใช้เกมสอนแกรมมาร์
- เล่นเกม Sentence Monkey
- เกม Grammar Gremlins
- เกม Word Invasion ฝึกยิง part of speech
- Grammar Games
- http://www.aasd.k12.wi.us/staff/boldtkatherine/ReadingFun3-6/ReadingFun_GrammarGames.htm
[5] เรียนแกรมมาร์กับ story, คลิปละคร นี่เป็นลักษณะที่ผมชอบที่สุด แต่หาได้ไม่บ่อยนัก
[6] Grammar ผ่านไฟล์ Flash และไฟล์ PowerPoint ซึ่งหาโดย Google Search,
ผมไม่แน่ใจว่า เราได้ลองค้นหากันด้วยวิธีนี้มากน้อยเพียงใด
แต่มันเป็นไฟล์ที่น่าสนใจ และนำไปใช้ในการสอนได้ดีทีเดียว
ทั้งหมดนี้ ผมนำมาเล่าสู่กันฟังครับ เผื่อคุณครูจะเกิดไอเดียแลกเปลี่ยนอะไรกันบ้าง
พิพัฒน์