Articles
อ่าน Chinese story เพื่อฟิตอังกฤษและประเทืองปัญญา
สวัสดีครับ
Story สอนใจที่คนไทยรู้จักดีที่สุด ผมเห็นว่ามี 2 ชุด คือ
ชุดที่ 1: นิทานชาดก
ภาษาไทยเช่น ที่เว็บนี้
นิทานชาดก | รวมนิทานมากที่สุดในไทย nithan.in.th
รวมนิทานชาดกชาติต่างๆของพระะุทธเจ้า
ลานธรรมจักร :: :: อ่าน - นิทานชาดกสนุกๆ ทั้งนั้น
ภาษาอังกฤษ เช่น ที่เว็บนี้
Buddhist Tales - Jataka Stories (Volume 1)
Buddhist Tales - Jataka Stories - Volume 2
Jataka Tales
The Illustrated Jataka & Other Stories of the Buddha
The Jataka, Volume I Index
Jataka: Part I -Part II -Part III -Part IV -Part V
Jataka: VOLUME I | VOLUME II | VOLUME III | VOLUME IV | VOLUME V | VOLUME VI
ชุดที่ 2: นิทานอีสป
ในเว็บนี้ได้รวบรวมไว้ที่ลิงค์นี้
นอกจากนี้ก็มี story อื่น ๆ อีกบ้าง เช่น ของ ลีโอ ตอลสตอย นิทานเซ็น เป็นต้น
อ่านเรื่องสั้นจากพุทธประวัติ,พระไตรปิฎก,ชาดก,เซ็น
Leo Tolstoy: 23 Tales
แต่มีstory จากอีกแหล่งหนึ่ง ซึ่งมีเสน่ห์ไม่แพ้เรื่องที่กล่าวมาแล้ว คือเรื่องจากประเทศจีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องโบราณของจีนซึ่งมีเนื้อหาทั้งสอนใจและประเทืองปัญญา
ความต่างระหว่างเรื่องของจีนกับชาดกและอีสปอยู่ตรงที่ว่า นิทานชาดกมาจากพระไตรปิฎกและคัมภีร์รุ่นหลัง และนิทานอีสปมาจากผู้ชายที่ชื่ออีสป แต่ Chinese story บันทึกอยู่กระจัดกระจายในวรรณคดีจีนโบราณ และผู้บันทึกก็หลากหลาย แหล่งต้นตอของ Chinese story จีนจึงไม่เกาะกลุ่มเหมือนชาดกและอีสป แต่ถ้าพูดกันในเรื่องเนื้อหา ผมมีความเห็นว่า เรื่องโบราณของจีนมีเสน่ห์บางอย่างที่อ่านสนุกมากกว่าเรื่องชาดกและอีสป ลองอ่านสามเรื่องนี้เป็นตัวอย่างก่อนครับ
ในอินเทอร์เน็ต มี story ภาษาอังกฤษของจีนมากมายให้อ่าน ผมขอแนะนำให้ท่านที่ต้องการพัฒนาทักษะการอ่าน ใช้ story เหล่านี้เป็นแบบฝึกหัด ซึ่งนอกจากจะได้ความสนุกแล้ว ยังได้คติสอนใจและมุมมองที่ฉลาดในการดำเนินชีวิตอีกด้วย แต่ว่า story จีนเหล่านี้ บางเรื่องก็สั้น บางเรื่องก็ยาว, บางเรื่องก็ง่าย บางเรื่องก็อาจจะยาก ผมขอแนะนำว่า ถ้าเรื่องที่ยากและยาวทำให้ท่านหมดขันติ ก็ให้เลือกเรื่องที่สั้นและง่าย และพยายามอ่านให้จบสักเรื่องหนึ่ง พออ่านจบได้หนึ่งเรื่อง ก็หาเรื่องสั้น ๆ อ่านให้จบอีกเป็นเรื่องที่สอง พยายามให้กำลังใจแก่ตัวเองโดยการหาเรื่องง่าย ๆ ที่อ่านจบ เมื่อทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ เราจะได้รับกำลังใจที่แท้จริง คือกำลังใจที่เราให้แก่ตัวเองจากความสำเร็จอันมาจากขันติวิริยะของตัวเอง ส่วนเรื่องยาวและยากเกินกำลังที่อ่านยังไงก็อ่านไม่จบ เราอย่าเพิ่งไปยุ่งกับมัน เพราะมันจะทำให้เราหมดกำลังใจ รอให้เราปีกกล้าขาแข็งค่อยคลิกเข้าไปอ่านก็ได้
เราเว็บข้างล่างนี้มี Chinese story หลาย ๆ แบบปนกัน ขอให้ท่านเลือกเรื่องที่เหมาะกับท่าน และฝึกอ่านกับเรื่องที่ท่านเลือกแล้ว แต่อย่าไม่เลือก-และอย่าไม่ฝึก เพราะนั่นคือการหันหลังให้ภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู
เชิญครับ...
Classical Chinese Story / Parable in Chinese and Englis
Tiger Son - An Ancient Chinese Tale
*A Collection Of Chinese Folk Tales (*และยังมีนิทานอื่น ๆ จากทั่วโลก)
Chinese folktales page! หนังสือ 3 เล่ม ๆ ละ หลายเรื่อง
Chinese Myths Legends, Chinese Folk Fairy Tales
พิพัฒน์
รวมศัพท์ 450 คำ ที่เป็นทั้ง noun และ verb
สวัสดีครับ
ที่ลิงค์นี้
http://www.enchantedlearning.com/wordlist/nounandverb.shtml
ได้รวมรวมศัพท์ประมาณ 450 คำ ที่เป็นทั้ง noun และ verb
ยกตัวอย่าง เช่น
Address n=ที่อยู่ v=เขียนชื่อที่อยู่ หรือจ่าหน้าซอง
Benefit n=ผลประโยชน์ v=เป็นประโยชน์
Cause n=สาเหตุ v=เป็นเหตุ
Flood n=น้ำท่วม v=ท่วม
เป็นต้น
โดยทั่วไป คำสองพยางค์ที่เป็นได้ทั้ง noun และ verb ถ้าเป็น noun จะลงเสียงเน้นหนักที่พยางค์แรกของคำ ถ้าเป็น verb จะลงเสียงเน้นหนักที่พยางค์หลังของคำ
ábstract abstráct
cóntest contést
récord recórd
désert desért
prógress progréss
éxploit exploít
cónduct condúct
íncrease incréase
cónflict conflíct
dígest digest
ที่มา: http://wantongnoon.blogspot.com/2012/09/stress.html
และเพื่ออำนวยความสะดวก ผมได้บริการคำแปลไว้ให้แล้ว ท่านดาวน์โหลดไฟล์ข้างล่างนี้ เมื่อวางเมาส์บนคำศัพท์ คำแปลจะปรากฏ ขอให้ท่านจับคู่ความหมายที่เป็น noun และ verb ตามที่ผมว่ามานี้ด้วยตัวเองแล้วกันครับ เพราะศัพท์แต่ละคำมีหลายความหมาย ท่านอาจจะตาลาย
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
การจำศัพท์แบบใส่ปุ๋ยมากเกินไปแต่ไม่พรวนดิน อาจทำให้ต้นศัพท์แกร็นตายได้
สวัสดีครับ
สมัยที่ผมเป็นนักเรียนและนักศึกษา ตำราภาษาอังกฤษที่มีขายมันไม่ได้เอาใจผู้เรียนมากเหมือนเดี๋ยวนี้ อย่างเช่น ตอนที่ผมอ่านหนังสือแกรมมาร์เพื่อเตรียมตัวสอบ entrance เข้ามหาวิทยาลัยเมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว ผมซื้อหนังสือข้อสอบเก่ามาดู เขาเฉลยว่าข้อใดถูกแต่ไม่ได้อธิบายว่าถูกเพราะอะไร ผมต้องไปดูตำราแกรมมาร์เพื่อหาคำอธิบายเอาเอง แต่หลังจากที่ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ไม่นาน ผมเห็นมีตำรามากมายที่อธิบายสิ่งที่ผมต้องค้นเอง เด็กสอบ entrance รุ่นหลังไม่ต้องเหนื่อยมากเท่ารุ่นผม
พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ผมบอกตัวเองว่าจะต้องอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษให้รู้เรื่องเหมือนหนังสือพิมพ์ภาษาไทยให้ได้ ยังจำได้เลยว่า ผมต้องนั่งตีความประโยคในข่าวภาษาอังกฤษของหนังสือพิมพ์ Bangkok Post และบ่อยครั้งที่ในประโยคหนึ่ง ๆ มันติดอยู่แค่วรรคเดียวแปลเท่าไหร่ก็ไม่ออก และในระยะต่อมาไม่นานนักผมเห็นมีนิตยสารและหนังสือที่มีประโยคข่าวภาษาอังกฤษตามด้วยคำแปลภาษาไทยให้ซื้ออ่าน นักศึกษารุ่นหลังไม่ต้องเหนื่อยอย่างที่ผมเหนื่อย
แต่กระนั้นทุกวันนี้ แม้จะมีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมายในการเรียนภาษาอังกฤษ แต่ทำไมผมกลับได้ยินปัญหาเดิม ๆ มากยิ่งขึ้น ทั้ง ๆ ที่มันควรจะน้อยลง ซึ่งผมขอสรุปเอาเองว่า เรามีเครื่องช่วยในการเรียนภาษาอังกฤษมากเกินไปจนเคยชินที่จะไม่ใช้สมอง
ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนกับการใส่ปุ๋ยเคมีให้แก่ต้นไม้ แม้จะมีประโยชน์ แต่การใส่ปุ๋ยเคมีติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้ดินเป็นกรด ถ้าใส่มากเกินไปอาจทำให้พืชตายได้ และการใส่ปุ๋ยอย่างเดียวนั้นไม่พอเพราะควรจะพรวนดินด้วย การพรวนดินมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ทำให้ดินร่วนซุย ระบายน้ำดีขึ้น และกำจัดวัชพืช แต่การพรวนดินคงจะเหนื่อยกว่าการใส่ปุ๋ย
ถ้าการจำศัพท์ให้ได้ หรือการอ่านภาษาอังกฤษให้เข้าใจ เป็นเป้าหมายเหมือนกับการปลูกต้นไม่ให้เติบโตปราศจากโรค เมื่อใส่ปุ๋ยเคมีก็ควรจะพรวนดินด้วย แม้ว่าการพรวนดินจะเหนื่อยกว่า การอ่านคำแปลศัพท์หรือการอ่านคำแปลเนื้อเรื่องแม้จะมีประโยชน์เพราะช่วยให้เรารู้เรื่อง แต่การนึกทบทวนความหมายศัพท์ที่ตกตะกอนอยู่ก้นสมอง และการหัดแปลเอง กลับเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งแม้จะเหนื่อยกว่าการดูเฉลย หรืออ่านคำแปลที่คนอื่นเขาทำสำเร็จรูปพร้อมใช้ไว้ให้เราซื้อ
เมื่อพูดอย่างนี้แล้ว ผมก็มีกิจกรรมมาฝาก เพื่อให้ท่านได้ออกแรงสมองพอให้เหงื่อตกในบ้าง คือคำศัพท์พื้นฐานที่หลายสำนักชื่อดังได้ทำออกมา หลังจากที่ท่านได้ดูศัพท์และคำแปลแล้ว ในตอนสุดท้ายก่อนที่ท่านจะวางเมาส์บนคำศัพท์เพื่อดูคำแปลของศัพท์แต่ละตัว ขอให้ท่านนึกก่อนว่าคำแปลของมันคืออะไร นี่เป็นการพรวนดินให้ต้นศัพท์งอกงาม แม้จะเหนื่อยบ้างแต่ก็คุ้มค่าเหนื่อย ไม่ใช่เอาแต่ใส่ปุ๋ยโดยการดูเฉลย ซึ่งต้นไม้ศัพท์ที่กะให้โตอาจจะแกร็นได้
♥Oxford Dictionary (3000 คำ)
ศัพท์:The Oxford 3000™ from the Oxford Advanced Learner's Dictionary
ศัพท์ +คลิกดูความหมาย: http://oald8.oxfordlearnersdictionaries.com/oxford3000/
ศัพท์+คำแปล:http://www.e4thai.com/e4e/images/pdf/EbookinTHAI/OXFORD_3000_words.pdf
ศัพท์+คำแปลเมื่อวางเมาส์:http://tinyurl.com/k8gbduz หรือ คลิกดาวน์โหลดไฟล์
♥Longman Dictionary (2000 คำ)
ศัพท์: http://www.pu-kumamoto.ac.jp/~rlavin/resources/wordlists/LongmanDefiningVocab.html
ศัพท์ +คลิกดูความหมาย: http://tinyurl.com/le4rlgd
ศัพท์+คำแปล:ศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 2,000 คำ ของ Longman Dictionary
ศัพท์+คำแปลเมื่อวางเมาส์: http://tinyurl.com/nc8tmg6 หรือ คลิกดาวน์โหลดไฟล์
♥VOA – สำนักข่าว Voice of America (1500 คำ)
ศัพท์: http://www.manythings.org/vocabulary/lists/l/words.php?f=voa
ศัพท์+คำแปลเมื่อวางเมาส์: http://tinyurl.com/mz84m46 หรือ คลิกดาวน์โหลดไฟล์
♥Webster's Learner's Dictionary (3000 คำ)
ศัพท์: 3,000 Words List (Webster's Learner's Dictionary)
ศัพท์+คำแปลเมื่อวางเมาส์: http://tinyurl.com/njj7psr หรือ คลิกดาวน์โหลดไฟล์
♥Ogden's Basic English Word List (850 คำ)
ศัพท์: http://www.manythings.org/vocabulary/lists/l/words.php?f=ogden
ศัพท์+คำแปลเมื่อวางเมาส์: http://tinyurl.com/ny6xcrf หรือ คลิกดาวน์โหลดไฟล์
ศึกษาเพิ่มเติมรวมโปรแกรมชั้นเยี่ยมในการพัฒนาคำศัพท์:
ดาวน์โหลด 23 โปรแกรมช่วยจำศัพท์ โดย อ. ยุทธนา
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
การศึกษาภาษาอังกฤษโดยไม่มีครู ด้วยการอ่านหนังสือ
สวัสดีครับ
เรื่องที่ผมจะคุยด้วยต่อไปนี้อาจจะเป็นเรื่องที่สามัญมาก ซึ่งใคร ๆ ก็รู้จนไม่จำเป็นต้องนำมาพูด แต่ผมก็อยากพูดเพราะเชื่อว่า มันเป็นเรื่องสามัญที่บางคนไม่อยากมอง หรือมองแล้วแต่ไม่เห็น คือเรื่อง การศึกษาภาษาอังกฤษโดยไม่มีครู ด้วยการอ่านหนังสือ
ถ้าเราเรียนภาษาอังกฤษโดยมีครูก็เป็นเรื่องดี ถ้าสงสัยก็ถามครู แต่ถ้าไม่มีครูเราก็ต้องเรียนกับหนังสือ แต่หนังสือพอเราเราสงสัยมันไม่ตอบ อันที่จริงหนังสือก็แต่งโดยครู แต่ครูเล่มเดียวยอมไม่สามารถบรรจุคำตอบข้อสงสัยอันหลากหลายของผู้เรียนไว้ได้หมด เมื่อหนังสือทำหน้าที่ได้น้อยลง ผู้เรียนกับหนังสือก็ต้องทำหน้าที่มากขึ้น ดังนี้
1.เลือกหนังสือเล่มดี ที่เราถูกใจ
เลือกอย่างไร?
หนึ่ง –เลือกจากเล่มที่ผู้หวังดีแนะนำไว้ สำหรับเว็บนี้ได้แนะนำไว้แล้วบ้าง ที่นี่
หาด้วยตัวเองในเว็บ e4thai.com:
วิธีการค้นหาเรื่องต่าง ๆ ในเว็บ www.e4thai.com
เว็บภาษาไทย:
เว็บภาษาไทย เข้าไปเรียนภาษาอังกฤษ
ตัวอย่าง blogspot.com สอนภาษาอังกฤษ
รวมเว็บสอนภาษาอังกฤษฟรีของทางราชการ
รวมบทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจหลายเรื่อง
เรียนภาษาอังกฤษกับ Facebook ไทย
รวมเว็บไทยสอนภาษาอังกฤษ ที่ผมคัดเลือกแล้ว
รวม ดาวน์โหลด ตำราภาษาไทย ใช้เรียนภาษาอังกฤษ (คนไทยแต่ง)
ตำราเรียนภาษาอังกฤษของรามคำแหงมีมากมายให้ดาวน์โหลด ที่นี่
เว็บภาษาอังกฤษ:
รวมเว็บ YouTube ครูฝรั่ง สอนภาษาอังกฤษ ฟรี
รวมดาวน์โหลด eBook, mp3, โปรแกรม ภาษาอังกฤษ ซึ่งใช้ในการฝึกภาษาอังกฤษ
ดาวน์โหลดหนังสืออ่านนอกเวลากว่า 150 เล่ม
ดาวน์โหลดหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ ฟรี ที่ 4shared.com
Top 100 English-Study Websites
สอง - จากหลากหลายเล่มที่ถูกใจผู้แนะนำ เราต้องเลือกเองอย่างน้อย 2 – 3 เล่ม ที่ดีและถูกใจเรา แม้จะต้องเสียเวลาเลือกก็ต้องยอมลงทุน เพราะกำไรที่เกิดขึ้นเราเองเป็นคนได้รับ
นี่เพียงข้อ 1 คือ “เลือกหนังสือเล่มดี ที่เราถูกใจ” บางคนก็เริ่มบ่นแล้วว่า มีตั้งเยอะแยะเลือกไม่ถูก ผมอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบคนเหล่านี้เหมือนกับคนที่ปวดอุจจาระแล้วบอกให้ส้วมเดินมาหา แทนที่จะเดินไปหาส้วม
บางคนเลือกได้เล่มที่ถูกใจแล้วหลายเล่ม หรือดาวน์โหลดไฟล์เก็บไว้มากมาย แต่แทบไม่เคยเปิดดูหรือคลิกดู ก็ไร้ประโยชน์อีกเช่นกัน การบอกตัวเองว่าว่างเมื่อไหร่จะเข้าไปดู มักเป็นข้อแก้ตัวที่ความขี้เกียจยกขึ้นมาอ้าง
2.อ่านด้วยสมาธิ ที่มากเป็นพิเศษ
ที่ผมเน้นว่าต้องมากเป็นพิเศษ ก็เพราะเราเรียนอยู่คนเดียว ไม่มีครูคอยกำกับ ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นเรียนคอยเชียร์ คนที่ควบคุมความคิดจิตใจของตัวเองไม่ได้แต่หวังโชคช่วย มักเดินไม่ถึงเส้นชัย เขามักบ่นว่าเดินไม่ไหว ทั้ง ๆ เส้นทางก็มีอยู่และตัวเองก็ยังมีแรงแต่กลับไม่ยอมเดิน หวังจะโบกรถที่วิ่งผ่านไปมา แต่รถเหล่านั้นก็รีบไปไม่มีคันไหนหยุดจอดรับ
เราต้องอ่านด้วยสมาธิ ที่มากเป็นพิเศษ คือต้องขยันเป็นพิเศษ อดทนเป็นพิเศษ และอ่านด้วยใจที่จดจ่อเป็นพิเศษ
3.ถ้าอ่านเที่ยวเดียวไม่รู้เรื่อง ก็ต้องอ่านหลายเที่ยว
ถ้าเราไม่ได้เป็นดอกบัวปริ่มน้ำที่ฟังธรรมครั้งเดียวเข้าใจทะลุแจ้ง แต่เป็นดอกบัวใต้น้ำที่ต้องฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกจึงจะเข้าใจ เราก็ต้องยอมรับสภาพและเพียรพยายามต่อไปไม่หยุด อย่าฆ่าตัวตายด้วยการบอกว่าเรื่องภาษาอังกฤษ เราเป็นบัวใต้โคลนตมรอถูกเต่าปลากัดกินเป็นอาหาร คนที่เกิดมาพิการยังไม่น่าสงสารเท่ากับคนที่ยอมแพ้ แต่โทษฟ้าโทษดินว่าลำเอียง
การศึกษาภาษาอังกฤษโดยไม่มีครู ด้วยการอ่านหนังสือ ซึ่งมี 3 ข้อ คือ
ข้อ 1.เลือกหนังสือเล่มดี ที่เราถูกใจ
ข้อ 2.อ่านด้วยสมาธิ ที่มากเป็นพิเศษ
ข้อ 3.ถ้าอ่านเที่ยวเดียวไม่รู้เรื่อง ก็ต้องอ่านหลายเที่ยว
ต้องทำทุกข้อ ห้ามขาดแม้แต่ข้อเดียว
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.