Articles
การสอนคําศัพท์ภาษาอังกฤษโดยใช้กลวิธีการเดาคําศัพท์จากบริบท
การสอนคําศัพท์ภาษาอังกฤษโดยใช้กลวิธีการเดาคําศัพท์จากบริบท
โดย ณัฏฐพล คุปต์ธนโรจน์ , บุษกร วิชชุลตา, กรรณิการ์ ช่อไม้ทอง
เอกสารชิ้นนี้ ให้เทคนิค 13 ข้อ ในการเดาคำศัพท์จากบริบทหรือข้อความที่แวดล้อม
เอกสารทั้งหมดมี 18 หน้า แต่ผมไฮไลท์ให้ท่านดูหน้า 5 - 8 ซึ่งเป็นคำอธิบายและตัวอย่างโดยตรง
ขอเรียนว่า คำอธิบายนี้จะให้ผลจริง ๆ ก็ต่อเมื่อท่านนำเทคนิคนี้ไปฝึกใช้ในการฝึกอ่านภาษาอังกฤษจริง ๆ ต่อเนื่องอยู่เรื่อย ๆ
ทฤษฎีและการฝึกปฏิบัติจะต้องไปด้วยกันครับ
→ การสอนคําศัพท์ภาษาอังกฤษโดยใช้กลวิธีการเดาคําศัพท์จากบริบท
แนะนำ Cambridge Advanced Grammar in Use, Second Edition, 2005
สวัสดีครับ
หนังสือ "Cambridge Advanced Grammar in Use, Second Edition, 2005 " ที่ขอแนะนำวันนี้ → คลิกดาวน์โหลด
เนื้อหาแบ่งออกเป็น 100 unit โดยใน 100 unit นี้แบ่งออกเป็น 14 หัวข้อหลัก เช่น Tenses, Modals, Linking Verbs เป็นต้น
แต่ละ unit จะแบ่งออกเป็น 2 หน้า, หน้าแรกเป็นคำอธิบายและตัวอย่าง, หน้าที่สองเป็น exercise, มีเฉลยอยู่ท้ายเล่ม
เมื่ออ่านดู Contents หรือสารบัญแล้วก็เห็นว่า ทุก unit ล้วนเป็นเรื่องที่น่ารู้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาในการพูดหรือการเขียนทั้งนั้น
แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ที่ชื่อเรื่องบอกว่า เป็น "Grammar in Use" ระดับ Advanced น่ะ มัน Advanced ยังไง
ผมจึงอดไม่ได้ที่จะนำคำอธิบายของ "Cambridge Advanced Grammar in Use" ไปเปรียนเทียบกับเนื้อหาในเว็บ English Grammar Today ซึ่งก็เป็นของ Cambridge เจ้าเดียวกันนี่แหละ → คลิกดู
และเมื่ออ่านดูจึงได้เห็นว่า ใน eBook นี้ เขาอธิบายและให้ตัวอย่าง 1 unit - 1 หัวข้อ จบภายใน 1 หน้าก็จริง แต่มันก็เป็นคำอธิบายที่กระชับและละเอียด อธิบายทุกแง่มุมในหัวข้อของ unit นั้น ๆ และดูจะละเอียดกว่าที่เว็บ English Grammar Today เสียอีก (ละเอียดมากไป จนอ่านแล้วงง !! ?? )
ขอยกตัวอย่างสัก 3 unit
unit 9: Future: be going to (หน้า 29/307 หรือหน้า 18)
→ เปรียบเทียบกับเว็บ English Grammar Today
unit 20: should, ought to, had better (หน้า 51/307 หรือหน้า 40)
→ เปรียบเทียบกับเว็บ English Grammar Today
unit 29: verbs + two objects (หน้า 69/307 หรือหน้า 58)
→ เปรียบเทียบกับเว็บ English Grammar Today
เอาเป็นว่า ท่านก็เลือกใช้เอาเองตามอัธยาศัยแล้วกันครับ
ถ้าท่านจะใช้ eBook ก็ขอแนะนำว่า ไม่ต้องอ่านไล่จาก unit แรกไปจน unit สุดท้าย เรื่องใดชอบ, สนใจ, หรือขัดข้อง ก็ศึกษาเรื่องนั้นก่อน โดยจะอ่านคำอธิบายก่อนทำ exercise, หรือทำ exercise ก่อนอ่านคำอธิบาย, หรือทำ exercise โดยไม่อ่านคำอธิบายก็ได้ตามใจท่าน
แต่สรุปว่า เนื้อหาของ Cambridge Advanced Grammar in Use ดีทีเดียวครับ
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th/
เรียนภาษาอังกฤษกับเว็บ australiaplus.com
สวัสดีครับ
เว็บ australiaplus.com ของออสเตรเลีย มีหน้า Learn English ให้คนทั่วโลกเข้าไปเรียนภาษาอังกฤษผ่านเน็ต เนื้อหาบางส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศออสเตรเลีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสอนภาษาอังกฤษให้แก่คนจากประเทศอื่นที่อพยพเข้าไปอยู่ที่ออสเตรเลีย และเนื้อหาบางส่วนก็นำมาจากเว็บสำนักข่าวอื่น ๆ เช่น AFP, BBC, CNN, Reuters เป็นต้น
- ลิงก์หลัก: http://www.australiaplus.com/international/learn-english/
- รวมบทความทั้งหมดจนถึง ณ วันนี้ (5 ตุลา 2017): https://goo.gl/cNMBdG
- ค้นโดย Google Search: https://goo.gl/JS1gCi
- Facebook: https://www.facebook.com/AustraliaPlusLearnEnglish/
ผมลองเข้าไปดูแล้วก็เห็นว่า มีเนื้อหาหลากหลาย ทั้งเรื่องศัพท์, สำนวน, วลี, การใช้ภาษา, คำแนะนำในการศึกษาภาษาอังกฤษ ฯลฯ แต่ละบทความเขียนง่าย ๆ ไม่ละเอียดลออนัก ซึ่งก็ดีไปอย่างหนึ่งเพราะจะได้รู้เฉพาะเรื่องเบื้องต้นก่อน
อันที่จริงความรู้หรือคำแนะนำที่เว็บนี้ให้ บางอย่างท่านสามารถหาอ่านได้จากเว็บไทย แต่การอ่านจากเว็บฝรั่งคุณภาพดีอย่าง australiaplus.com นี้มีประโยชน์ตรงที่ เราจะได้ฝึก reading skill, ถ้ามีคลิปก็ได้ฝึก listening skill, และได้รับความรู้แปลก ๆ ใหม่ ๆ มันอาจจะต้องใช้ความพยายามและสมาธิมากขึ้นสักหน่อย แต่ก็คุ้มค่ากับการลงทุนครับ
ผมสังเกตว่า เว็บนี้ไม่มีช่อง Search ให้ค้นหาเรื่องที่ต้องการรู้ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ท่านคลิกที่ลิงก์นี้
และพิมพ์คำค้นที่ท่านต้องการ ลงไปแทนคำว่า idioms เช่น
- site:www.australiaplus.com grammar
- site:www.australiaplus.com conversation
- site:www.australiaplus.com english verbs
ฝึก Reading กับ "Test Yourself"
สวัสดีครับ
ท่านผู้อ่านคงทราบแล้วนะครับว่า เว็บ นสพ. Bangkok Post นอกจากมีข่าวภาษาอังกฤษให้เราอ่านฟรี ยังมีหน้า Learning ซึ่งนำข่าวมาเขียนใหม่พร้อมไฟล์ audio ให้เหมาะกับการเป็นแบบฝึกหัด reading, listening และ vocabulary และยังแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ง่าย-ปานกลาง-ก้าวหน้า ให้คนเลือกฝึกได้ตามใจชอบ
ที่ลิงก์นี้ครับ → https://www.bangkokpost.com/learning/
แต่ที่ผมจะบอกเพิ่มเติมวันนี้ก็คือ มีบางข่าวที่มีแบบฝึกหัดให้ทำพร้อมเฉลยให้ตรวจ ซึ่งนี่มีประโยชน์มากสำหรับคนที่จะเตรียมตัวสอบภาษาอังกฤษประเภทต่าง ๆ เช่น สอบ entrance เข้ามหาวิทยาลัย, สอบโทเฟล, สอบโทอิค, หรือทำ test เล่นสนุก ๆ ก็ได้ โดยเนื้อหาข่าวจะเป็นเรื่องทันสมัย น่าสนใจ สำหรับคนรุ่นใหม่ และมีข่าวใหม่มาเพิ่มเรื่อย ๆ ณ วันนี้ (5 ตุลาคม 2560) มีประมาณ 40 ข่าว ขอเชิญท่านเข้าไปอ่านดูได้เลย มีประโยชน์มาก ๆ และไม่น่าเบื่อด้วยแหละครับ
→ https://goo.gl/Bua38M
ผมขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับการสอบ reading สักหน่อยนะครับ คือตอนที่ผมรับราชการผมสอบได้ทุนกระทรวงการต่างประเทศไปฝึกอบรม 4 ครั้งที่ประเทศเยอรมนี, นิวซีแลนด์, อินเดีย, และสวีเดน ทุกครั้งที่สอบภาษาอังกฤษก็มักจะมี 3 part คือ grammar & writing ซึ่งคะแนนนิดเดียว, ส่วนอีก 2 part คือ listening กับ reading คะแนนจะเยอะพอ ๆ กัน เท่าที่เคยได้ยินคนอื่น ๆ ที่ไปสอบบ่นเวลาเดินออกมาจากห้องสอบก็คือ grammar พอ "มั่ว" ได้, listening ซึ่งเป็นวิชาแรกที่ทดสอบ "ฟังไม่รู้เรื่อง", ส่วน reading "พอทำได้ แต่ทำไม่ทัน"
ผมมานึกทบทวนดูก็เห็นว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน คือถ้าอ่านโจทย์และเข้าใจได้ทันที ไม่งงและไม่ต้องตีความนานเกินไป, ก็จะทำได้ถูก - และทำได้ทัน, บางคนรู้ศัพท์แต่ตีความเนื้อเรื่องไม่ออก, เมื่อทำข้อหลังก็พะวงถึงข้อแรก, หรือถ้าย้อนกลับไปอ่านข้อความหรืออ่านคำถามอีกครั้งเพื่อตัดสินใจตอบใหม่ นี่ก็จะเสียเวลามาก ถ้าเป็นอย่างนี้หลายข้อก็มักลงท้ายด้วยการทำไม่ทัน เพราะฉะนั้นข้อที่ทำไม่ทันนี่แหละ อาจจะเป็น 5 ข้อ, 10 ข้อ, 15 ข้อ ก็ต้องใช้วิธีตอบมั่วจนครบก่อนหมดเวลา เผื่อฟลุ๊กโชคดีได้คะแนนเพิ่มอีกนิดหน่อย
เพื่อนถามว่าทำยังไงจึงจะทำข้อสอบได้ทัน ไม่ต้องมั่วส่งท้ายก่อนออกจากห้องสอบ ผมไม่มีคำตอบอะไรที่พิเศษเลยครับ เพราะว่าสิ่งที่ต้องใช้ในการทำข้อสอบ reading ไม่ว่าจะเป็นการรู้ศัพท์, การเดาศัพท์, การตีความ, การสรุปความ, การอ่านให้รู้เรื่องเร็ว ๆ, การฟันธงแง่มุมที่อ่านแล้วงงว่ามันควรจะขวาหรือซ้ายกันแน่ ฯลฯ ทักษะพวกนี้ไม่มี "ทางลัด" ให้เดินถึง, ไม่มี "เทพทันใจ" ให้ร้องขอ, ไม่มี "ปาฏิหาริย์" ให้อ้อนวอน, ไม่มี "ครูคนเก่ง" คนไหนอัดความเก่งของเขาให้เราได้ ทุกอย่างเราเองต้องทนฝึกต่อเนื่องยาวนาน และทุกทักษะที่ว่ามานี้มันก็จะค่อย ๆ เกิดขึ้นโดยเราไม่รู้ตัว, ที่ไม่รู้ตัวก็เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นปุบปับเร็วทันใจในชั่ว "ข้ามคืน" , แต่ถ้าเราอดทนฝึกได้นาน "ข้ามปี" เราก็จะเห็นมันเติบโตขึ้นในตัวเราโดยไม่มีข้อสงสัย
เรื่องนี้ใครคงช่วยใครไม่ได้ นอกจากแต่ละคนต้องช่วยตัวเอง ผมก็คงแนะนำได้เท่านี้แหละครับ แต่ถ้าท่านถามว่า มีอะไรให้ฝึกอ่านบ้าง โอ! อันนี้ตอบได้ง่ายมากครับ เพราะนอกจาก "Test Yourself" ที่ Bangkok Post Learning ซึ่งแนะนำในบทความนี้ ที่เว็บ e4thai.com ได้แนะนำลิงก์หรือมี eBook ให้ดาวน์โหลดเพียบ เข้าไปเลือกดูได้เลยครับ
แนะนำดิกดีให้คุณครูนำไปใช้สอนศัพท์เด็ก
♥ ดิกเล่มนี้มีศัพท์พื้นฐานแค่ 700 คำ แต่ที่เด่นเป็นเอกลักษณ์ก็คือ เขาใช้คำง่าย ๆ ประโยคสั้น ๆ พร้อมรูปภาพสวย ๆ อธิบายคำศัพท์ โดยมีตัวการ์ตูนหลายตัวเป็นผู้เล่นแสดง action เพื่ออธิบายคำศัพท์ ผมคิดว่าถ้าคุณครูนำภาพในดิกเล่มนี้ไปสอนศัพท์เด็ก ๆ แกคงจะชอบ
→ http://www.e4thai.com/e4e/images/pdf2/storybook_dictionary.pdf