Articles
เทคนิคการค้น what is the difference between XXX and YYY
สวัสดีครับ
ตอนผมมีปัญหาว่า ศัพท์ 2 คำมันมีความหมายต่างกันอย่างไร (เช่น fun กับ funny) หรือใช้ต่างกันอย่างไร (เช่น can กับ able to) ที่ปรึกษาแรกที่ผมเข้าไปหาก็คือ Learner’s dictionary ทั้งหลาย
Top-10 Learner's English Dictionaries free online
แล้วก็พิมพ์ดูทีละคำว่าดิกอธิบายอย่างไร และก็เปรียบเทียบ
การศึกษาในลักษณะนี้แม้จะดีแต่เราอาจจะเหนื่อยสักนิด เพราะเมื่อเปรียบเทียบแล้ว เราต้องมองให้ออกเองว่า มันต่างกันอย่างไร
ข้อจำกัดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ดิกจะอธิบายโดยประหยัดถ้อยคำอย่างยิ่ง มันจึงสั้นและไร้อารมณ์จนบางครั้งอ่านแทบไม่รู้เรื่อง
ตอนหลัง ๆ นี้ ผมจึงหาแหล่งที่ให้คำตอบอื่น ๆ โดยเข้าไปที่ Google และถามลงไปดื้อ ๆ ว่า
what is the difference between XXX and YYY
และก็มักจะได้คำตอบที่ต้องการ
เรื่องหนึ่งที่เราต้องนึกก็คือ ใน World wide web อันกว้างใหญ่ไพศาลนี้เรามิใช่เป็นคนแรกที่สงสัยในคำถามนี้ มีคนมากมาย post คำถามนี้ลงใน WWW และก็มีผู้รู้มากมาย post คำตอบไว้แล้วเช่นกัน เราก็เพียงเข้าไปดูคำตอบนั้น
คำตอบที่อยู่นอกดิกมันต่างจากที่เจอในดิกอย่างไร
1.มักจะยาวกว่า เพราะเขาไม่ถูกจำกัดด้วยพื้นที่เหมือนดิก
2.คำถามบางอย่างมีคำตอบได้หลายอย่าง ซึ่งหลายอย่างนี้อาจจะต่างหรือแย้งกัน หรืออาจจะถูกทั้งคู่ หรือถูกทุกข้อแล้วแต่คนชอบ (preference) แต่ถ้าไปหาในดิก เรามักจะได้คำอธิบายที่ค่อนข้างเด็ดขาดแน่นอน อะไรที่ยังโต้เถียงกันหรือฟันธงยังไม่ได้ ดิกมักไม่พิมพ์ไว้แต่นั่นอาจจะเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ถ้าเรารู้
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงหาคำตอบนอกเว็บดิกอยู่บ่อย ๆ เช่น
♥คำถามเกี่ยวกับ grammar terms เช่น
what is the difference between can and able to คลิก
ตัวอย่างคำตอบ: http://www.englishgrammar.org/difference-3/
what is the difference between due to and because of คลิก
ตัวอย่างคำตอบ 1: http://web.ku.edu/~edit/because.html
ตัวอย่างคำตอบ 2: http://www.quickanddirtytips.com/education/grammar/because-due-to-since-and-as
what is the difference between as well as and and คลิก
ตัวอย่างคำตอบ: http://answers.yahoo.com/question/index?qid=20090710212533AA5aiTq
what is the difference between must and have to คลิก
ตัวอย่างคำตอบ: “must” and “have to” - BBC
what is the difference between should and ought คลิก
ตัวอย่างคำตอบ: "Ought to" vs. "Should."?
♥ คำถามเกี่ยวกับ ความหมายของคำศัพท์ เช่น
what is the difference between fun and funny คลิก
ตัวอย่างคำตอบ: http://www.woodwardenglish.com/difference-between-fun-and-funny/
what is the difference between big and huge คลิก
ตัวอย่างคำตอบ: http://answers.yahoo.com/question/index?qid=20110120075653AAKhYoK
ผมขอแนะนำให้ท่านที่มีข้อสงสัยทำนองนี้ เข้าไปหาคำตอบด้วยวิธีนี้ดู บางทีทั้งคำถามที่เราเจอ อาจจะดีกว่าที่เราถามเอง และคำตอบที่เราได้ อาจจะกระจ่างกว่าที่เราคาดไว้ด้วยซ้ำ
อีกอย่างหนึ่ง เว็บที่ตอบคำถามเช่นนี้ อาจจะมีคำถามและคำตอบอื่น ๆ ในทำนองเดียวกับที่เราสนใจ ถ้าอย่างนี้ท่านก็จะได้เพลิดเพลินกับสิ่งที่ท่านชอบมากขึ้น
ลองเล่นดูนะครับ แถมอีก 1 ตัวอย่างทิ้งท้าย
what is the difference between he died and he was dead คลิก
ตัวอย่างคำตอบ:Difference between died and dead - English-test.net
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ดาวน์โหลดโปรแกรมดิก Newbury House Dictionary - คุณภาพดี/ขนาดเล็ก/น่าใช้
สวัสดีครับ
ผมเคยแนะนำท่านเรื่องซื้อดิกไว้ที่บทความนี้
จะซื้อดิก อังกฤษ – อังกฤษ สัก 1 เล่ม, เล่มไหนดี ?
ซึ่งสรุปได้ว่าดิกดีที่สุดในการเรียนภาษาอังกฤษ เท่าที่มีอยู่ในโลกขณะนี้ มีอยู่ 7 ยี่ห้อ คือ Oxford, Longman, Cambridge, Merriam-Webster, Macmillan, COBUILD และNewbury House
สำหรับยี่ห้อสุดท้าย คือ Newbury House ผมรู้สึกว่าสำหรับคนไทยอาจจะไม่ค่อยดังเท่ายี่ห้ออื่น แต่ผมเคยใช้แล้วขอรับรองว่าดี
Newbury House Dictionary, Edition 5 - เว็บ / ดิกเล่ม
และวันนี้ผมมีโปรแกรมดิก Newbury House Dictionary สไตล์ American English มาให้ท่านดาวน์โหลด ขนาดไฟล์บีบแล้วเหลือแค่ 10 MB เท่านั้นเอง ใช้ง่าย ผมไม่เคยเจอโปรแกรมดิกดังคุณภาพดีแต่ตัวเล็กอย่างนี้มาก่อนเลย อดไม่ได้จึงต้องนำมาฝากครับ
ตอนติดตั้งมันจะบอกว่าไม่มีเสียง-ไม่มีภาพ ซึ่งก็ดีไปอย่างหนึ่ง เพราะดิกจะเบา และเครื่องคอมฯไม่ต้องทำงานหนัก (ตอนติดตั้ง ให้ คลิก SETUP – Application – 59 KB)
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ประโยชน์ของการฝึกอ่านข้อสอบ TOEFL และภาษาอังกฤษยาก ๆ จาก Google
สวัสดีครับ
สิ่งที่ผมขอคุยด้วยวันนี้ เป็นเรื่องการฝึกอ่านข้อสอบ TOEFL และภาษาอังกฤษยาก ๆ จาก Google
ขอพูดเรื่องแรกก่อน
ตามที่ผมเข้าใจ เว็บต่าง ๆ ที่ต้องการให้คนเข้าไปดูเยอะ ๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บข่าว, เว็บความรู้, เว็บโฆษณา ฯลฯ เขาจะไม่เขียนให้อ่านยาก เพราะถ้ายากนักคนก็จะไม่อยากอ่าน เพราะลูกค้าของเว็บพวกนี้คือคนทั้งโลก ซึ่งทักษะการอ่านภาษาอังกฤษอาจจะไม่ได้สูงมากนัก
เมื่อพูดถึงข้อสอบ TOEFL เรามักจะรู้สึกว่ามันยาก อย่างเช่น reading เขาก็มีไว้เพื่อคัดเลือกคนที่สามารถอ่าน text เมื่อเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่สหรัฐฯ ไม่ใช่รับเข้าไปเป็นนักศึกษาแล้วต้องมาเริ่มฝึกอ่านกันตอนนั้น (การสอบเข้าเรียนปริญญาโทในมหาวิทยาลัยเมืองไทย ผมได้ยินมาว่าบางแห่งถ้าสอบภาษาอังกฤษไม่ผ่าน เขาไม่ตรวจวิชาอื่นเลย)
แต่แม้ว่าข้อสอบ TOEFL จะยาก สำหรับท่านที่ต้องการใช้การอ่านภาษาอังกฤษ เป็นเครื่องมือนำไปสู่ความรู้อันมากมายมหาศาลในโลกใบนี้... ความรู้ที่มาจากคนทั้งโลกซึ่งเขียนออกมาเป็นภาษาอังกฤษ... ผมเห็นว่า มันมีประโยชน์อย่างมาก ๆ ถ้าเราจะพยายามฝึกอ่านให้เข้าใจภาษาอังกฤษยาก ๆ .... คือยากระดับ TOEFL และถ้าเราอ่านได้ ความรู้ที่เราสามารถเข้าถึงมันก็จะ unlimited
ทั้งหมดทั้งมวลทั้งสิ้นนี้ไม่พ้นความพยายามถ้าเราฝึกซ้อมหนักและต่อเนื่อง เมื่อทักษะพัฒนาถึงระดับนั้นเหมือนว่าวติดลมบนแล้ว ก็จะสบายไม่ต้องพยายามมาก
แต่ก่อนที่ทักษะการอ่านจะสูงอยู่ตัว และอ่านเรื่องยาก ๆ ได้สบาย ๆ เราก็ต้องฝึกไม่หยุด และวัตถุที่ใช้ฝึกอ่านที่น่าสนใจมาก ๆ ก็คือ ข้อสอบ reading ของ TOEFL นี่แหละครับ
ในที่นี้ผมขอแนะนำให้ท่านลองเข้าไปฝึกอ่านที่ลิงค์และไฟล์ข้างล่างนี้ เมื่ออ่านเนื้อเรื่องจบแล้วก็ทำ test ที่ต่อท้ายด้วย
ลิงค์:1-2 -3 -4 - 5- 6- ไฟล์:1-2
ผมเองไม่เคยเรียนเมืองนอก ทุกวันนี้ก็ยังเป็นนักศึกษาภาษาอังกฤษ ผมมามอง ๆ ดูว่า อะไรคือความยากที่ทำให้เราอ่านภาษาอังกฤษไม่ค่อยรู้เรื่อง และจะเปลี่ยนความยากให้กลายเป็นความไม่ยากหรือความง่ายได้อย่างไร และจะมีตัวช่วยอะไรบ้างในเส้นทางการฝึกนี้
คำแนะนำง่าย ๆ สำหรับเพื่อนนักศึกษาภาษาอังกฤษด้วยกัน ก็คือ
♦-อ่านทุกวัน แม้วันที่ไม่มีเวลาอ่าน – ไม่มีแรง/ไม่มีอารมณ์จะอ่าน
♦-อ่านด้วยใจที่เป็นสมาธิ และเลือกสถานที่ที่ก่อให้เกิดสมาธิในขณะที่อ่าน
♦-อ่านแล้วพยายามจำ เพราะตอนทำข้อสอบซึ่งเขาถามถึงข้อความในเรื่อง จะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาอ่านอีกให้เสียเวลา
♦-ต้องมีสมาธิเพื่อสามารถใช้ logic คือตรรกะขณะที่อ่าน คือการคิดจากเหตุไปหาผล, จากผลย้อนกลับไปหาเหตุ และการลำดับเหตุการณ์ ก่อน – หลัง เพราะมันจะช่วยให้เราตีความคำศัพท์, ตีความประโยค หรือตีความทั้งย่อหน้า ที่อ่าน, ถ้าตีความไม่ได้หรือตีความไม่ดี ก็ทำให้เข้าใจผิดและทำข้อสอบผิด
♦-สำหรับเราซึ่งฝึกอ่านเพื่อความเข้าใจ ไม่ได้มีแรงกดดันเหมือนคนที่จะไปเข้าห้องสอบซึ่งต้องทำให้เสร็จก่อนหมดเวลา เราอาจจะไม่ต้องรีบร้อนอ่านให้รู้เรื่องเร็ว ๆ มากนักก็ได้ เพราะเรามีเวลาที่จะละเลียดอ่าน
♦-เว็บดิกชันนารีที่แสดงผลคราวเดียวจากหลาย ๆ database มีประโยชน์มาก เช่น ให้ความหมายธรรมดาของคำศัพท์, ให้ความหมายที่เป็น phrasal verbs, idiom, slang, technical terms ฯลฯ เพราะราอาจจะนึกถึงความหมายธรรมดาของคำศัพท์ที่เราติดขัด ทั้ง ๆ ที่มันอาจจะเป็นความหมายของ phrasal verbs หรือ idiom ก็ได้ เพราะฉะนั้น อาจจะต้องปรึกษาเว็บเหล่านี้ที่แสดงความหมายจากหลาย ๆ แหล่ง ในที่นี้ผมขอเสนอ 3 เว็บนี้ -1 -2 -3
ต่อไปเป็นเรื่องที่สองที่ผมอยากจะคุยในวันนี้ก็คือ การให้ Google Search หาเรื่องยาก ๆ มาให้อ่าน
คือตามปกติเมื่อเราพิมพ์คำค้นลงไปใน Google ผลการค้นที่ Google แสดงในลำดับต้น ๆ มักจะเป็นเว็บที่คนเข้าไปดูเยอะ ๆ แต่สิ่งที่ผมขอเรียนให้ทราบก็คือ เราสามารถบอกให้ Google แสดงผลการค้นแยกตามความยากของภาษาอังกฤษก็ได้ โดย step การค้นมีง่าย ๆ ดังนี้
{1}ไปที่ www.google.com
{2}พิมพ์คำค้นลงไป ในที่นี้ผมขอยกตัวอย่าง คำว่า great wall of china (กำแพงเมืองจีน)
{3}Enter
{4}Google จะแสดงผลการค้นตามความนิยมของเว็บที่เราค้น
{5}คลิก Search tools, คลิก All results, คลิก Reading level ตามภาพข้างล่างนี้
เมื่อคลิก Reading level แล้ว,ท่านจะเห็นว่า Google แสดงผลการค้นแยกระดับตามความง่าย-ยาก เป็น Basic (ระดับพื้นฐาน-ง่าย), Intermediate (ระดับปานกลาง) และ Advanced (ระดับสูง-ยาก) ตามภาพข้างล่างนี้
{6}ถ้าท่านต้องการฝึกอ่านภาษาอังกฤษที่ง่าย ๆ ก็คลิก Basic แต่ถ้าต้องการฝึกอ่านภาษาอังกฤษระดับสูงซึ่งยากขึ้น ก็คลิก Advanced, Google ก็จะแสดงเว็บซึ่งมีภาษาอังกฤษ ง่าย-ยาก ตามที่ท่านคลิก
ดูตัวอย่างข้างล่างนี้ครับ
great wall of china คลิก
Results by reading level for great wall of china:
35% |
||
63% |
||
2% |
Thai politics คลิก
Results by reading level for Thai politics:
4% |
||
94% |
||
1% |
ภาษาอังกฤษที่ Advanced นี้มีประโยชน์อย่างน้อย 2 อย่าง คือ
1.สำหรับท่านที่ต้องการฝึกอ่านเรื่องยาก ๆ สำหรับเตรียมตัวไปสอบ TOEFL หรือ IELTS
2.เรื่องที่ใช้ภาษาอังกฤษยาก ๆ มีหลายเรื่องที่เขียนโดยนักวิชาการซึ่งเป็นเรื่องหนัก ๆ ให้ข้อมูลที่ลึกและละเอียด แต่ถ้าใช้วิธี Search แบบธรรมดา มันอาจจะไม่มีโอกาสอยู่ในลำดับต้น ๆ ที่ Google โชว์ จึงอาจจะเป็นของดีที่เราไม่รู้จัก
ผมขอสรุปว่า ขอให้ท่านที่รักในการแสวงหาความรู้ พยายามฝึก reading skill ให้เข้มแข็งบึกบึน และทักษะนี้จะเป็นอัญมณีที่สร้างความสง่างามให้แก่ชีวิต ไม่ว่าท่านจะมีใบรับรองผลการสอบ TOEFL, IELTS, TOEIC หรือไม่มีก็ตาม
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ฟิตการพูดด้วยการอ่าน Longman Mini-Dictionary ทั้งเล่ม 35 หน้าให้จบภายใน 1 เดือน
รวม ทั้ง 3 เล่ม:
ดาวน์โหลด Mini-Dictionary ระดับ Beginner ของ Longman (35 หน้า) คลิกที่นี่
ดาวน์โหลด Mini-Dictionary ระดับ Pre-Intermediate ของ Longman (59 หน้า) คลิกที่นี่
ดาวน์โหลด Mini-Dictionary ระดับ Intermediate ของ Longman (78 หน้า) คลิกที่นี่
*******
สวัสดีครับ
Longman Mini-Dictionary ระดับ Beginner เล่มที่ผมนำมาให้ท่านดาวน์โหลดในวันนี้ ตั้งแต่หน้าแรกที่ขึ้นต้นด้วยตัว A ไปจนถึงหน้าสุดท้ายตัว Z มีเพียง 35 หน้า
คลิกดาวน์โหลด Longman Mini-Dictionary
ทุกคำในดิกเล่มนี้เป็นศัพท์พื้นฐานทั้งสิ้น ซึ่งก็มีไม่กี่คำหรอกครับหน้าตาในเล่มเป็นอย่างนี้ คลิกดู
ผมขอชวนท่านอ่านเล่น ๆ ให้จบภายใน 1 เดือน, อ่านเพียงวันละ 1 หน้าเศษ ๆ เท่านั้นแหละครับ
สาเหตุที่ชวนไม่ใช่เพราะว่าท่านจะได้รู้ศัพท์เพิ่ม เพราะผมเชื่อว่าท่านรู้ศัพท์พวกนี้หมดทุกคำหรือเกือบทุกคำแล้ว แต่ที่ชวนก็เพราะว่าท่านสามารถใช้ศัพท์เหล่านี้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของท่านด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้ครับ
{1} ให้ท่านดูเฉพาะที่คำศัพท์สีฟ้า เมื่อดูแล้วท่านลองตอบด้วยตัวเองซิว่า ถ้าท่านต้องให้ความหมายเป็นภาษาอังกฤษง่าย ๆ ท่านจะพูดว่ายังไง?
{2}เมื่อนึกแล้ว (อาจจะนึกไม่ค่อยออก) ก็ให้ดูว่าดิก Longman เขาให้ความหมายไว้ว่าอย่างไร ให้อ่านช้า ๆ เสียงดังให้ตัวเองได้ยินชัด ๆ สัก 3 – 4 เที่ยวหรือมากกว่านี้ก็ได้
คำศัพท์หลายคำ Longman ก็ให้ความหมายไว้ง่าย ๆ เช่น
Begin ให้ความหมายว่า to start
Pair ให้ความหมายว่า two things together
บางคำก็ให้ความหมายไว้ยาวหน่อย เช่น
Football ให้ความหมายว่า the game between two teams who try to kick a ball into a net
Love ให้ความหมายว่า to have a very strong pleasant feeling for someone และ to enjoy something very much
{3}คราวนี้ พูดออกมาดัง ๆ ชัด ๆ ให้ตัวเองได้ยินว่า ท่านจะให้ความหมายของศัพท์คำนี้ว่าอย่างไร ท่านอาจจะพูดโดยใช้สำนวนภาษาของตัวเอง หรือจะ copy มาจาก Longman ก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่า ตอนที่พูดอย่าเหลือบตาไปดู, จะ copy มาพูดก็ได้, แต่นาทีที่พูด-ห้ามดู, ถ้าจำไม่ได้ ก็อนุญาตให้เหลือบตาไปดูและอ่านอกเสียงหลาย ๆ เที่ยว, แต่ตอนที่พูดเอง-ห้ามดู
ท่านไม่ต้องกังวลหรอกครับว่าจะให้ความหมายผิดเพี้ยนจากที่เขียนไว้ในหนังสือ เอาเป็นว่า ถ้าพอให้ความหมายรู้เรื่องก็ถือว่าใช้ได้ และทางที่ดีถ้าได้ฝึกร่วมกับเพื่อนก็น่าจะได้ผลมากขึ้น
{4}ส่วนศัพท์หลาย ๆ คำที่มีประโยคตัวอย่าง ถ้าจะให้ดีผมก็ขอแนะท่านให้พูดออกเสียงประโยคตัวอย่างด้วย และก็ให้สังเกตสไตล์ของประโยคด้วย หรือถ้าสังเกตอะไรไม่ออก ก็เพียงแต่จดจำรูปแบบประโยคนี้ไว้ เพราะมันจะเป็นประโยชน์เวลาที่เรานึกแต่งประโยค
ผมขอรับรองว่า เมื่อท่านอ่านดิก Longman เล่มนี้จบจบตามวิธีที่ผมพูดมานี้ ภายใน 1 เดือนกว่า ๆ ภาษาอังกฤษของท่านจะดีขึ้นเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพูดสนทนา หรือเล่าเรื่อง ผมไม่รู้หรอกว่าการฝึกแบบนี้ถูกต้องตามทฤษฎีหรือเปล่า แต่ผมเชื่อเต็มที่ 100 % ว่ามันได้ผล และมันก็แค่ 35 หน้าเท่านั้นเองครับ
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ดาวน์โหลด 400 MUST HAVE WORDS FOR THE TOEFL: หนังสือดีเพื่อเตรียมสอบ TOEFL
สวัสดีครับ
หนังสือ 400 MUST HAVE WORDS FOR THE TOEFL ที่นำมาให้ท่านดาวน์โหลดวันนี้ เป็นหนังสือดีที่ช่วยท่านเตรียมตัวด้านคำศัพท์เพื่อการสอบ TOEFL
ในเล่มแบ่งเป็น 40 lesson, แต่ละ lesson มีศัพท์ 10 คำ, รวมศัพท์ทั้งสิ้น 400 คำ, แต่วิธีที่น่าสนใจมาก ๆ ก็คือแต่ละ lesson เขามีวิธีที่ทำให้เราคุ้นเคยกับคำศัพท์ โดย
1.อธิบายความหมายของศัพท์ด้วยภาษาง่าย ๆ ตรงไปตรงมา พร้อมประโยคตัวอย่าง
2.มี 3 แบบฝึกหัดให้ทำ คือ
แบบฝึกหัดที่ 1: จับคู่ศัพท์กับความหมาย
แบบฝึกหัดที่ 2: ให้ประโยคมา 1 ประโยค และให้วงกลมเลือก คำศัพท์ 1 ใน 2 คำที่ถูกต้อง
แบบฝึกหัดที่ 3: ให้อ่านเรื่องสั้น ๆ ที่มีศัพท์ 10 คำประจำบทปนอยู่ ทำนองเรื่องที่เราจะเจอในข้อสอบ TOEFL และให้ตอบคำถามสไตล์เดียวที่เราจะเจอเมื่อเข้าสอบจริง
ทุก lesson มีเฉลยท้ายบท
สำหรับท่านที่เตรียมตัวสอบ TOEFL ผมขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้ศึกษา แต่สำหรับท่านที่ไม่ได้เตรียมสอบ TOEFL ผมก็ขอแนะนำเป็นพิเศษให้ท่านลองอ่านเนื้อเรื่องในแบบฝึกหัดที่ 3
เรารู้ว่าข้อสอบ TOEFL เขามีไว้เพื่อคัดคนเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่สหรัฐฯ แต่สำหรับท่านที่ไม่ได้ไปเรียนที่สหรัฐฯ ถ้าท่านสามารถอ่านภาษาอังกฤษในความยากระดับ TOEFL นี่ก็เป็นตัววัดง่าย ๆ ว่า ท่านสามารถอ่านตำราเล่มเดียวกับเล่มที่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยสหรัฐฯเขาใช้เรียนกัน
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.