Articles
กฎทองคำ 3 ฝึก:ฝึกฟังเรื่องง่ายๆ, ฝึกอ่านเรื่องง่าย ๆ, ฝึกพูดประโยคง่าย ๆ
สวัสดีครับ
เท่าที่เคยสังเกตเพื่อนร่วมงาน หลายคนที่อยากพูดภาษาอังกฤษแต่พูดไม่ได้ มักบอกสาเหตุสำเร็จรูปที่ทำให้พูดไม่ได้ว่า เพราะไม่มีโอกาสเรียนกับครูเก่ง ๆ(เหมือนคนอื่น ๆ), เพราะไม่ได้ไปเรียนเมืองนอก(เหมือนคนอื่น ๆ), และเพราะไม่มีโอกาสทำงานที่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ(เหมือนคนอื่น ๆ) สิ่งที่เพื่อนของผมพูดนี้ล้วนถูกต้อง แต่มันเป็นส่วนเดียวของภาพทั้งหมด คือส่วนของคำถามที่เขาเจอมาจริง ๆ
แต่มันยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เขายังไม่ได้พูด คือส่วนของคำตอบที่ยังไม่มีเฉลย และผมอยากจะบอกเพื่อนว่า ถ้าเพื่อนรอให้มีครูมาเฉลย เพื่อนจะไม่มีวันได้รับคำตอบ เพราะว่าคำถามนี้เพื่อนต้องเฉลยเอง ไม่มีใครมาเฉลยให้เพื่อนหรอก
คำตอบที่เพื่อนต้องลงทุนหา คือการฝึกจนทำได้เอง และกฎทองคำ ๓ ข้อที่เพื่อนต้องฝึกเองจนทำได้คล่องก็คือ
(๑)ฝึกฟังเรื่องง่ายๆ
(๒)ฝึกอ่านเรื่องง่าย ๆ และ
(๓) ฝึกพูดประโยคง่าย ๆ
ด้วยการฝึก ๓ เรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อนก็จะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องโดยไม่ต้องสงสัย ผมขอขยายความสักนิดนะครับ
ฝึกข้อที่ ๑ ฟังเรื่องง่าย ๆ
ต้องฟังแล้วจึงพูด คือฝึกพูดตามหลังการฝึกฟัง อย่าฝึกพูดโดยไม่ได้ฝึกฟัง และท่านต้องฝึกฟังเรื่องง่าย ๆ ที่ท่านพอจะรู้เรื่องบ้าง ถ้าท่านฟังแล้วไม่รู้เรื่องเลย นี่แสดงว่าเรื่องที่ฟังยากเกินไปไม่เหมาะที่จะใช้ฝึกฟัง ต้องหาเรื่องใหม่ หาไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอเรื่องที่ฟังรู้เรื่อง ถ้าทั้งเรื่องยาวเกินไปก็หาประโยคที่ฟังแล้วรู้เรื่อง ถ้าทั้งประโยคยาวเกินไปก็หาเป็นคำ ๆ ที่ฟังแล้วรู้เรื่อง และฝึกฟังกับคำเหล่านี้, ประโยคเหล่านี้, เรื่องเหล่านี้ ทั้งคำ-ประโยค-และเรื่องที่ง่าย ๆ พอฟัดพอเหวี่ยงกับหูของท่านนี้ ท่านควรลงทุนหาเอาเอง อย่าได้ไหว้วานหรือขอร้องหรือบังคับให้ใครหามาประเคน หรือถ้าท่านโชคดีมีคนมาเสริฟให้ถึงหู ท่านก็ต้องฝึกฟังจนจับได้ว่า คำไหน ประโยคไหน หรือเรื่องไหน ที่มันสมพงศ์กับหูของท่าน และฝึกฟังเยอะ ๆ ให้ช่ำชอง เมื่อชำนาญแล้วท่านก็จะขยับระดับให้สูงขึ้นเองโดยไม่ต้องให้ใครบอก เพราะท่านจะขี้เกียจฟังเรื่องง่าย ๆ ที่ไม่สมศักดิ์ศรีหูอีกต่อไป
ฝึกข้อที่ ๒ อ่านเรื่องง่าย ๆ
ระดับไหนเรียกว่าง่ายก็ใช้วิธีเลือกเหมือนหาเรื่องมาฟัง การอ่านเรื่องที่ยากเกินไปจะทำให้ท่านเพลียสมอง และไม่มีแรงเหลือไปจดจำหรือสังเกตถ้อยคำที่จะนำมาใช้ในการพูด แต่ถ้าเป็นเรื่องง่าย ๆ อ่านปั๊บจำได้ปุ๊บ คำศัพท์และลีลาประโยคที่ท่านอ่านและจำได้นี้ จะกลายเป็นกระสุนให้ท่านหยิบเอาไปพูดเหมือนยิงปืนได้เร็วดังใจ เพราะฉะนั้นยิ่งอ่านเรื่องง่าย ๆ เหมือนเคี้ยวอาหารนิ่ม ๆ ให้กระเพาะย่อยได้เร็ว ๆ ท่านก็จะมีพลังงานเป็นกระสุนสำรองไม่หมดง่าย ๆ เอาไปใช้ในการพูด
ฝึกข้อที่ ๓ พูดประโยคง่าย ๆ
การฝึกฟังเรื่องง่าย ๆ อ่านเรื่องง่าย ๆ และฝึกพูดประโยคง่าย ๆ นี้ ท่านสามารถฝึกไปได้พร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการพูด ท่านสามารถฝึกพูดคนเดียวได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะพูดผิด ทำไมถึงไม่ต้องกลัวผิด? ท่านพูดผิดได้ยากก็เพราะว่า เมื่อท่านฟังจนชินหู เมื่อถึงเวลาที่เปล่งเสียงพูด ท่านก็จะพูดตามที่หูได้ยิน เพราะฉะนั้นการฟังเรื่องง่าย ๆ จนชินหูจะเป็นเหมือนครูที่ประคองปากของท่านให้พูดไม่ผิด ท่านอย่าลืมว่าปากห่างจากหูนิดเดียว เรื่องที่หูได้ยิน ปากก็ได้ยินด้วย
และท่านก็ไม่ต้องกลัวว่าจะพูดผิดศัพท์หรือลีลาของภาษาอังกฤษ เพราะเรื่องง่าย ๆ ที่ท่านอ่านจนอิ่มตาอิ่มสมอง ไม่ว่าจะเป็นคำบอกเล่าหรือคำสนทนา ก็จะช่วยพาให้ปากของท่านพูดไปตามนั้น และเช่นกันครับ เรื่องง่าย ๆ ที่ท่านอ่านจนชินตาจะเป็นเหมือนครูที่ประคองปากของท่านให้พูดไม่ผิด ท่านอย่าลืมว่าตาก็ห่างจากปากนิดเดียว เรื่องที่ตาเห็น ปากก็เห็นด้วย
ในเว็บนี้มีเรื่องง่าย ๆ มากมายให้ท่านฝึกฟังด้วยหู, ฝึกอ่านด้วยตา, และฝึกพูดด้วยปาก แต่เรื่องใดที่ง่ายพอฟัดพอเหวี่ยงและสมพงศ์กับท่าน ท่านต้องยอมลงทุนเข้าไปหาเองครับ
ที่ ๓ ลิงค์นี้
Listening - Reading - Speaking
ถ้าจะให้ผมเลือกตามที่ผมเห็นว่าง่ายมาก ๆ ก็น่าจะเป็นที่นี่
- ฝึก ฟัง – พูด ภาษาอังกฤษ ทีละคำ ทีละประโยค
- ดาวน์โหลด 100 story ง่ายสุด ๆ เพื่อฝึกฟังพร้อมอ่านภาษาอังกฤษ
- ฝึกฟังและอ่าน - ภาษาอังกฤษ - ง่าย ๆ
- ห้องอ่านข่าว – ฟังข่าว ของเว็บ e4thai.com
- ดาวน์โหลด Story เกือบ 2,000 เรื่อง เพื่อฝึกฟังและอ่านตาม (ไม่ยากครับ !!)
- ดาวน์โหลดหนังสืออ่านนอกเวลาภาษาอังกฤษ แปลศัพท์ไทย หน้าต่อหน้า
- ดาวน์โหลดหนังสืออ่านนอกเวลากว่า 150 เล่ม
แต่ถ้ามันยังไม่สมพงศ์กับท่าน ท่านต้องยอมลงทุนหาเอง เรื่องการหาสื่อในการฝึกภาษาอังกฤษนี่นะครับ ไม่ต่างจากการหาคู่แต่งงานเลยครับ คือเราต้องหาเอง ให้คนอื่นหาให้มันถูกใจยากครับ
ผมไม่ขอรับรองหรอกครับว่า วิธีที่ผมแนะนำนี่ถ้าท่านนำไปฝึกใช้แล้วมันจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน ผมบอกได้แต่เพียงว่า ในฐานะคนรุ่นเก่า ที่เรียนภาษาอังกฤษมาในโรงเรียนอย่างแบบเก่า ๆ โดยไม่มีโอกาสเรียนกับครูฝรั่ง ไม่มีโอกาสไปเรียนเมืองนอก ไม่มีเพื่อนร่วมงานเป็นชาวต่างประเทศ ไม่เคยมีแฟนเป็นฝรั่ง ฯลฯ แต่ก็ต้องใช้การพูดภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือในการทำมาหากินมาหลายปี ก็ด้วยการฝึก ๓ ฝึกตามวิธีที่เล่ามานี่แหละครับ ผมจึงเชื่อว่า ท่านก็น่าจะฝึกได้ผลบ้าง ไม่มากก็น้อย ผมขออวยพรให้ท่านทำสำเร็จครับ
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
แนะนำ 20 แบบฝึกหัดแกรมมาร์น่าลองทำดู
สวัสดีครับ
วันนี้ผมขอแนะนำ แบบฝึกหัดแกรมมาร์ 20 ชุด ๆ ละ 10 ข้อให้ท่านลองทำดู
ความยากอยู่ในระดับปานกลางและระดับยาก เมื่อทำจบจะมีเฉลย ถูก/ผิด แต่ไม่มีคำอธิบาย
ที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.myfirstbrain.com/student5_10.aspx
การทำแกรมมาร์ในลักษณะนี้มันน่าท้าทาย เพราะเราไม่รู้ว่าเรากำลังถูกทดสอบเรื่องอะไร
ผมลองรวบรวมสาเหตุที่เราทำผิด น่าจะมีดังต่อไปนี้
1.เราจำกฎไม่ได้
2.เราจำกฎได้ แต่ไม่แน่ใจ เช่น ควรจะใช้ present simple หรือ present continuous tense นี่แสดงว่าเรายังรู้จักกฎไม่กระจ่าง พอถูกถามเลยลังเลไม่แน่ใจ หรืองงง่าย
3.แกรมมาร์บางเรื่องไม่มีกฎ แต่เป็นเรื่องที่ฝรั่งเขาใช้กันอย่างนั้น แต่เราก็จำไม่ได้ว่าอย่างนั้นมันอย่างไหน ก็เลยทำไม่ได้
4.มีศัพท์ยากที่จำเป็นต้องรู้อยู่ในโจทย์ แต่เราไม่รู้ศัพท์คำนั้น ก็เลยทำไม่ได้
ผมจึงอยากแนะนำว่า
♥ให้ท่านมีสมุดโน๊ตเล็ก ๆ ติดตัวไว้ และจดไว้ว่า เรื่องอะไรที่ท่านทำผิดเช่น
ประโยค 3 แบบที่ใช้If , passive voice, tenses ฯลฯ และเมื่อมีเวลาก็ไปเปิดตำราทบทวน หรือเปิดดิกเพื่อหาความกระจ่างในความหมายหรือการใช้คำ ถ้าไม่ทำอย่างนี้ เราจะทำผิดซ้ำผิดซาก
♥ท่านน่าจะมีตำเราแกรมมาร์ดี ๆ สัก 1 เล่มติดไว้ที่บ้าน ซึ่งผมเคยแนะนำไว้ที่ลิงค์นี้ คลิก
♥ส่วนดิก ดี ๆ ที่มีไว้หาคำอธิบายนั้น มีหลายเว็บฟรีให้เข้าไปค้น ท่านจะดูที่ Oxford ที่คอลัมน์ซ้ายมือของเว็บ e4thai.com นี้ก็ได้
♥ในกรณีที่ท่านลองมั่วดูและถูก จึงไม่รู้ว่าถูกเพราะอะไร ท่านก็ควรจะโน๊ตไว้เพื่อเก็บไปค้นคว้าเพิ่มเติมเช่นกัน เพราะคราวหน้าถ้าโชคไม่ดีอาจจะมั่วผิด
♥ส่วนที่ผิดเพราะจำไม่ได้ ก็ควรโน๊ตไว้เพื่อตอกหมุดย้ำใส่สมอง เจออีกคราวหน้าจะได้ไม่ลืม
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ขอลางาน 9 - 20 มีนาฯ ครับ
เรียนท่านผู้อ่านทุกท่าน
คราวนี้ลาจริง ๆ แล้วครับ วันที่ 9 – 20 มีนาคม ผมเดินทางไปเป็นล่ามในการประชุมที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ แต่ถ้าปลีกจากงานได้ตอนค่ำและที่ห้องโรงแรมมี WiFi ให้ใช้ ก็อาจจะ post อะไรมาคุยบ้าง ช่วงที่ผมไม่อยู่นี้ ขอเชิญให้ทุกท่านเข้าไปคุ้ย ๆ รื้อ ๆ ดูใน www.e4thai.com น่าจะมีหลายเรื่องที่ท่านยังไม่ได้อ่าน หรืออ่านแต่ลืมไปแล้ว กลับจากเชียงใหม่แล้วค่อยเจอกันนะครับ
พิพัฒน์
แนะนำหนังสือ“WITHOUT and WITHIN” ที่เจอในห้องพักโรงแรม
สวัสดีครับ
หัวข้อการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “Competency-Based Curriculum Design and Development” ที่ผมไปเข้าร่วมที่เชียงใหม่ระหว่างวันที่ 9-20 มีนาคม นี้ มันเป็นเรื่องทางเทคนิคมาก ๆ จนผมไม่รู้จะหยิบอะไรมาคุยกับท่านผู้อ่าน วันนี้ผมขอคุยเรื่องนี้แทนแล้วกันครับ
ปกติเมื่อเข้าห้องพักในโรงแรมในเมืองไทย ผมจะเจอหนังสือ 2 เล่มในลิ้นชักข้างหัวเตียงนอน คือ Bible ของคริสต์ และ The Teaching of Buddha จากญี่ปุ่น แต่คราวนี้ผมเจอเพิ่มมาอีก 1 เล่ม คือ “WITHOUT and WITHIN” ซึ่งเรียบเรียงโดยท่านพระอาจารย์ชยสาโร พระฝรั่งลูกศิษย์หลวงพ่อชา และหนังสือเล่มนี้ยังสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีที่นี่
หนังสือเล่มนี้เป็นลักษณะถาม-ตอบเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทจากมุมมองของพระสงฆ์ชาวอังกฤษซึ่งมาบวชในเมืองไทย และได้รับอิทธิพลจากคำสอนของหลวงพ่อชาและท่านพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) โดยแบ่งออกเป็น 7 หมวด คือ
1. The Buddha (ข้อที่ 1-9)
2.Dhamma (ข้อที่ 10-44)
3. Sangha (ข้อที่ 45-61)
4. Buddhist attitudes (ข้อที่62-76)
5. Buddhism in Thailand (ข้อที่ 77-93)
6. The path of practice แบ่งออกเป็น
Dana (Giving) (ข้อที่ 94-96)
Sila (Morality)(ข้อที่ 97-102)
Bhavana (Mental cultivation) (ข้อที่ 103-120)
7. Buddhist resources (ข้อที่ 121-125)
ใน ถาม-ตอบ 125 ข้อนี้ ผมลองอ่านดูแล้วบางข้อ น่าอ่านมาก ๆ เลยครับ แต่ละข้อจบในหน้าเดียวหรือ 2 หน้า
ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ท่านที่สนใจธรรมะและภาษาอังกฤษได้อ่านครับ
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
eBook “ถาม-ตอบ รอบรู้ AEC 360°”
eBook “ถาม-ตอบ รอบรู้ AEC 360°”
จัดทำโดย กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
เมื่อ พฤษภาคม 2555 แม้จะเก่าไปสักนิดแต่ก็น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่สนใจ จึงขอนำมาฝากครับ
http://www.cpd.go.th/cpd/cpdinter/download/aec/ถามตอบรอบรู้AEC360.pdf