เข้ายุค AEC มา 1 เดือนแล้ว, มีอะไรเปลี่ยนแปลงดีขึ้นบ้างเกี่ยวกับทักษะภาษาอังกฤษของคนไทย และของท่าน ?
สวัสดีครับ
วันนี้ 3 กุมภาพันธ์ 2559 ย่างเข้ายุค AEC มา 1 เดือนแล้ว ผมถามตัวเองว่า มีอะไรเปลี่ยนแปลงดีขึ้นบ้างเกี่ยวกับทักษะภาษาอังกฤษของคนไทย ?
คำถามนี้ผมไม่ต้องการคำตอบจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพราะผมมองในแง่ดีว่า ผู้บริหารของทุกหน่วยงานก็คงพยายามทำอย่างเต็มที่ ถ้าเป็นหน่วยราชการ รมว., ปลัด, อธิบดี, ผู้อำนวยการ ก็คงคิดและลงมือทำเพื่อให้เจ้าหน้าที่และกลุ่มเป้าหมายเก่งอังกฤษมากขึ้น, อาจารย์ใหญ่หรืออาจารย์น้อยก็คงพยายามหาวิธีสอนให้นักเรียนเก่งมากขึ้น, เจ้าของบริษัทก็คงคิดที่จะฟิตอังกฤษพนักงานของตนเช่นเดียวกัน
แต่เรื่องของเรื่องก็คือว่า ต่อให้ท่านเหล่านั้นพยายามเต็มที่เพียงใด จัดโครงการมากแค่ไหน จัดกิจกรรมบ่อยเพียงใด มันก็มีผลน้อยมากถ้าผู้เรียนคือ บุคลากร นักเรียน นักศึกษา ลูกจ้าง ประชาชน กลุ่มเป้าหมาย ไม่ได้ขวนขวายช่วยตัวเองนอกห้องเรียน
ผมขอเปรียบเทียบอย่างนี้แล้วกันครับ ครูสามารถสอนเราให้ขี่จักรยานเป็น แต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะว่าเมื่อเราขี่จักรยานเข้าไปในชีวิตจริง เราต้องเจอปัญหาอีกมากมายที่รอการเรียนรู้ ฝึกฝน ฝ่าฟัน ให้ข้ามพ้นไปได้ และเป็นไปได้ยากที่ทุกครั้งเมื่อเจอปัญหา เราจะกลับไปเข้าห้องเรียนหรือถามครู เช่น เมื่อเราขี่จักรยานแล้วเป็นตระคริว หมดแรง หลงทาง ยางในล้อรั่ว และไม่มีรถจักรยานคันอื่นขี่อยู่ใกล้ ๆ เราจะแก้ปัญหายังไง
แต่จริง ๆ แล้วปัญหาพวกนี้หรืออื่น ๆ ที่หนักหรือมากกว่านี้ มันก็ไม่ได้แสนเข็นจนแก้ไม่ได้ เพราะถ้าเราขี่จักรยานทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ลองไปขี่บนเส้นทางขรุขระ โหด ๆ ลดเลี้ยว พลุกพล่าน สับสน กลางแดด กลางฝนบ้าง เราก็จะค่อย ๆ เจอปัญหาใหม่ ๆ และรู้วิธีที่จะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง หรือกับเพื่อนร่วมทางที่เราไปเจอ
ทุกวันนี้ใคร ๆ ในโลกก็พยายามพูดภาษาอังกฤษให้ได้ อ่านให้ออก ฟังให้รู้เรื่อง เหมือนกับที่ใคร ๆ ในโลกก็ขี่จักรยานเป็น แต่ถ้าคนไทยในยุค AEC ยังคง ขี่จักรยาน หรือ ใช้ภาษาอังกฤษ อย่างกินลมชมวิว เช่นที่เป็นมาหลายสิบปี ยังคงฝึกภาษาอังกฤษแบบพึ่งครู พึ่งโรงเรียน พึ่งหน่วยงาน พึ่งให้คนเก่งมาช่วย เจอเรื่องยากก็หยุด, เจอเรื่องให้ท้อก็ถอย, อยากมาก-พยายามน้อย-แต่หลงคิดว่าตัวเองพยายามเยอะ, เสียเวลาไปกับการแสวงหาปาฏิหาริย์และทางลัดซึ่งไม่มีอยู่จริง ฯลฯ ถ้ายังเป็นอยู่อย่างนี้ผมบอกได้เลยว่า เราจะเสียดายเมื่อวันนั้นมาถึง วันที่เราควรจะชนะ แต่เราแพ้
วันนี้ ผมลองเข้าไปที่เว็บนี้
http://www.agendaweb.org/index.php
และลองหาเนื้อหาในการฝึกอ่านมาลองทำดู มันมีหลายระดับให้เลือก, มีแบบฝึกหัดทดสอบความเข้าใจในการอ่าน พร้อมเฉลย
- ง่าย: http://www.agendaweb.org/reading/easy-reading.html
- ปานกลาง: http://www.agendaweb.org/reading/comprehension_easy_interm2.html
- ยาก: http://www.agendaweb.org/reading/comprehension_interm2.html
เนื้อหาสำหรับฝึกอ่านทำนองนี้ หาอ่านได้มากมายในเน็ต ผมอยากชักชวนท่านที่ต้องการเก่งอังกฤษว่า เลิกฝึกอังกฤษอย่างขี่จักรยานกินลมชมวิวเถอะครับ เพราะในโลกทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค AEC ต่อให้เราไม่ต้องการไปแข่งกับใคร แต่สถานการณ์มันก็บังคับให้เราต้องแข่ง เรื่องนี้คงเห็นชัดขึ้นถ้ามองไปที่ลูกหลานของท่านซึ่งอยู่ในวัยเรียน เพราะฉะนั้น การฝึกตัวเองเพื่อเป็นตัวอย่างแก่เขา นั่นแหละเป็นทรัพย์สินอันมีค่ายิ่งที่ท่านสามารถมอบให้แก่เขา
เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราสร้างอนาคตได้ และการสร้างอนาคตต้องสร้างในปัจจุบันคือวันนี้ เพราะถ้าไม่สร้าง เมื่ออนาคตมาถึงและกลายเป็นปัจจุบัน ส่วนวันเวลาที่ล่วงไปกลายเป็นอดีต เราก็คงได้แต่พูดเหมือนเดิมว่า เราแก้ไขอดีตไม่ได้ คำพูดอันไร้ความหมายที่ซ้ำซากวนเวียนมาหลายชั่วอายุคนเช่นนี้ ควรจะหยุดได้แล้ว
ถ้าเราต้องการความสำเร็จ เราก็อย่าเดินบนเส้นทางที่คนล้มเหลวเดิน เส้นทางนี้เดินง่ายแต่จะนำไปสู่ความล้มเหลวและเสียใจ ส่วนเส้นทางของความสำเร็จนั้นแม้เดินยาก แต่เดินแล้วจะไม่ทำให้เราเสียใจแน่นอน